ศอฉ.สั่งจับตา3วันอันตรายทหาร-ตำรวจพรึ่บรับเสื้อแดง

 

คมชัดลึก : ยิ่งใกล้วันที่ 19 กันยายน มากขึ้นเท่าไหร่ ดีกรีความวิตกกังวลของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง และกองกำลังใต้ดิน ก็ยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น

 เป็นวันเชิงสัญลักษณ์ที่อาจเป็นสัญญาณนำไปสู่ความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมืองรอบใหม่ สอดคล้องกับการที่กลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มขยับแข้งขยับขา เคลื่อนไหวทางการเมืองมากขึ้น

 ที่สำคัญ ยังมีเหตุลอบวางระเบิด และยิงเอ็ม 79 โผล่ขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้นทุกขณะ เริ่มตั้งแต่เหตุระทึกขวัญที่ "คิงเพาเวอร์" 2 ครั้งซ้อน ก่อนจะเกิดเหตุยิงเอ็ม 79 เข้าใส่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และเหตุลอบวางระเบิดถังดับเพลิง 3 จุด ในกรุงเทพฯ และ จ.นนทบุรี เมื่อเร็วๆ นี้

 ล่าสุดหมาดๆ ก็มีเหตุยิงเอ็ม 79 เข้าใส่บริษัทของ นายคะแนน สุภา ผู้เป็น "พ่อตา" ของ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำขั้วสีน้ำเงิน ที่ จ.เชียงใหม่ และก่อนหน้านั้นวันสองวันก็เพิ่งมีเหตุยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ค่ายกรมรบพิเศษที่ 5 ที่ จ.เชียงใหม่ มาแล้วถึง 5 ลูก

 เหตุร้อนๆ ที่ปะทุอย่างต่อเนื่อง และถี่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้วันที่ 19 กันยายน ย่อมทำให้บิ๊กๆ ในศอฉ.นั่งไม่ติดเก้าอี้ เพราะนอกจากจะเป็นการดิสเครดิตกันซ้ำซากแล้ว ยังถือเป็นการส่งสัญญาณความรุนแรงรอบใหม่ด้วย

 ดังนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นงคง ในฐานะผอ.ศอฉ. จึงต้องเรียกฝ่ายความมั่นคงมาขันนอตการทำงาน ทั้งมาตรการเผชิญเหตุ และมาตรการการข่าว เป็นการด่วน เพราะเกรงว่าสถานการณ์จะลุกลามบานปลายไปยังพื้นที่อื่น

 โดยเฉพาะ 3 จังหวัดภาคอีสาน คือ ขอนแก่น อุดรธานี และนครราชสีมา แม้ว่าทั้ง 3 จังหวัดจะยังบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่ก็ตาม

 ศอฉ.จึงสั่งการให้ พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 และพล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 2 จัดเตรียมกำลังให้พร้อมพรัก หลังมีข่าวว่าเสื้อแดงหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มคนรักทักษิณ กลุ่มคนรักอุดร กลุ่มแดงโคราช เตรียมจัดกิจกรรมอย่างคึกคัก

 ที่สำคัญ ยังมีการสั่งให้เฝ้าระวัง "คลังแสง" ตามค่ายทหารมากเป็นพิเศษ !!

 ส่วนกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งเพิ่งเกิดเหตุการณ์หมาดๆ ในค่ายกรมรบพิเศษที่ 5 และบ้านพ่อตานายเนวิน ศอฉ.ก็กำชับ พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 และพล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 3 จัดเตรียมกำลังดูแลเป็นพิเศษ

 พื้นที่กองทัพภาคที่ 3 โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ เป็นอีกพื้นที่ที่ ศอฉ.สั่งให้เฝ้าระวังสูงสุด เพราะนอกจากจะเป็นเวทีหลักในการเคลื่อนไหวในวันที่ 19 กันยายน แล้ว...แว่วว่า เอ็ม 79 ที่หล่นตูมในค่ายทหารน่าจะเกิดจาก "ความขัดแย้งภายใน" เป็นหลัก

 ส่วนในพื้นที่ กทม. ศอฉ.มอบหมายให้ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และพล.ต.อุดมเดช สีตบุตร ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 1 จัดเตรียมกำลังเต็มที่

 โดยจะใช้กำลังจากหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) และกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) โดยจะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักตาม 7 ขั้นตอนสากล

 สำหรับห้วงเวลาที่ ศอฉ.จับตาเป็นพิเศษ คือ ช่วง "3 วันอันตราย" ตั้งแต่วันที่ 17-19 กันยายน 2553 ที่มีปฏิทินการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

 เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ที่จะมีกลุ่มคนวันอาทิตย์สีแดง และกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นัดวางดอกไม้ที่หน้าเรือนจำทั่วประเทศ ซึ่งพื้นที่ กทม.คือ เรือนจำคลองเปรม โดย ศอฉ.มอบหมายให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2(ผบก.น.2) เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์

 ส่วนวันที่ 18 กันยายน จะมีขบวนการแรลลี่ 50 คัน ออกจากห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว เดินทางไป จ.เชียงใหม่ และวันที่ 19 กันยายน จะมีการปราศรัยของแกนนำ นปช.และพรรคเพื่อไทยที่ จ.เชียงใหม่ ส่วน กทม.จะมีกิจกรรมอะราวด์ เดอะ เวิลด์ 4 ปีรัฐประหารที่ราชประสงค์


สำหรับพื้นที่แยกราชประสงค์ ศอฉ.มอบให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) รับผิดชอบ ส่วนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมอบให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) ดูแล และในวัดปทุมวนาราม มอบให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) คุมเข้ม

 พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ สั่งให้จัดวางกำลัง โดยระดมกำลังกองร้อยปราบจลาจล เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน พร้อมอุปกรณ์บันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และกำลังสนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง

 นอกจากนี้ยังจัด "ชุดเคลื่อนที่เร็ว" เพื่อเตรียมระงับเหตุ เพราะเกรงว่าผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนไปในสถานที่ต่างๆ และเป็นห่วงว่า "มือที่สาม" โดยเฉพาะกลุ่มใต้ดินจะฉวยโอกาสสร้างความรุนแรง

งานรับมือเสื้อแดงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เบ็ดเสร็จแล้วใช้กำลังตำรวจรวมทั้งสิ้น 3,072 นาย หรือราว 20 กองร้อย

 ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.วิเชียร ยังสั่งการไปยังพื้นที่รอบกรุงเทพฯ คือ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-7 ให้เตรียมพร้อมด้วยเช่นกัน แต่ที่กำชับเข้มงวดเป็นพิเศษ คือ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3-4 (ภาคอีสาน) และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ภาคเหนือตอนบน)

 นอกจากนี้ ศอฉ.ยังสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เฝ้าระวังพื้นที่ "จุดเสี่ยง" ในกรุงเทพฯ รวม 464 จุด โดยเฉพาะจุดที่จะมีการชุมนุม และพื้นที่ใกล้เคียง

 รวมทั้งตาม "อาคารสูง" เพื่อป้องกันการยิงจากอาวุธปืน และลูกระเบิดชนิดต่างๆ และเน้นเฝ้าระวังในจุดที่เป็น "สัญลักษณ์ทางการเมือง" !!

 นอกจากกำชับกองกำลังความมั่นคงแล้ว ศอฉ.ยังสั่งให้ "หน่วยข่าว" ทั้งสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสันติบาล เกาะติดข่าวอย่างใกล้ชิด

 โดยเฉพาะการข่าวที่แจ้งเตือนการ "วินาศกรรม" และ "สังหารหมู่" นักการเมืองในขั้วอำนาจใหม่

 จับสัญญาณได้จากการพุ่งเป้าไปที่สถานที่เชิงสัญลักษณ์ และบรรดาคนใกล้ชิดของ "นายเนวิน" ที่เป็นผู้กุมชะตาของรัฐบาลในวันนี้ และมีแนวโน้มว่าจะทรงอำนาจมากยิ่งขึ้นหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า

 คล้ายว่า เมื่อสามารถเด็ด "สมอง" ลงได้...การจะจู่โจมเข้าถึง "ขั้วหัวใจ" ก็ไม่ใช่เรื่องที่เปลืองแรง !!!


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์