“หมอประเวศ”วางเป้า3ปีล้างคาบ“เหลือง-แดง”

“หมอประเวศ” วางเป้า 3 ปี ล้าง “เหลือง-แดง” ชูโมเดลสร้างชุมชน-หั่นอำนาจมหาดไทย นำไปสู่การเลิกแบ่งสี ระบุ “นักการเมือง” ต้นตอ “แตกแยก” ยกสามก๊ก เป็นตัวอย่าง รบกันตายเป็นแสนทั้งที่ชาวบ้านไม่ทะเลาะกันแต่นักการเมืองขัดแย้งกัน

ที่สสส. น.พ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าแนวทางการปฏิรูปประเทศจะชัดเจนในวันที่ 16 ต.ค. นั้น ไม่ใช่ข้อเสนอของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป แต่คาดว่าจะเป็นงานของรัฐบาล ขณะนี้เรายังไม่มีข้อเสนอเพราะสิ่งที่สมัชชาทำนั้นเป็นการแก้ปัญหาโครงสร้างซึ่งเป็นเรื่องยากรัฐบาลไม่สามารถทำได้เองไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลในอดีต ปัจจุบันหรือในอนาคต สำหรับวาระเร่งด่วนที่จะทำหลังจากที่ได้หารือกับนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปเห็นตรงกันว่าจะปฎิรูปร่วมกันใน 3 เรื่องประกอบด้วย

 1 .กระจายอำนาจ 2 .ปฏิรูปที่ดิน และ 3 .ปฏิรูปภาษี โดยเรื่องการกระจายอำนาจต้องทำพร้อมๆกันไป 3 แนวทางคือแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค สร้างชุมชนให้เข้มแข็งสามารถจัดการตัวเองได้ และลดบทบาทผู้ว่าราชการ จากเดิมที่อำนาจสูงในจังหวัดอาจจะเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ และให้อำนาจในการบริหารกับนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เหมือนโครงสร้างในออสเตรเลีย ที่มีผู้ว่าแต่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนต่างพระเนตรพระกรรณ หรือเป็นผู้สังเกตการณ์เท่านั้นมีงบประมาณอยู่เล็กน้อย ส่วนอำนาจในการบริหารจะอยู่ที่นายกฯอบจ.

 นพ.ประเวศ กล่าวว่า ปัจจุบันอำนาจส่วนกลางมากเกินไป คณะกรรมการคาดว่าภายใน 1 ปี ทั้งสามแนวทางจะขับเคลื่อนไปพร้อมๆกันทั้งการแก้กฎหมาย สร้างชุมชน และลดบทบาทของกระทรวงมหาดไทย และจะสำเร็จได้ในวาระ 3 ปีของสมัชชาปฏิรูป ถ้าทำสำเร็จปัญหาบ้านเมือง 80 เปอร์เซนต์จะหมดไปทั้งการคอร์รัปชั่น ความยากจน การรักษาทรัพยากร ป้องกันรัฐประหาร เพราะอำนาจไม่ได้รวมศูนย์เหมือนเดิม จะยึดแค่ส่วนกลางไม่ได้แล้ว ที่สำคัญ หากกระจายอำนาจสำเร็จได้เสื้อเหลืองเสื้อแดงจะหายหมด เพราะถ้าชุมชนได้ลงมือทำเองเขาจะช่วยเหลือกันเรียกว่าใช้แกนทำ ไม่ใช่แกนนำหรือแกนนอน แต่ถ้าเอาแต่คิดโดยไม่ลงมือทำก็จะทะเลาะกันและด่ากันสุดท้ายนำไปสู่ความรุนแรง แต่ถ้าชุมชนได้ร่วมกันสร้างชุมชนเขาจะช่วยกันด้วยความภูมิใจ

 “ เรื่องการแบ่งสี แบ่งข้างจนกลายเป็นความรุนแรง มาจากนักการเมืองทั้งสิ้น ประชาชนกันเองไม่เกี่ยว เขาอยู่ในชุมชนเดียวกัน ถ้าทะเลาะกันแตกหักเขาจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร แต่ความคิดของนักการเมืองที่ขัดแย้งกันแล้วลากพาประชาชนเข้าสู่สงคราม ยกตัวอย่างสามก๊ก โจโฉ เล่าปี่ ซุนกวน พาประชาชนไปตายกันเป็นแสนๆคนทั้งที่พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกันเองเลย แต่นักการเมืองแย่งเมืองกันจึงมีคนล้มตาย ถ้าคนในชุมชนได้ร่วมกันทำงานมีอำนาจมากขึ้นไม่อยู่ใต้อำนาจนักการเมือง สังคมก็จะไม่มีการแบ่งสี หรือแตกแยกกัน เพราะประชาชนเข้มแข็งขึ้นไม่ต้องกลัวนักการเมือง ประชาชนจะต้อนนักการเมืองให้ทำนโยบายตามความต้องการของประชาชน”นพ.ประเวศ กล่าว

สมัชชาเยาวชนจัดกิจกรรม“คนขายชาติ”ระดมเยาวชน“ปฎิรูปประเทศ” 
 
 ทั้งนี้นพ.ประเวศ ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสื่อสารเพื่อการปฏิรูป (คปส.) กล่าวระหว่างการประชุมตอนหนึ่งว่า   การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญที่จะเชื่อมโยงปัญหาไปสู่แนวทางแก้ไข แต่การแก้ปัญหาต้องไม่มองแค่ระดับตัวบุคคล ต้องมองให้ลึกถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ กฎหมายที่ยังไม่เป็นธรรม การศึกษาที่ไม่เป็นธรรม ทั้งนี้การทำให้โครงสร้างสังคมเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จคือ ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมคิดร่วมทำ การทำงานของ คสป.ที่ผ่านมาจึงเน้น  2  ประเด็นคือ การส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการทั้ง  14  คณะ อาทิ คณะกรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป คณะกรรมการเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน คณะกรรมการเครือข่ายผู้เสียโอกาส เป็นต้น ประเด็นที่สอง การใช้การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อเป้าหมายคือทำให้ประชาชนไทยทุกคนกลายเป็นเซลล์สมองของประเทศ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างที่ดีที่สุด

 “ คนไทยเหมือนคนไก่อยู่ในเข่ง รอวันเขาพาไปฆ่าตาย เพราะเราไม่มีความคิดเชิงโครงสร้าง คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีเป้าหมายร่วมกัน แต่ถ้าเซลล์สมองกว่าแสนล้านตัวเชื่อมโยงร่วมกันเป็นเน็ตเวิร์คอยู่ในหลายเครือข่าย ถ้าประชาชนในประเทศแต่ละคนเป็นเหมือนเซลสมอง สามารถรับรู้ความจริงได้ เชื่อมโยงติดต่อกันได้ และมีความคิดเห็นต่อกันได้ โดยเฉพาะการมีเจตจำนงเดียวกัน เปรียบได้กับประชาชนที่มีเป็นล้านแต่ทุกคนมีเจตจำนงค์เดียวกัน ดังนั้นหากประชนทั้งประเทศมีเป้าหมายเดียวกันได้จะเกิดการรวมพลังมหาศาล ถือเป็นหน้าที่ของการสื่อสารที่จะทำให้คนไทยทั้งหมดรับรู้ความจริงและสามารถสื่อสารถึงกันได้อย่างมีเจตจำนงเดียวกันซึ่งถือเป็นสมองของประเทศก็จะมีพลังออกจากเข่งได้ ”  นพ.ประเวศกล่าว

 นพ.ประเวศ กล่าวด้วยว่า การสื่อสารจะต้องเป็นผู้ทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ คือ การเชื่อมโยงเซลล์ต่างๆ ให้คนไทยรับรู้ความจริงอย่างทั่วถึง สื่อสารถึงกันได้ และเกิดการเรียนรู้ นอกจากการสื่อสารแล้ว นักวิชาการจะต้องเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการทำหน้าที่เป็นผู้ศึกษาข้อมูลความรู้ รับฟังข้อเสนอ เพื่อสังเคราะห์เกิดเป็นนโยบายนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องได้ เราจะต้องทำให้คนไทยตระหนักสำนึกในศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นคนของเราเองจะทำให้เกิดความสุขได้

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้ตัวแทนสมัชชาเยาวชนเพื่อการปฏิรูปได้นำเสนอแผนงานของเยาวชนว่าเร็วๆนี้จะจัดกิจกรรม “คนขายชาติ” ที่ลานสยามพารากอน โดยจะเปิดให้เยาวชนมาลงทะเบียนเพื่อซื้อหุ้นให้ทุกคนเป็นหุ้นส่วนของประเทศ แล้วให้คิดว่าตัวเองจะซื้อหุ้นนี้ราคาเท่าไหร่จากนั้นให้คิดว่าจะทำให้หุ้นที่ถืออยู่นั้นมีราคาขึ้นมาได้อย่างไร เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมว่าเยาวชนทุกคนเป็นหุ้นส่วนของประเทศนี้ เพราะที่ผ่านมาเยาวชนมักจะคิดว่าประเทศนี้เป็นของผู้ใหญ่หรือพ่อแม่ ไม่ใช่ของตัวเอง กิจกรรมนี้จะทำให้เยาวชนอยากทำสิ่งดีๆให้ประเทศเพราะถือว่าตัวเองเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของชาติ

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์