เนวินวอนนักการเมืองสร้างปรองดองเว้นเงื่อนไข

"เนวิน - จาตุรนต์" ร่วมวงอภิปรายหลักสูตร พตส. "อ๋อย" จวกยุบพรรคง่ายทำการเมืองสู่ยุคคณิตศาสตร์ ชี้หากยุบ "ปชป." แง่ดีทำให้ตระหนักกม.ยุบพรรค ด้าน ”เนวิน” ระบุบ้านเมืองตกอยู่สถานการณ์พิเศษ ต้องยึดหลัก อภัยและอโหสิ เรียกร้องนักการเมืองสร้างความปรองดองอย่าสร้าง ”เงื่อนไข” มาร์คเชื่อพลังครอบครัวช่วยสร้างปรองดองในสังคม

ที่สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง สำนักงานคณะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้จัดอภิปรายให้กับนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 2 ในหัวข้อ ”พรรคการเมืองไทยในสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต" โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง" อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และรองศาสตราจารย์ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมเป็นวิทยากร

 นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของบ้านเมืองในขณะนี้ คือ การยุบพรรคการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ถูกยุบพรรคง่ายที่สุดในโลก ถูกทำลายง่ายที่สุด จนทำให้พรรคการเมืองขาดบุคคลากร ส่วนพรรคที่มีอยู่ไม่ว่าเก่าหรือใหม่ ก็ไม่เลือกเอาคนที่มีความรู้ความสามารถมาเป็นกรรมการบริหารพรรค ส่งผลให้พรรคการเมืองอ่อนแอ เกิดรูปแบบของการมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ทำให้ตรวจสอบยาก นอกจากนี้การยุบพรรคจะส่งผลต่อพรรครัฐบาลเพราะมีนายกฯและรัฐมนตรี เมื่อยุบพรรคก็จะทำให้สิ้นสภาพ ถือว่าเป็นการขัดต่อระบบประชาธิปไตยอย่างแรง

 และการที่ให้ กกต. 5 คน ตัดสินให้ใบแดงทำให้ส.ส.หลายคนถูกเพิกถอนสิทธิทันที และนำไปสู่การยุบพรรคแล้วล้มรัฐบาลได้ จนเกิดรัฐบาลกลางทางที่ไม่ได้ให้สัญญาประชาคมอะไรกับประชาชนมาก่อนในการเลือกตั้งและแนวโน้มการรักษาสัญญาก็ไม่มี เรื่องแบบนี้เกิดง่ายมากในระบบปัจจุบัน เมื่อกกต.จะยุบพรรคไหนมาสักพรรคแล้วพรรคนั้นเป็นรัฐบาลมันก็เกิดเป็นเหตุให้เกิดรัฐบาลผสม รวมตัวให้เป็นพรรคที่มีส.ส.จำนวนหนึ่งที่จะแบ่งรัฐมนตรีก็ได้ แล้วการเมืองก็ยุคสู่คณิตศาสตร์กี่คนได้เป็นรัฐมนตรี รวมส.ส.ให้มากได้อย่างไร ไม่ต้องคำนึงถึงสัญญาประชาคม สุดท้ายนักการเมืองพรรคการเมืองตกเป็นจำเลยสังคมทั้งที่เป็นผลิตผลจากกระบวนการทำลายประชาธิปไตย ที่ทำลายระบบพรรคการเมืองให้อ่อนแอและพรรคการเมืองอ่อนแอ

 นายจาตุรนต์ กล่าวว่า กรณีพรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบหรือไม่ ถ้าปชป.ไม่ถูกยุบโอกาสแก้ระบบนี้ก็ยากเพราะระบบนี้จะยุบพรรคแค่บางฝ่าย ดังนั้นฝ่ายมีอำนาจก็ไม่ต้องแก้ระบบใด แต่หากมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็จะมีข้อดีในแง่จะทำให้พรรคการเมืองทั้งหลายจะต้องมาคิดว่าระบบที่เป็นอยู่ขณะนี้ทำลายพรรคถ้วนหน้าไม่ส่งเสริมให้พรรคการเมืองเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาประเทศ การเมืองไทยจะล้าหลังและเสียหายยิ่งกว่าปัจจุบัน และอาจถึงขั้นที่พรรคการเมืองทั้งหลายจะตกเป็นจำเลย และเมื่อพรรคการเมืองเกิดความระส่ำระสายมากขึ้นก็จะเกิดข้ออ้างให้มีการยึดอำนาจด้วยการรัฐประการ โดยให้เหตุผลว่า หากปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายต่อไม่ได้ ซึ่งควรจะแก้ไขให้ถูกต้อง

 ด้านนายเนวิน ชิดชอบ กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันต้องยอมรับว่าเป็นสถานการณ์พิเศษ เนื่องจากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามปกติ ภายใต้วิถีสังคมไทยและวัฒนธรรมไทย เพราะมีการนำสิ่งแปลกปลอมที่ฝืนวิถีสังคมประชาธิปไตย มาทำให้เกิดสถานการณ์พิเศษขึ้นและยากต่อการแก้ไข 

1.บนสถานการณ์พิเศษมีการนำสถาบันหลักชาติมาเป็นเงื่อนไขทางการเมืองและต่อสู้ทางการเมือง และ 
2.สถานการณ์พิเศษสร้างความแตกแยกคนในชาติเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองและผู้นำทางการเมือง 

ทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นสถานการณ์ปัจจุบันและพัฒนาให้บ้านเมืองเราแตกแยกมีปัญหา

 นายเนวิน กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขนั้นเห็นว่า พรรคการเมืองในสถานการณ์ปัจจุบันและสถานการณ์ในอนาคตจะต้องเป็นกลไกหลักของสังคมนำพาบ้านเมืองออกจากสถานการณ์พิเศษนี้ให้ได้ เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความแตกแยกในบ้านเมืองส่วนหนึ่งเกิดจากการขับเคลื่อนของพรรคการเมืองที่นำฟืนคนละท่อนสุมให้บ้านเมืองลุกเป็นไป ดังนั้นในอนาคตพรรคการเมืองทุกพรรคมีภารกิจนำพาความปกติสุขกลับสู่บ้านเมืองโดยเร็วที่สุดไม่ว่าพรรคใหญ่หรือพรรคเล็ก

 นายเนวิน กล่าวว่า ภารกิจทุกพรรคต้องช่วยกันมี 2 เรื่องคือ 
1.การปกป้องสถาบันสูงสุดของชาติ วันนี้อย่าปฏิเสธว่า มีการนำสถาบันเบื้องสูงมาใช้เป็นกลไกและสร้างเงื่อนไขทางการเมือง รวมทั้งการมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันเบื้องสูงด้วย ดังนั้นหลักสำคัญคือ การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องเป็นเรื่องหลักของพรรคการเมืองจะต้องขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม มีหลายพรรคการเมืองมีทัศนคติที่เป็นปัญหาต่อสถาบันเบื้องสูงแต่พรรคการเมืองก็ไม่จัดการปกป้อง ตนยังเห็นคนบางคนแสดงทัศนคติเป็นลบต่อสถาบันเบื้องสูงจึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้บ้านเมืองไม่เป็นปกติและนำไปสู่ความแตกแยกบ้านเมือง และ 
2.ภารกิจสร้างความปรองดองของคนในชาติ ให้กลับคืนมาสู่สภาวะความเป็นชีวิตแบบไทยในอดีตให้เร็วที่สุด วันนี้ปรองดองแห่งชาติพูดมาตลอดมีผู้นำพูดกันจำนวนมากแต่ทั้งหมดเป็นนามธรรม วันนี้ไม่มีสิ่งซึ่งเป็นรูปธรรมในกลไกสร้างความปรองดองแห่งชาติ หลายเรื่องคิดว่าพรรคการเมืองควรทำก็คือการแสดงออกของพรรคการเมืองนั้นๆที่จะเห็นการปรองดองในชาติโดยเร็วที่สุด

 "คำว่าอภัย อโหสิ ขาดหายไปมา 1-2 ปีแล้ว ซึ่งหากเลิกใช้คำว่า อภัย อโหสิ ไม่มีทางที่คนไทยจะกลับมาปรองดอง ผมเคยพูดต่อพตส.รุ่นที่1 เมื่อปีที่แล้วว่า ทางเดียวที่จะทำให้ประเทศนี้กลับสู่ความสงบสามัคคีในชาติได้คือ เซ็ตซีโร่ด้วยการเริ่มต้นใหม่อโหสิกันไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเดินหน้าไปไม่ได้ 1 ปีที่ผ่านมาทุกคนปากบอกปรองดองแต่หลังจากมีประโยคปรองดองในชาติแล้วก็มีเงื่อนไขว่า “แต่” เสมอ ทำให้บ้านเมืองเดินไปไม่ได้ เราต้องยอมรับความเป็นจริงชีวิตสังคมไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราเคยเกิดเหตุการณ์แตกแยกรุนแรง แต่อยู่อย่างจบได้ตามแบบวิถีไทย ด้วยการอภัยและอโหสิ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬจบได้เพราะรู้จักอภัย อโหสิ ไม่มีใครได้ทั้งหมดและไม่มีใครเสียทั้งหมด"  นายเนวิน กล่าว

 นายเนวิน กล่าวว่า พรรคการเมืองเป็นกลไกสำคัญอย่างยิ่งในการนำพาบ้านเมืองไปสู่ความปรองดองได้ ดังนั้นพรรคการเมืองต้องปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมที่จะปกป้องสถาบันเบื้องสูงอย่างเป็นรูปธรรม อย่าปล่อยให้คนมีทัศนคติติดลบต่อสถาบันลอยนวลหรือมีบทบาทภายในพรรคการเมือง อีกทั้งความปรองดองในชาติต้องนำคนและเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคต่อการปรองดองออกจากพรรคการเมืองให้ได้ ทั้งนี้พรรคการเมืองในปัจจุบันและอนาคตจะเดินหน้าอย่างไร ขอเสนอว่าต้องทำ 2 เรื่องคือ 
1.พรรคการเมืองต้องเป็นผู้นำประชาชนปกป้องสถาบันและรักษาซึ่งปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงประมุขอย่างเป็นรูปธรรม และ 
2.พรรคการเมืองต้องนำประชาชนเข้าสู่การปรองดองด้วยการให้อภัยลดความขัดแย้งซึ่ง 2 ภารกิจนี้ไม่มีองค์กรใดทำได้ดีกว่าพรรคการเมืองทุกพรรคที่มีอยู่ในประเทศไทย

 นายเนวิน กล่าวอีกว่า ถ้าทุกพรรคการเมืองเสนอกฎหมายแยกเนื้อแยกน้ำนำคนที่ตกเป็นผู้ต้องหาจำเลยจำนวนมากเอาคนที่เป็นเงื่อนไขกันออกไป แล้วเอาคนที่ดำเนินการโดยสุจริตแล้วออกกฎหมายสักฉบับผ่านสภา ส่วนแกนนำตัวหลักก็แล้วแต่เวรแต่กรรม ถ้าไฟเหลือฟืนน้อยก็จะดับง่าย วันนี้คนติดคดีตั้งแต่สีเหลืองและสีแดงกี่หมื่นคนที่เป็นผู้ต้องหากี่คนแล้ว วันนี้บ้านเมืองไม่จบ คนบ้านตนมีหมายจับเขาก็หยุดไม่ได้ ถ้าหยุดรวมตัวเขาก็ถูกจับถูกดำเนินคดี ดังนั้นพรรคการเมืองต้องเซ็ตซีโร่ ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้พ้นจากเงื่อนไข

 นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า พรรคการเมืองถือเป็นองค์กรทางการเมืองซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพรรคการเมืองมากที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรามีกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ดังนั้นตนจึงอยากเสนอให้ยกเลิกกองทุนดังกล่าว ซึ่งจะทำให้พรรคการเมืองน้อยลง ทั้งนี้เมื่อมีหลายพรรคการเมืองทำให้มีการจัดตั้งรัฐบาลจึงเป็นรัฐบาลผสม แม้ว่าในช่วงการเลือกตั้งจะมีการทะเละเบาะแว้งกันอย่างรุนแรง แต่เมื่อเลือกตั้งเสร็จสิ้นก็จะมีการจับมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะผลการเลือกตั้งไม่มีพรรคการเมืองใดที่ชนะขาด แม้ว่าอุดมการณ์ของพรรคจะมีความแตกต่างกันก็ตาม ขณะที่รัฐบาลพรรคเดียวก็จะเป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น ดังนั้นอนาคตพรรคการเมืองไทยอีก 2-3 ปีข้างหน้า รัฐบาลจะมาจากการผสมกันของพรรคการเมือง 5-6 พรรค ต่อไป เพราะด้วยเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งพฤติกรรมของประชาชน กติกาการเลือกตั้ง และรูปแบบที่กำหนด

มาร์คเชื่อพลังครอบครัวช่วยสร้างปรองดองในสังคม

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.15 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก เพื่อเป็นประธานรับมอบการเจตนารมณ์และข้อเสนอของสมัชชาครอบครัวระดับชาติ ประจำปี 2553 ซึ่งจัดโดยสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อระดมความคิดเห็นด้านการพัฒนาศักยภาพ การเฝ้าระวัง การป้องกันแก้ไขปัญหาครอบครัว เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลในการจัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านครอบครัว

 ทั้งนี้นายอดิศักดิ์ รอดสุวรรณ ประธานชมรมผู้ปกครองเด็กพิการ และตัวแทนสมัชชาครอบครัวฯ ได้ยื่นข้อเสนอจากการประชุมต่อนายกรัฐมนตรี ใน 5 ประเด็น คือ 
1.ขอให้รัฐสนับสนุนให้ภาคประชาชนและเอกชนจัดตั้งเครือข่ายครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวในระดับชุมชน เพิ่มบทบาทและงบประมาณแก่ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน 
2.ขอให้รัฐส่งเสริมความเข้มแข็งให้ระบบการดูแลช่วยเหลือ นักเรียน บูรณาการเครือข่ายผู้ปกครองให้ร่วมรับผิดชอบกับโรงเรียนแก้ปัญหาความรุนแรง 
3.รัฐพึงสนับสนุนต่อยอดศูนย์เรียนรู้และพัฒนาเด็กพิการ รวมถึงให้มีศูนย์ดังกล่าวเกิดขึ้นทุกพื้นที่ 
4.ขอให้รัฐกำหนดและประกาศใช้เกณฑ์สิทธิความปลอดภัยขั้นต่ำสำหรับเด็ก และ 
5.ขอให้รัฐพัฒนาสื่อเพื่อสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวให้มีมากขึ้น โดยระยะเร่งด่วนให้มีสัดส่วนรายการเพื่อสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของช่วงเวลาออกอากาศทั้งหมด โดยเริ่มปีงบประมาณ 2554

 จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ในภาวะการณ์ปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่จะส่งผลต่ออนาคต สถาบันครอบครัวได้รับการเปลี่ยนทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมในหลายรูปแบบ ทั้งปัญหาเด็กที่อยู่ในครอบครัว และการที่สังคมปรับตัวเป็นสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงการที่สังคมชนบทเป็นสังคมเมืองมากขึ้น ขณะที่คนในสังคมเกษตรเข้ามาอยู่ในสังคมอุตสาหกรรม สำหรับข้อเสนอทั้ง 5 ข้อนั้น ส่วนที่พูดถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย จะถูกดึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหาและสร้างความเข้มแข็งครอบครัวได้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมรับแนวทางไปแก้ไข รวมทั้งการปรับกฎระเบียบเอื้อให้ท้องถิ่นทำงานได้ ส่วนปัญหาสื่อสร้างสรรค์และความปลอดภัย รัฐบาลจะนำไปประกอบแผนปฏิรูปสื่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนปรองดอง ตนยืนยันว่ารัฐบาลจะนำข้อเสนอดังกล่าวขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม และเชื่อมั่นว่าแนวทางการสร้างความปรองดองสมานฉันท์จะได้ใช้ประโยชน์จากความเข้มแข็งของครอบครัวเป็นพลังบรรลุแผนปรองดองได้

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์