พท.โคราช จี้รบ.เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขู่ดึงดันต่อ ปชช.อาจลุกฮือเข้ากทม.


           นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เขต 3  พรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ จ.นครราชสีมา ถึงกรณีที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ มีความพยายามที่จะให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีซึ่งลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว กลับมาสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่อีกครั้ง  ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าทางพรรคมีความพยายามที่จะผลักดันให้นายสุเทพฯ ขึ้นเป็นนายกต่อจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกคนปัจจุบัน หากพรรคประชาธิปัตย์ถูกตัดสินยุบพรรค ว่า ส่วนตัวแล้วมองว่าการที่นายสุเทพฯลาออกจาก ส.ส.ไปแล้ว และทางสาขาพรรคประชาธิปัตย์มีมติให้ลงสมัคร ส.ส.ใหม่ เป็นไปได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังเตรียมสำรองนายสุเทพฯไว้เป็นนายกคนต่อไป เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์คงจะรอดพ้นจากความผิดในคดียุบพรรคได้ยาก ประกอบกับ นายสุเทพฯ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรค ซึ่งการกระทำที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังดำเนินการอยู่กำลังขัดต่อแนวทางปฏิบัติในระบอบประชาธิปไตยอย่างมาก เนื่องจากการที่ใครคนใดคนหนึ่งจะขึ้นมาเป็นนายกฯต้องได้รับเสียงศรัทธาจากพี่น้องประชาชนโดยส่วนมากทั้งประเทศ ไม่ใช่ว่ามาหวังส้มหล่นแล้วก็ไปเลือกตั้งจังหวัดเดียว แต่มันต้องเป็นเสียงของการเลือกตั้งทั่วไปเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ประชาธิปัตย์กำลังดำเนินการอยู่เป็นเรื่องที่ไม่สมควร
 


ส่วนการที่มีความพยายามจากภูมิใจไทยที่ล่ารายชื่อประชาชนเพื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น นายประเสริฐ ให้ความเห็นว่า การล่ารายชื่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคภูมิใจไทย ส่วนตัวมองว่าความพยายามที่จะส่งเสริมในเรื่องการปรองดองเป็นเรื่องดี  แต่ขอให้ทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีวาระซ่อนเร้น แต่การกระทำของพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้ตนเองคิดว่า น่าจะเป็นการกระทำเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง เพราะที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยแต่ละครั้งมักจะเป็นเกมการเมือง ซึ่งก็คงต้องจับตามองกันต่อไป

ส่วนเหตุระเบิดรายวันที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯขณะนี้ นายประเสรฐฯ ระบุว่า รัฐบาลวันนี้ไม่รู้ทำงานอะไรอยู่ เหตุระเบิดรายวันจับผู้กระทำผิดไม่ได้สักราย และพื้นที่หลายพื้นที่ในประเทศไทยก็เริ่มที่จะเกิดปัญหามากขึ้น แต่รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงยังทำได้เพียงแค่สงสัยคนโน้นคนนี้ แต่หาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้   ส่วนภาพรวมในระดับประเทศโดยเฉพาะตอนนี้เรื่องปัญหาทุจริตคอรัปชั่นที่หลายเรื่องหลายออย่างเป็นปัญหาใหญ่ๆ แต่ดูเหมือนนายกรัฐมนตรีเพิกเฉยต่อปัญหา ส่วนตัวแล้วอยากให้ทุกปัญหาได้รับการคลี่คลายลงโดยเร็ว จึงขอฝากไปยังรัฐบาลว่า อย่ามัวแต่แก้ปัญหาเรื่องการเมือง เกมการเมือง หันมาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนจะดีกว่า


 
นอกจากนี้  นายประเสริฐ  กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรต่างๆใน จ.นครราชสีมา และพี่น้องประชาชน พ่อค้า นักธุรกิจ ผู้ประกอบกิจการตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างเรียกร้องให้มีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะ จ.นครราชสีมา และจังหวัดในภาคอีสาน รวมทั้งในกรุงเทพฯว่า การประกาศพระราชกำหนดฉบับนี้ จะเป็นการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว การลงทุนในช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึง หากยังคงมีการบังคับใช้อยู่ ส่วนตัวเห็นว่า รัฐบาลน่าจะยกเลิกได้แล้ว  โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา ที่มีการกล่าวอ้างว่า เป็นเมืองผ่านจำเป็นต้องคง พ.ร.ก.นี้ไว้ เหตุผลนี้ไม่เพียงพอในการที่จะมายกเอาเป็นข้อกล่าวอ้างที่จะต้องคง พรก.ฉุกเฉิน  เพราะไม่ว่าใครจะเดินทางไปกรุงเทพฯก็ต้องผ่านจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด ฉะนั้นควรให้มีการยกเลิกโดยเร็ว  ประกอบกับขณะนี้พี่น้องประชาชน ทุกองค์กร ทั้งภาคธุรกิจ ภาคเอกชนต่างก็เรียกร้องกันมาก จนในที่สุดต้องออกมาเคลื่อนไหวอย่างเช่นเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2553 ที่ผ่านมา ที่ จ.นครราชสีมา  เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า ตลอดระยะเวลากว่า 5 เดือนที่มีการประกาศบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉินในพื้นที่ ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่นำไปสู่ความวิตกกังวล  ส่วนเรื่องที่มีอาจะมีการชุมนุมทางการเมืองหลังจากมีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉินนั้น  ทุกวันนี้กลุ่มมวลชนทุกกลุ่มก็ชุมนุมด้วยความสงบ ชาวบ้านมีความเข้าใจ โดยเฉพาะในช่วงนี้เป็นช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่เป็นช่วงที่รายได้กำลังเข้า จ.นครราชสีมา พ.ร.ก.ฉบับนี้ก็จะเป็นตัวที่สร้างความรู้สึกไม่ดีให้กับคนผ่านไปผ่านมา และอีกไม่กี่วันก็เป็นเทศกาลถือศีลกินเจนักท่องเที่ยว 1 – 2 หมื่นคนจะใช้โอกาสนี้ท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่ จ.นครราชสีมา ที่ทุกๆปีจะมีรายได้หรือเงินจะสะพัดในช่วงนี้กว่า 100 ล้านบาท แต่หากรัฐบาลยังคงประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน นักท่องเที่ยวจะความรู้สึกว่า จ.นครราชสีมาอยู่ในเขตพระราชกำหนดก็ไม่อยากที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ทำให้อาจจะสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ไป  ดังนั้นประกาศยกเลิกโดยเร็วที่สุด ถ้าไม่เช่นนั้นอาจเป็นไปได้ว่า พี่น้องประชาชนชาวโคราชอาจจะมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อในทุกอำเภอ 32 อำเภอ รวมทั้งจังหวัดอื่นๆด้วย เพื่อกดดันให้รัฐบาลต้องประกาศยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน และอาจจะมีการเคลื่อนไหวเดินทางเข้าไปยังส่วนกลางเพื่อเรียกร้องทำให้อาจเกิดปัญหาขึ้นมาอีกได้  จึงขอย้ำว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลอย่ามัวแต่แก้ปัญหาการเมืองขอให้หันมาแก้ปัญหาบ้านเมือง แก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนจะดีกว่า 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์