“หมอประเวศ”ปฏิรูประเทศขอเวลา 1 ปี

“หมอประเวศ”เปรียบคนไทยเป็น“เซลล์สมอง”เชื่อมโยงพลังปฏิรูประเทศ ขอเวลา 1 ปี ปฎิรูปกฎหมาย


วันนี้ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)  นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป(คสป.) กล่าวในการประชุมคณะกรรมการสื่อสารเพื่อการปฏิรูป ใน คสป. ครั้งที่ 2/2553 ที่มีนายมานิจ สุขสมจิตร เป็นประธาน ว่า การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญที่จะเชื่อมโยงปัญหาไปสู่แนวทางแก้ไข แต่การแก้ปัญหาต้องไม่มองแค่ระดับตัวบุคคล ต้องมองให้ลึกถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ กฎหมายที่ยังไม่เป็นธรรม การศึกษาที่ไม่เป็นธรรม ทั้งนี้การทำให้โครงสร้างสังคมเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จคือ ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมคิดร่วมทำ การทำงานของ คสป.ที่ผ่านมาจึงเน้น 2 ประเด็นคือ 1.การส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการทั้ง 14 คณะของ คสป.2.การใช้การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อเป้าหมายคือทำให้ประชาชนไทยทุกคนกลายเป็นเซลล์สมองของประเทศ 
    
“คนเรามีเซลล์สมองกว่าแสนล้านตัวเชื่อมโยงร่วมกัน เปรียบได้กับประชาชนที่มีเป็นล้านแต่ทุกคนมีเจตจำนงค์เดียวกัน ดังนั้นหากประชนทั้งประเทศมีเป้าหมายเดียวกันได้จะเกิดการรวมพลังมหาศาล หาวิธีบินออกจากเข่งของปัญหาได้ โดยการสื่อสารจะต้องเป็นการทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ คือ การเชื่อมโยงเซลล์ต่างๆ ให้คนไทยรับรู้ความจริงอย่างทั่วถึง สื่อสารถึงกันได้ และเกิดการเรียนรู้ นอกจากการสื่อสารแล้ว นักวิชาการจะต้องเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการทำหน้าที่เป็นผู้ศึกษาข้อมูลความรู้ รับฟังข้อเสนอ เพื่อสังเคราะห์เกิดเป็นนโยบายนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องได้” ศ.นพ.ประเวศ กล่าว 


นพ.ประเวศ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้หารือร่วมกับนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ

เห็นตรงกันว่าเบื้องต้นมีประเด็นที่จะต้องหยิบยกมาปฏิรูปใน 3 เรื่องแรก คือ ปฏิรูประบบการกระจายอำนาจให้แก่ชุมชน ปฏิรูประบบภาษี และปฏิรูปที่ดิน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ควรพิจารณาโดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมายที่จะต้องมีนักวิชาการมาร่วมคิดด้วย ทั้งนี้ตนคาดว่าอาจใช้เวลาประมาณ 1 ปีจะได้ข้อสรุปในเรื่องเหล่านี้ ทั้งนี้ใน

“เรื่องการกระจายอำนาจถือว่ามีความสำคัญมาก โดยขณะนี้กำลังให้นักกฎหมายคิดหารูปแบบกฎหมายการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นที่รวมกันเป็นฉบับเดียว เพราะเวลานี้ใช้กฎหมายหลายฉบับมากแต่ไม่มีประสิทธิภาพ  โดยมีการพูดคุยกันถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ประเทศไทยก็มีการเลือกตั้ง อบจ.อยู่แล้ว จึงมีการพูดไปถึงการปรับลดอำนาจผู้ว่าฯ ลงให้อยู่ในฐานะกำกับนโยบาย    ซึ่งการปกครองที่ครอบงำเมืองไทยมานานเป็นปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ นำไปสู่การลงทุนโดยนักการเมืองเพื่อให้ได้อำนาจ  จะเห็นได้ว่าวันนี้คนเพียงคนเดียวสามารถสั่งผู้ว่าฯ ได้ทุกจังหวัด  ถ้าสามารถกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นได้จริงจะสามารถแก้ปัญหาความยากจน การจัดสรรทรัพยากร ตลอดไปจนถึงแก้ปัญหาการรัฐประหารได้ ตนคาดว่าหากทำเรื่องการกระจายอำนาจสำเร็จจะช่วยแก้ปัญหาของประเทศได้ถึง 80 % ซึ่งเรื่องเหล่านี้รัฐบาลไหนก็ไม่สามารถทำได้ แต่ต้องให้ประชาชนเป็นคนทำ และปฎิรูปด้วยตนเอง” นพ.ประเวศ กล่าว

นพ.ประเวศ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะได้ข้อสรุปในการการปฎิรูปประเทศในวันที่ 16 ต.ค.นี้

การปฎิรูปประเทศไทยไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน นายกรัฐมนตรีคงพูดถึงซีกรัฐบาลที่จะมีข้อสรุปในเบื้องต้น เพราะเรื่องนี้มีคนดำเนินการหลายฝ่าย และเราไม่อยากให้ใครเป็นเจ้าของแต่ให้สังคมเป็นเจ้าของร่วมกัน เพราะไม่ว่ารัฐบาลไหนทั้งในอดีตหรืออนาคตก็ไม่เคยมีใครทำเรื่องปฎิรูปสำเร็จ แต่เชื่อว่าการปฎิรูปจะสำเร็จได้ต้องเกิดจากประชาชน
 
นางจำนรรค์ ศิริตัน นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ กล่าวว่า

ขณะนี้สื่อส่วนใหญ่ละเลยความเดือดร้อนของประชาชน กลับไปนำเสนอประเด็นตามกระแส มุ่งเรตติ้งการตลาดเป็นหลัก ในช่วงที่ผ่านมามีน้ำท่วมเกิดขึ้นในหลายจังหวัด แต่ประเด็นที่สื่อเสนอกลับมีแต่เรื่องฟิล์มกับแอนนี่โดยไม่ได้นำเสนอถึงการแก้ปัญหาให้ประชาชน  ดังนั้นคณะกรรมการฯ จะต้องหาแนวทางในการขอความร่วมมือกับสื่อให้นำเสนอรายการหรือเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาและสร้างความปรองดองในชาติ 
    
นายธนวัฒน์ วันสม ผู้อำนวยการ อสมท. กล่าวว่า ทุกวันนี้ช่องทางสื่อมีหลากหลายมาก โดยเฉพาะสื่อใหม่ จึงเป็นโอกาสและความพร้อมที่จะใช้เป็นพื้นที่หนุนให้เกิดการขับเคลื่อนสังคมเพื่อการปฏิรูปได้ ซึ่งสื่อทุกแขนงก็ยินดีร่วมคิดร่วมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์