จตุพรชี้คดียุบปชป.ทีมกม.เบิกความมีพิรุธ

"จตุพร"ระบุประชาธิปัตย์จ้างทำป้ายล่วงหน้าก่อนที่จะได้รับอนุมัติจากกกต.ให้เปลี่ยนแปลงแผนงานและโครงการที่ได้ขอเงินสนับสนุน ทีมกฏหมายมีพิรุธ

พรรคเพื่อไทย -นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย  เปิดเผยภายหลังประชุมคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ที่พรรคเพื่อไทย ว่า คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่ศาลรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์จำนนต่อหลักฐานแล้ว ข้ออ้างจากคำเบิกความของนายบัญญัติ  บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องเปลี่ยนแผนทำป้ายไม่เกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรค โดยอ้างว่าหากไม่ได้รับอนุมัติจากกกต.ให้เปลี่ยนแปลงแผนงาน และโครงการก็แค่คืนเงินให้กกต.เป็นข้ออ้างที่เพิกเฉยและเย้ยต่อการผิดระเบียบและกฎหมาย ทั้งๆ ที่จำนนต่อหลักฐานและยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์จ้างทำป้ายล่วงหน้าก่อนที่จะได้รับอนุมัติจาก กกต.ให้เปลี่ยนแปลงแผนงานและโครงการที่ได้ขอเงินสนับสนุนจากกกต. ที่ได้อนุมัติไว้เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2547 

โดยมองว่ามีข้อพิรุธจากคำเบิกความนายบัญญัติ และนายประดิษฐ์ ที่เบิกความกลับไปกลับมาไม่น่าเชื่อถือและน่าเชื่อว่าเบิกความตามที่นายบัณฑิต ศิริพันธ์ สอนให้เบิกความซึ่งขัดแย้งต่อสิ่งที่พรรคได้กระทำความผิดไปแล้ว โดยชี้ให้สังคมเห็นถึงกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เนื่องจากนายบัณฑิต ศิริพันธ์ ให้ลูกความต่อสู้คดีว่า กกต. เข้าใจผิด ที่มากล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้อนุมัติเงินแต่ไปทำป้ายทั้งที่ในความจริง กกต. อนุมัติตั้งแต่ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2547 วงเงิน 19 ล้านบาท 

โดยแนวทางต่อสู้คดีที่นายบัณฑิตฯแนะนำต่อพรรคประชาธิปัตย์ มีข้อพิรุธ ที่ขัดแย้งต่อเหตุผล ข้อต่อสู้ดังกล่าวจะเกิดคำถามกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากทำป้ายได้จริง ทำไมกกต.จึงต้องมีหนังสือที่ ลต 0402 / 11812 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 แจ้งอนุมัติโครงการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับอนุมัติสนับสนุนเงินกองทุนและพรรคประชาธิปัตย์โดยนายบัญญัติฯ รับทราบจึงเป็นเหตุให้นายบัญญัติฯต้องทำหนังสือของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ ปชป. 4800020/2548 ลงวันที่ 10 มกราคม 2548 เสนอขอปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงการและแผนงานที่ได้รับการสนับสนุนจากกกต.

ดังนั้นจากหนังสือกกต.ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 และหนังสือของพรรคประชาธิปัตย์ลงวันที่ 10 มกราคม 2548 จึงเป็นพยานหลักฐานผูกมัดว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอำนาจทำป้ายก่อนที่จะได้รับอนุมัติจากกกต.การที่นายบัณฑิต ให้ลูกความสู้คดีเหมือนศรีธญชัย จะทำให้เห็นได้ว่าขัดแย้งกับสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำลงไป เพราะในขณะนั้นหากพรรคประชาธิปัตย์คิดว่าทำป้ายได้ ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องมาขออนุมัติเปลี่ยนแปลงโครงการตามหนังสือลงวันที่ 10 มกราคม 2548 พยานหลักฐานแค่นี้ก็รับฟังได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์กระทำผิดแล้ว จะมาอ้างว่า "กระทำผิดโดยสุจริตได้อย่างไร" 

 การที่นายบัญญัติฯอ้างว่าเปลี่ยนแผนทำป้ายไม่เกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรคฯ เป็นข้ออ้างทางกฎหมายเพื่อมิให้กรรมการบริหารพรรคฯต้องรับผิดหากต้องถูกยุบพรรค โดยอ้างว่าเป็นการกระทำของคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์ของพรรค ที่มีนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ตรงนี้ผมมองว่ามีข้อพิรุธเพราะตลอดมาทั้งนายบัญญัติและพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยกล่าวอ้างถึงคณะทำงานคณะชุดนี้แม้แต่บันทึกถ้อยคำที่นายบัญญัติอ้างส่งต่อศาลซึ่งนายบัณฑิตจัดทำให้ก็ไม่ได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงถึงคณะทำงานชุดนี้แต่อย่างใด อ้างเพียงว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในวิสัยที่จะดำเนินการเตรียมการจัดทำป้ายโดยเชื่อตามที่นายบัณฑิตแนะนำว่า สามารถทำป้ายได้เลยนับแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2547 

แต่เมื่อเวลามาเบิกความต่อศาลกลับอ้างข้อเท็จจริงใหม่ว่าเป็นเรื่องคณะทำงานของนายชาญชัยฯไม่เกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรคฯและเป็นเช่นนี้ถือเป็นการให้การที่วกวนกลับไปกลับมาอย่างไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับนายบัญญัติทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ ประกอบกับนายบัญญัติก็เป็นคณะกรรมการกองทุนอยู่ด้วยย่อมทราบดีว่า การขอเปลี่ยนแปลงแผนงานต่อ กกต.ไม่ใช่เรื่องที่คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์โดยนายชาญชัยฯจะเป็นผู้ดำเนินการเพราะการขอเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินใจขออนุมัติต่อ กกต. และผู้ที่มีอำนาจอนุมัติคือคณะกรรมการกองทุน มิใช่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ ดังนั้น ข้ออ้างเรื่องเปลี่ยนแผนทำป้ายไม่เกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรค รับฟังไม่ได้ด้วยเหตุและผล แต่อย่างไรก็ดีพยานหลักฐานเอกสารที่มัดว่านายบัญญัติฯพูดต่อศาลและสังคมจริงหรือไม่ให้ตรวจสอบจากหนังสือพรรคประชาธิปัตย์ที่ ปชป. 4800020/2548 ลงวันที่ 10 มกราคม 2548 จะเป็นเครื่องชี้ชัดถึงข้อความจริงที่มีอยู่ 

การที่นายบัญญัติ ชี้ว่าหากไม่ได้รับอนุมัติก็แค่คืนเงิน เห็นว่า นายบัญญัติและพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยึดมั่นต่อกฎระเบียบของการใช้จ่ายเงินสนับสนุน เพราะในเรื่องนี้กกต.ได้มีหนังสือลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 เน้นย้ำต่อพรรคว่า หากมีการเปลี่ยแปลงจะต้องขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงจากคณะกรรมการกองทุนก่อน นายบัญญัติไม่มีอำนาจวินิจฉัยว่าหากไม่ได้รับอนุมัติก็แค่คืนเงิน ความคิดของนายบัญญัติเช่นนี้พรรคอื่น ๆ ที่ถูกยุบไปแล้วจะอ้างต่อศาลได้หรือไม่ว่า ที่ทำผิดไปก็ขอคืนเงิน ไม่ขอให้ศาลมีคำสั่งยุบพรรค กฎหมายและกฎระเบียบจะศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร นายบัญญัติฯยิ่งเบิกความหรือยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวเองและพรรค ที่จำนนต่อหลักฐานว่าดำเนินการผูกพันธ์และก่อหนี้สินในการทำป้ายก่อนที่จะได้รับอนุมัติจาก กกต. เพื่อขอปรับปรุงแผนงานโครงการ นายบัญญัติในฐานะที่เป็นคณะกรรมการกองทุนต้องตระหนักถึงกฎระเบียบการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามรายการค่าใช้จ่ายทีได้รับอนุมัติในโครงการ หากมีการเปลี่ยนแปลงจะต้องขออนุมัติเปลี่ยนแปลงจากคณะกรรมการกองทุน หากความคิดของนายบัญญัติเป็นดังที่อ้างว่า หากไม่ได้รับอนุมัติก็แค่คืนเงิน พรรคอื่นที่ถูกยุบไปแล้วคงจะต้องมาถามหาความชอบธรรมจากนายบัญญัติเป็นแน่





ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์