ก๊วนเมืองชล ซานซบ ´เติ้ง´ สอด ´ใบสมัคร´ไว้ในข้าวหลาม

"ครบ 2 เดือนหลังจากยึดอำนาจทักษิณ"


นับเป็นเวลาครบ 2 เดือนแล้วที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ปฏิรูปการปกครองยึดอำนาจจาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสนี้ พล.อ.สนธิได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนในหลายประเด็น ขณะที่ฝ่ายการเมืองและภาคประชาชนก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คมช.

สนธิ ดีใจ บุช มองไทยดีขึ้น

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 19 พ.ย. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวหลังยึดอำนาจการปกครองจาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครบ 2 เดือนว่า ขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะรัฐบาลเดินไปได้ดีมาก เห็นได้จากการประชุมเอเปคเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งสหรัฐอเมริกา เข้าใจสถานการณ์เมืองไทยดีกว่าหลายคน จึงเป็นสิ่งที่เราสบายใจมาก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ใหญ่ จึงถือว่าเป็นความสำเร็จ ซึ่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้นำข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการปฏิรูปการปกครอง ไปเล่าให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯทราบโดยตลอด ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกสบายใจหรือยังที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้คุยกับผู้นำสหรัฐฯ พล.อ.สนธิตอบว่า มีความดีใจสุดๆ เพราะเรากำลังห่วงว่าต่างประเทศมองไทยไม่ดี แต่หลังจากที่ พล.อ.สุรยุทธ์ คุยกับผู้นำสหรัฐฯแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด

ยันไม่ระแวงความเคลื่อนไหว ทักษิณ


ต่อข้อถามว่า ได้ประเมินกลุ่มคลื่นใต้น้ำมีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือไม่จากเดิม 5 % พล.อ.สนธิกล่าวว่า เชื่อว่าจะค่อยๆน้อยลง เวลายิ่งยาวคลื่นใต้น้ำยิ่งน้อยลง เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ตนไม่ได้ซีเรียสกับคลื่นใต้น้ำ แต่การเฝ้าระวังเป็นหน้าที่ของกองทัพ เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณทุ่มเงินเป็นพันล้านบาทให้บางคนในกองทัพเพื่อโค่นล้ม คมช. พล.อ.สนธินิ่งไปครู่ ก่อนจะหัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไม่จริงๆ ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณยังวนเวียนอยู่รอบๆประเทศไทยนั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรกับ คมช. เพราะเรามีแนวทางชัดเจน ยืนยันว่า คมช.ไม่หวาดระแวงหรือหวั่นวิตกต่อการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ

แจงเหตุยังไม่เลิกกฎอัยการศึก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเมื่อไม่ซีเรียสกับคลื่นใต้น้ำ แล้ว อะไรคือเงื่อนไขหลักที่ยังไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก พล.อ.สนธิกล่าวว่า ต้องแยกแยะความมั่นคงของประเทศ เพราะผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและความปลอดภัยของประชาชน เป็นหน้าที่ของทหารที่จะต้องระวังไว้ ทุกคนต้องเข้าใจว่าบ้านจะต้องมีรั้ว ทหารก็มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ดังนั้นอะไรที่จะเป็นภัย ก็จะพยายามหามาตรการมาช่วยให้ประชาชนมีความปลอดภัยดีที่สุด

เมื่อถามว่า เหนื่อยหรือไม่กับการทำงานในระยะนี้ เพราะ คมช.ถูกหลายฝ่ายโจมตี พล.อ.สนธิกล่าวว่า เป็นธรรมชาติของสังคมและเป็นปกติของการเมืองไทย เราเป็นทหาร ไม่เคยเป็นนักการเมือง แต่พอมาอยู่สักพักก็เรียนรู้วัฒนธรรมทางการเมืองไปพอสมควร แน่นอน เราอ่อนหัด แต่สิ่งที่ผ่านมาคือประสบการณ์ จะต้องรีบตักตวง และเก็บไว้เป็นความรู้

ลั่นไม่ใช้กฎหมู่เช็กบิลอดีตนายกฯ


เมื่อถามว่าประชาชนต้องการให้ คมช.มีความเด็ดขาดมากกว่านี้ ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาของชาติ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ผมมีหน้าที่อย่างเดียวคือปลดนายกรัฐมนตรี อย่างอื่นไม่มี ซึ่งในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน ฉะนั้นจะให้ คมช.ไปทำอะไรไม่ได้หรอก 14 วันจากนั้นมาก็หมดแล้ว ทุกคนคงจะมองว่าทำไม คมช.ไม่ทำไอ้นั่นไอ้นี่ ซึ่งทาง คมช.ไม่มีหน้าที่ และยิ่งองค์กรอิสระต่างๆที่เราตั้งขึ้นมา จะไปเร่งให้ทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ยิ่งไม่ได้ เพราะเราหมดหน้าที่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะจัดการอย่างไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สนธิกล่าวว่า กฎหมายเท่านั้น ไม่มีอะไรดีไปกว่ากฎหมาย ถ้าใช้กฎหมู่ก็จะไม่ดี การจะทำอะไรเราต้องกฎมีเกณฑ์ ประชาธิปไตยต้องอยู่บนรากฐานของรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าประชาชนอยากเห็น คมช.เช็กบิล พ.ต.ท. ทักษิณเร็วๆ พล.อ.สนธิกล่าวว่า คมช.ไปเช็กบิลใครไม่ได้ นอกจากเช็กตัวเองให้เรียบร้อย ส่วนการคอรัปชันของรัฐมนตรีที่ผ่านมาเป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระ ตนกับรัฐบาลจะช่วยกันติดตามและรายงานให้ประชาชนทราบ

รับมีจุดอ่อนขาดการประชาสัมพันธ์

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการปฏิวัติซ้อน พล.อ. สนธิกล่าวว่า ไม่มีหรอก อย่าไปสนใจเลย เรื่องนี้อย่าไปกระพือออกมา การปฏิวัติซ้อนเป็นไปไม่ได้ พวกเรารักกันค่อนข้างมาก

เมื่อถามว่า คมช.จะต้องเน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้มากขึ้นหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงการทำงาน พล.อ.สนธิกล่าวว่า ถูกต้อง อันนี้คือจุดอ่อนของเรา คือขาดการประชาสัมพันธ์ ทหารกับประชาชนต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ตนอยากให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นเจ้าของกองทัพ

เผย คมช.เลือกสมัชชาเสร็จแล้ว


พล.อ.สนธิยังกล่าวถึงการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติว่า กำลังเร่งให้เป็นไปตามห้วงเวลา ส่วนราย ละเอียดจะต้องไปถาม พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับดูแลการสรรหาสมัชชาแห่งชาติ (กดส.) เท่าที่ได้รับรายงานมาคือเป็นไปตามกำหนดเวลา โดยเฉพาะการสรรหาในสัดส่วนของ คมช. ได้พิจารณาคัดเลือกเรียบร้อยแล้ว ผู้สื่อข่าถามว่ามีหลัก เกณฑ์การคัดเลือกตัวแทนสมัชชาแห่งชาติจาก 200 คนให้เหลือเพียง 100 คน เพื่อทำหน้าที่สภาร่างรัฐธรรมนูญอย่างไร พล.อ.สนธิกล่าวว่า กำลังคิดว่าจะใช้ผลของคะแนนที่มีอยู่เป็นตัวตั้ง โดย คมช.จะพิจารณาร่วมกัน

บี้ จาตุรนต์ เปิดข้อมูลทหารกร่าง

ส่วนกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่ามีกำลังพลจากกองทัพภาคที่ 2 และ 3 ข่มขู่รีดไถเงินอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยนั้น พล.อ. สนธิยังกล่าวว่า ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 และ 3 ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว กองทัพภาคยืนยันว่าไม่มี จึงอยากให้นายจาตุรนต์ช่วยมาให้ข้อมูลชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย เพื่อจะได้พิจารณาลงโทษคนในกองทัพที่ไม่เรียบร้อย ถ้านายจาตุรนต์ปรารถนาดีต่อกองทัพก็ต้องมาให้ข้อมูล หากเข้าใจตรงกันความสมานฉันท์ก็เกิด ไม่เช่นนั้นจะเกิดความกันไปทั่ว ขอให้เลิกเสียดีกว่าแล้วหันมาช่วยกัน

ต่อข้อถามว่า สงสัยหรือไม่ว่าคนระดับหัวหน้าพรรคออกมาพูดมีจุดประสงค์อย่างไร พล.อ.สนธิกล่าวว่า นายจาตุรนต์ไม่ใช่คนที่มีนัยอะไรลึกซึ้ง เป็นคนที่ตรงไปตรงมา ดังนั้น คงเป็นเรื่องของข้อมูลบางอย่างที่สื่อไปถึง และนายจาตุรนต์ก็สื่อออกมาจากความรู้สึก อย่าลืมว่าทหารกับ ส.ส.เป็นเพื่อนฝูงกันทั้งนั้น การพบปะพูดคุยผลัดกันเลี้ยงคงมีบ้าง ที่พูดเช่นนี้เป็นความรู้สึกทั่วๆไป แต่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่รู้

ทรท.เย้ย คมช.เหมือนรัฐบาลพม่า


นายอิทธิเดช แก้วหลวง อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่า มีทหารข่มขู่คุกคามอดีต ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยว่า ยอมรับว่ามีทหารเข้ามาพบปะทักทายบ้าง โดยมากก็รู้จักกัน ไม่มีปัญหาอะไร แต่ในส่วนของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่นั้น ได้มาเล่าให้ฟังว่ามีทหารเข้าไปจับตาความเคลื่อนไหว ผลัดเปลี่ยนเวรกันมาเป็นระยะ ทำให้รู้สึกอึดอัด ส่วนตัวมองว่าปัจจุบันผู้มีอำนาจกำลังแปลความหมายคำว่าประชาธิปไตยผิดหมด ทำการปฏิวัติแล้วยังมาบอกว่าเป็นประชาธิปไตย ควรไปเปิดพจนานุกรมดูให้ดีก่อน ทุกวันนี้รู้สึกอายชาวพม่าที่มีพื้นที่ติดกับจังหวัดของตน เพราะเมื่อก่อนด่าเขาไว้เยอะ ตอนนี้โดนแซวกลับบ้างว่าประเทศไทยเหมือนกับพม่าแล้ว เขามีสล็อก เรามี คมช. ตรงนี้จึงเป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าสปิริตและสมองคนเราไม่ต่างกัน อยู่ภูมิภาคเดียวกัน สูดอากาศเหมือนกัน ปมด้อยจึงมีคล้ายๆกัน

เอกภาพ ตอกกลับ ไทกร

นายเอกภาพ พลซื่อ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานกลุ่มอีสานกู้ชาติ ระบุว่า มีขบวนการคลื่นใต้น้ำจากพรรคไทยรักไทย โดยมีการจ่ายเงิน 28 ล้านบาทให้กับอดีต ส.ส.ของพรรคหลายพื้นที่เพื่อให้เตรียมเคลื่อนไหวทางภาคเหนือและอีสานว่า ตั้งแต่มีการยึดอำนาจก็ไม่ได้ไปทำกิจกรรมอะไรกับใครเลย นอกจากพบปะชาวบ้านในพื้นที่ การที่นายไทกรระบุอักษรย่อว่า อ. ร้อยเอ็ด ไปรับเงินมาเตรียมการเคลื่อนไหว ไล่เรียงดูก็มีตนแค่คนเดียว ที่บอกว่ารับเงินเดือน 5 แสนนั้น ทำให้เพื่อนฝูงเคลือบแคลง ลูกเมียสงสัยว่าจริงหรือเปล่า และเอาเงินไปใช้อะไร ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีมูลความจริง ตั้งแต่มีการรัฐประหารก็ไม่เคยได้รับเงินจากพรรค จึงข้องใจการออกมาให้ข้อมูลของนายไทกร อาจจะเป็นมือปืนรับจ้างจากพรรคการเมืองอื่นหรือเปล่า ต้องการสร้างกระแสบิด พลิ้วเงื่อนไขการเลือกตั้งภายใน 1 ปีหรือไม่ การใส่ร้ายป้ายสีอย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง จะทำให้เกิดความแตกแยก ไม่สงบเสียที

อภิสิทธิ์ ชี้บ้านเมืองเข้าสู่จุดเสี่ยง


ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนบทความลงในเว็บไซต์ส่วนตัว www.abhisit.org เนื้อหาระบุว่า จากช่วงเริ่มต้นที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ได้รับกำลังใจและความไว้วางใจจากประชาชนจำนวนมาก แต่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าประชาชนเริ่มรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจมากขึ้นเป็นลำดับ รัฐบาล คมช. และ สนช. ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบจากเหตุการณ์และการตัดสินใจเรื่องต่างๆ แม้นายกฯจะแสดงออกถึงความมุ่งมั่นจริงใจอย่างต่อเนื่อง แต่บรรยากาศความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเสื่อมความนิยมของรัฐบาล ได้กลายเป็นความเสี่ยงของประเทศอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งประเทศไทยไม่อาจยอมรับการเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญได้อีกแล้ว ดังนั้น ผู้นำต้องตระหนักว่า หากทำงานไม่ประสบความสำเร็จ จะต้องแบกรับความเสียหายมหาศาล

จี้รัฐบาล-คมช.โชว์เชือดทุจริต

นายอภิสิทธิ์ระบุว่า การฟื้นฟูความเชื่อมั่นว่าจะนำบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็วและเรียบร้อยเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด การกระทำดังกล่าวจะสำเร็จได้โดยประกาศกระบวนการที่ชัดเจนในการคืนอำนาจให้ประชาชน และวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับประชาธิปไตย รัฐบาลและ คมช. ต้องสื่อสารและดำเนินการเพื่อแสดงให้เห็นว่าเข้ามาบริหารประเทศเพื่อฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย ควรเริ่มต้นจากการชี้แจงเหตุผลที่เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า เหตุใดรัฐธรรมนูญฉบับก่อน และกลไกประชาธิปไตยตามปกติจึงไม่สามารถดำเนินไปได้ วัตถุประสงค์สำคัญไม่ใช่ การโน้มน้าวให้ประชาชนเชื่อว่าการรัฐประหารเป็นสิ่งจำเป็นหรือชอบธรรม แต่เป็นการชี้แจงเพื่อพิสูจน์ว่า การรัฐประหารไม่ใช่เรื่องของการแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ ข้อเท็จจริงสำคัญที่ต้องแสดงออกมา คือเรื่องความเสื่อมของหลักนิติรัฐ การละเมิดสิทธิมนุษยชน การคอรัปชันที่เกิดขึ้นมากมาย แต่ไม่มีการลงโทษ แม้จะใช้เวลาบ้างก่อนที่ข้อเท็จจริงทั้งหมดจะถูกเปิดเผย แต่คณะผู้นำชุดใหม่ต้องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขสิ่งผิดพลาดจากระบบเก่าเป็นลำดับแรก เพราะความล้มเหลวในการสื่อสารและการดำเนินการเรื่องนี้ ได้ส่งผลให้ประชาชนรู้สึกหงุดหงิดอึดอัดมากที่สุด

แนะพลิกเกมจากรับเป็นรุก


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า การให้ความสำคัญต่อกระบวนการฟื้นฟูความเชื่อมั่น จะช่วยให้คณะผู้นำชุดใหม่กลับมาเป็นฝ่ายรุกมากกว่าเป็นฝ่ายรับจากข่าวลือเรื่องต่างๆที่มีอยู่ทุกวัน อาทิ เรื่องการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเรื่องเหตุผลที่ยังไม่อาจยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งนำไปสู่การตีความว่าคณะผู้นำชุดใหม่เกรงกลัวต่อการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยในเรื่องที่สำคัญ

ห้ามประนีประนอมกับคนผิด

เมื่อได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการกระทำที่เป็นความผิดแล้ว ผู้กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการหรือนักธุรกิจ จะต้องถูกลงโทษอย่างจริงจัง จะต้องไม่มีการประนีประนอมยอมความ โดยใช้ข้ออ้างเพื่อการปรองดองสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติ ถ้าเราไม่สามารถสร้างกฎหมายให้มีผลบังคับใช้โดยไม่มีใครที่อยู่เหนือกฎหมายได้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็จะปราศจากความหมาย ที่ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือความจำเป็นที่คณะผู้นำชุดใหม่ต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้ดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง การดำเนินการใดที่แสดงให้เห็นว่าคณะผู้นำชุดใหม่ ไม่ได้แตกต่างจากผู้ที่พวกเขากล่าวหา จะเป็นปัจจัยที่สร้างความสั่นคลอนให้ผู้นำปัจจุบันได้ นายอภิสิทธิ์ระบุ

บี้เร่งคลอด รธน.ใหม่


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุตอนท้ายว่า งานที่สำคัญที่สุดคือการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะนี้กระบวนการที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนี้ดูจะใช้เวลายาวนานเกินความจำเป็น ระยะเวลาที่ถูกใช้ไปกับกระบวนการสรรหาดูเหมือนว่าจะสูญเปล่า คมช.จึงควรเร่งดำเนินการในทุกขั้นตอนของกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ การประกาศแผนคืนอำนาจและประชาธิปไตยเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่สุด ในการฟื้นฟูความเชื่อมั่น นอกจากนี้ประชาชนต้องการเห็นคณะผู้นำมีความชัดเจนในภารกิจที่จัดเรียงเป็นลำดับความสำคัญ ดังนั้นคณะผู้นำต้องแสดงให้เห็นว่าได้เข้ามาสะสางกวาดล้างความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา รวมทั้งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์จากอุทกภัย การระงับความตึงเครียดรุนแรงในภาคใต้ และการคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างรวดเร็วและราบรื่น ผู้นำรัฐบาลและประธาน คมช.มีความน่าเชื่อถือเพียงพอที่จะเป็นพื้นฐานในการดำเนินการตามภารกิจได้สำเร็จตามที่คาดหวัง แต่จะต้องทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและกลไกต่างๆขับเคลื่อน โดยตระหนักถึงภาระหน้าที่ข้างต้นด้วย เดิมพันของประเทศมีอยู่สูงมาก การดำเนินการต่อไปจึงไม่เปิดโอกาสให้มีความผิดพลาดบกพร่องได้มากนัก

องอาจ ฉะ ทักษิณ สร้างข่าว

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อกดดัน และเล่นเกมกับรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่าความเคลื่อนไหวต่างๆไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นลอยๆโดยไม่ตั้งใจ แต่มีการวางแผนไว้แล้ว เพราะเวลาจะเดินทางไปประเทศไหนก็มีข่าวเล็ดลอดออกมาก่อน สื่อมวลชนไม่มีทางรู้เลยถ้าคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณไม่บอก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่นักฟุตบอลระดับโลกหรือดาราฮอลลีวูดที่คนทั่วโลกจำหน้าได้ แต่เวลาไปช็อปปิ้งกินข้าวที่ไหนกลับมีสื่อมวลชนไปรอถ่ายภาพ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการสร้างข่าวทำสงครามจิตวิทยากับ คมช. และรัฐบาล แม้แต่ตอนไปกินข้าวกับรัฐมนตรีของอินโดนีเซียยังเลือกร้านอาหารชื่อ คูเดตา ความหมายคือ รัฐประหาร ดังนั้นคงไม่ใช่ความเคลื่อนไหวลอยๆแน่

วอนหยุดสร้างความแตกแยก


นายองอาจกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณหาประโยชน์และรายได้จากประเทศไทยไปมากแล้ววันนี้ถึงเวลาที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติบ้าง วิธีการง่ายๆคือ หยุดสร้างเงื่อนไขสร้างความไม่ไว้วางใจระหว่างคนไทย เพราะตราบใดที่ยังทำสงครามจิตวิทยาอยู่อย่างนี้ ความไม่ไว้วางใจกันระหว่างคนไทยในชาติจะขยายออกไปเรื่อยๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประธาน คมช.ระบุว่าไม่มีกฎหมายที่จะจัดการ พ.ต.ท.ทักษิณได้ นายองอาจกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิตามกฎหมายที่จะเดินทางไปไหนก็ได้ แต่ อยากชี้ให้เห็นว่านี่คือกระบวนการต่อสู้ทางการเมืองทั้งหลายทั้งปวงคือกระบวนการ ถ้า คมช.ยังหลงเกมตั้งรับในสิ่งเหล่านี้อยู่ก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร ดังนั้นควรสนับสนุนช่วยเหลือการทำงานของ ป.ป.ช.และ คตส.ให้มีความคืบหน้า

ครป.ชี้รัฐบาล-คมช.สอบตก

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แถลงว่า จากการประ-เมินการทำงานของ คมช. รัฐบาล สนช. และองค์กรอิสระต่างๆ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่าการปราบปรามคอรัปชันของคณะกรรมการต่างๆ ยังอยู่ในเขาวงกตของพยานหลักฐาน สนช.กำลังเป็นสนามความขัดแย้งแห่งใหม่ ทั้งการเลื่อนเวลายกเลิกกฎอัยการศึกไปเรื่อยๆ สะท้อนประสิทธิภาพการจัดการคลื่นใต้น้ำของ คมช. ขณะที่บทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังทำสงครามจิตวิทยากับ คมช.และรัฐบาลอยู่ ส่วนการสื่อสารกับสังคมนั้น ประเมินว่าสอบตกโดยสิ้นเชิง ขาดการประชาสัมพันธ์ผลงาน ทำให้ข้อกล่าวหา 4 ข้อ ที่มีต่อรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณยังค้างคาใจประชาชน อีกทั้ง คมช.กำลังกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหามากขึ้น โดยเฉพาะการนำทหารเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ จึงสรุปได้ว่า 2 เดือนหลังการรัฐประหารนั้น เป้าหมายที่จะคลี่คลายสถานการณ์ การเมืองยิ่งทอดไกลออกไป คมช. รัฐบาลและ สนช.เริ่มประเมินสถานการณ์ต่างกันจนทิศทางพร่ามัว บางครั้งสะดุดเอาดื้อๆ สังคมออกอาการสะดุ้ง เพราะไม่มั่นใจว่าจะคุมสถานการณ์ไว้ได้

แนะวิธีสยบข่าว ทักษิณ


ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีการจัดเสวนาเรื่อง ฆ่าตัดตอน ความจริงที่ถูกปกปิด โดยนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีต ส.ว.นครราชสีมา กล่าวว่า การฆ่าตัดตอนเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างรัฐตำรวจ มีการใช้อำนาจนอกกฎหมายจนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,500 ศพ นโยบายดังกล่าวก่อให้เกิดวิกฤติใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ที่ผ่านมา คมช.ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดูแลเรื่องนี้อย่างไร เป็นเพียงแค่มีเจ้าหน้าที่ออกมาดูคดีต่อคดี

ขณะที่นายสมชาย หอมละออ ประธานคณะกรรม-การสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ กล่าวว่า สงครามปราบยาเสพติดทำลายหลักนิติรัฐ เจ้าหน้าที่ใช้วิธีสกปรกนอกกฎหมายจัดการฝ่ายตรงข้าม หวังว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีพันธสัญญาในการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนและฟื้นฟูหลักนิติธรรม โดยเฉพาะควรเร่งลงนามในสัตยาบันระหว่างประเทศว่าด้วยธรรมนูญการก่อตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นศาลถาวร เพื่อพิจารณาคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เที่ยวใช้พาสปอร์ตการทูตไปเสนอหน้าตามประเทศต่างๆไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรป เพราะเป็นภาคีกันเกือบหมดแล้ว ถ้าไปจะถูกสั่งดำเนินคดีที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ทันที จะได้ไม่ต้องเป็นข่าวรายวันแบบนี้

โพลชี้คนอยากให้คงกฎอัยการศึก

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพลประกาศผลสำรวจความเห็นประชาชน 3,047 คน ในประเด็นควรยกเลิกกฎอัยการศึกหรือไม่ ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 40.00 เห็นว่ายังไม่ควรยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะอาจทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำ และเพื่อความสงบสุขของประเทศ ร้อยละ 35.89 เห็นควรยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ เพราะบางพื้นที่ไม่จำเป็นต้องใช้กฎอัยการศึกแล้ว ขณะที่ร้อยละ 24.11 เห็นว่าควรยกเลิกกฎอัยการศึกทั้งประเทศ เพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ ลดความตึงเครียด และมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

ชาติไทย คึกคักฉลองครบ 32 ปี


อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ที่ทำการพรรคชาติไทย มีการจัดงานวันครบรอบ 32 ปี ของการก่อตั้งพรรคชาติไทย โดยมีสมาชิกพรรคร่วมงานกันอย่างคึกคัก นำโดยนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา และนายจองชัย เที่ยงธรรม รองหัวหน้าพรรค ซึ่งมีการทำพิธีทางศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธเพื่อความเป็นสิริมงคล ทั้งนี้ มีอดีตสมาชิกพรรคชาติไทยที่ลาออกไปอยู่พรรคอื่น รวมทั้งอดีตข้าราชการ และประชาชนมาร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง อาทิ นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ อดีตประธานรัฐสภาและอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรอง ผบ.ทบ.

ตัวแทนพรรคอื่นร่วมยินดี

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆยังได้ส่งตัวแทนไปร่วมแสดงความยินดีด้วย โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายประสพ บุษราคำ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย เป็นตัวแทนนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษา การหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายบุญถึง ผลพานิชย์ รองหัวหน้าพรรคประชาราช เป็นตัวแทนนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายอรรคพล สรสุชาติ รองหัวหน้า พรรคมหาชน เป็นตัวแทน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง มอบหมายให้นายวิทยา คุณปลื้ม อดีต ส.ส.ชลบุรี เป็นตัวแทนมอบแจกันดอกไม้ แสดงความยินดี

สนธยา ยกกลุ่มชลบุรีซบรังเก่า


กระทั่งเวลา 09.30 น. นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้ากลุ่มชลบุรี พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่ม เดินทางเข้าร่วมอวยพร โดยนำข้าวหลามหนองมนใส่ตะกร้าผูกด้วยริบบิ้นสวยงามเป็นของขวัญ โดยนายสนธยากล่าวว่า วันนี้บรรยากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส พรรคชาติไทยกำลังก้าวสู่ปีที่ 33 อย่างมั่นคงและก้าวหน้า เชื่อว่าหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชาติไทยจะร่วมกันสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ตนในฐานะเป็นอดีตสมาชิกถือเป็นประเพณีที่ต้องมาร่วมยินดี หรือถ้าไม่มาก็ต้องนำข้าวหลามมาให้ ชิมทุกปี ความจริงใจไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เปรียบเหมือนลูกหลาน บรรยากาศยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหรือไม่ หัวหน้าพรรคชาติไทยก็ให้ ความอบอุ่นกับผมมาตลอด เหมือนเป็นลูกหลานของท่านเอง ดังนั้น ในวันนี้พวกเราจึงยินดีที่จะใช้โอกาสวันสถาปนาพรรคชาติไทยเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค และจะก้าวเดินไปพร้อมๆกันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และพร้อมที่จะทำงานในฐานะลูกพรรคและลูกหลานต่อไป เพื่อให้ก่อประโยชน์ ต่อประเทศชาติอย่างดีที่สุด พร้อมกันนี้พวกเราได้นำเอกลักษณ์ของชาวชลบุรีคือข้าวหลามหนองมนมามอบให้กับหัวหน้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนหัวใจพวกเราทุกคน

สอดใบสมัครในกระบอกข้าวหลาม

หลังกล่าวจบนายสนธยาได้มอบกระบอกข้าวหลามให้นายบรรหาร ซึ่งภายในกระบอกข้าวหลามบรรจุใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยของกลุ่มชลบุรี 12 คน ได้แก่ นายสนธยา คุณปลื้ม นายวิทยา คุณปลื้ม นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายสง่า ธนสงวนวงศ์ นายอัมรินทร์ ตั้งประกอบ นายสุรสิทธิ์ นิติวุฒิวรรักษ์ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายอุทัย มณีรัตน์โรจน์ นายชาญยุทธ เฮงตระกูล นายสมชาย สหชัยรุ่งเรือง อดีต ส.ส.ชลบุรี นายปราโมทย์ วีระพันธ์ อดีต ส.ส.ระยอง นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร อดีต ส.ส.นครนายก และนายนิโรจน์ สุนทรเลขา อดีต ส.ส. นครสวรรค์

บรรหาร โอ๋รับผูกพันด้วยใจ


จากนั้นนายบรรหารได้กล่าวขอบคุณแขกเหรื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้กล่าวแซว พล.อ.วิชิตว่า ให้ดูบรรยากาศของพรรคชาติไทยไปก่อน เผื่ออนาคตอยากจะเข้าเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย จากนั้นนายบรรหารได้เล่าประวัติของพรรคชาติไทยตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าทุกครั้งที่พรรคชาติไทยเป็นฝ่ายค้านก็จะได้กลับมาเป็นรัฐบาล การเมืองอยู่ที่ใจ ทุกคนต้องมุ่งมั่น พร้อมกันนี้ขอขอบคุณนายสนธยาที่จากไป 2-3 ปี แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว ไม่เหมือนบางคนที่เปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แต่นายสนธยาไม่เคยเปลี่ยน มาอวยพรทุกปี เพราะครอบครัวผูกพันกันมาก หากผูกพันกันด้วยเงิน ความผูกพันจะหมดเร็ว แต่ถ้าผูกพันกันด้วยใจ บางทีตายไปก็ยังไม่หมด ยังตามไปภพนี้ภพหน้า และเป็นเรื่องแปลกแทนที่กลุ่มชลบุรีจะยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกมาให้ แบบธรรมดา แต่กลับยื่นกระบอกข้าวหลามมาให้ ตนตั้งใจจะกลับไปกินที่บ้าน แต่กลับให้เปิดกระบอกข้าวหลาม ปรากฏว่าเป็นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย

เผยข้อตกลงให้นั่งเลขาพรรค

ต่อมานายสนธยาให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจที่นำสมาชิกกลุ่มชลบุรีเข้าพรรคชาติไทยว่า การตัดสินใจครั้งนี้มาจากการพูดคุยกับสมาชิกในกลุ่ม และประชาชนรวมถึงแกนนำที่สนับสนุน ซึ่งเห็นว่าควรกลับมาอยู่พรรคชาติไทย ผู้สื่อข่าวถามว่า การกลับมาอยู่พรรคชาติไทยมีสัญญาว่าจะกลับมารับตำแหน่งเลขาธิการพรรคหรือไม่ นายสนธยากล่าวว่า ไม่มีเงื่อนไขเรื่องตำแหน่งในพรรค ทางพรรคจะพิจารณาให้ตำแหน่งหรือไม่ก็สามารถทำงานได้ทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การกลับมาอยู่พรรคชาติไทยของกลุ่มชลบุรีครั้งนี้ได้มีการหารือกันเบื้องต้นว่าจะให้ นายสนธยากลับมานั่งในตำแหน่งเลขาธิการพรรคตามเดิมเพราะการที่กลุ่มชลบุรีออกจากพรรคชาติไทยครั้งก่อนเป็นเหตุผลส่วนตัว ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรคเข้าใจความจำเป็นของกลุ่มชลบุรีเป็นอย่างดี ดังนั้น การกลับถิ่นเก่าครั้งนี้แกนนำพรรคชาติไทยจึงเห็นด้วยที่จะให้นายสนธยากลับมาเป็นเลขาธิการพรรค

ประภัตร ฟุ้งมีคนแห่ซบเพียบ


ด้านประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ขอแสดงความยินดีกับนายสนธยาที่กลับมาอยู่บ้านเก่าร่วมกันอีกครั้ง เชื่อว่าจะทำให้พรรคชาติไทยแข็งแกร่งมากขึ้น ส่วนเรื่องตำแหน่งเลขาธิการพรรคชาติไทยยังไม่มีการนำไปพิจารณา ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค ถ้านายสนธยากลับมาเป็นเลขาธิการพรรคและทำให้ พรรคเข้มแข็งมากขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดี และคิดว่าน่าจะมีสมาชิกกลุ่มอื่นเพิ่มตามเข้ามา แต่ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยัน แค่ได้พบปะหารือกับสมาชิกพรรคการเมืองอื่นอยู่

ส่วนนายบรรหารกล่าวเสริมว่า เรื่องเลขาธิการพรรคชาติไทยยังไม่มีการพิจารณา และวันนี้ไม่ขอให้ความเห็นเรื่องการเมือง เพราะจะให้ความเห็นในการแถลงข่าววันที่ 22 พ.ย.นี้

เด็ก สุชาติ-สรอรรถ กำลังตัดสินใจ

มีรายงานข่าวว่า อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยหลายคนอยู่ระหว่างการตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย ได้แก่ นายสิทธิชัย กิตติธเนศวร อดีต ส.ส.นครนายก นายเสริมศักดิ์ การุญ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร.ต.กฤษฎา การุญ อดีต ส.ส.ระยอง นายธารา ปิตุเตชะ อดีต ส.ส.ระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ อดีต ส.ส.ระยอง รวมทั้งอดีต ส.ส. บางคนที่อยู่ในกลุ่มของนายสุชาติ ตันเจริญ และกลุ่มของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์