ศิริโชคซัดปธ.กมธ.ต่างประเทศไล่บี้ปมบูทหวังแก้ต่างแทนแม้ว

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 กันยายน ที่รัฐสภา นายศิริโชค โสภา ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์

คนสนิทนายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีการเข้าเยี่ยมนายวิคเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท ผู้ต้องหาค้าอาวุธชาวรัสเซีย เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ต่างประเทศ ที่มีนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น จากพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธาน ต้องรุดไปไปเยี่ยมนายวิคเตอร์บูทเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมาบ้าง


นายศิริโชค กล่าวว่า ประเด็นที่ผมเข้าพบวิคเตอร์ บูท ในเรือนจำถูกนำมาขยายผลเพื่อสร้างประโยชน์ทางการเมืองภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอยากให้สังคมได้แยกแยะประเด็นที่เกิดขึ้นอย่างใช้วิจารณญาณว่าเรื่องนี้กลายเป็นปัญหาการเมืองภายในประเทศได้อย่างไร


1.สาเหตุที่เรื่องการพบกันระหว่างผม กับวิคเตอร์ บูท ถูกนำมาขยายผลเป็นการเมืองภายในประเทศ เกิดจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ (ส.ส. สัดส่วน พท.) นำเอาเนื้อหาในบทความขอ ร.ต.อ.นิติภูมิ เนาวรัตน์ (คอลัมนิสต์ไทยรัฐ) มาอภิปรายในสภา โดยปรากฏข้อเท็จจริงแล้วว่าเป็นการบิดเบือน และกล่าวหาว่าผมไปต่อรองกับนายวิคเตอร์ บูท ให้ใส่ร้าย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แลกกับการช่วยเหลือคดีในศาล ซึ่งทั้งนายวิคเตอร์ บูท และทนายความของเขาได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีการต่อรองตามที่กล่าวอ้าง สะท้อนชัดถึงเจตนาที่นายจตุพรต้องการให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมไทย ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการพิจารณาคดีของศาลไทยว่าถูกแทรกแซงจากการเมือง และกลายเป็นประเด็นให้ประเทศที่อาจไม่พอใจต่อผลคำตัดสินนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการกล่าวหารัฐบาลไทย


2.ตนเข้าไปสอบถามเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากมีเบาะแสการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนศรีลังกา ซึ่งมีหลายอย่างเชื่อมโยงมาถึงเครื่องบินขนอาวุธจากเกาหลีเหนือที่ถูกจับในประเทศไทย และมีการตั้งข้อสังเกตว่าเครื่องบินลำดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับนายวิคเตอร์ บูท จึงถือว่าเป็นการไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเบาะแสที่ได้รับ ไม่ได้ใช้ข้อมูลที่ได้มาใส่ร้ายพ.ต.ท.ทักษิณ
 

"ผมขอย้ำว่าไม่ได้มีการอ้างถึงตำแหน่งผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีตามที่มีความพยายามจะขยายผลอยู่ เพราะผมรู้ดีว่าการที่ผมเป็นคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ทำให้ต้องระมัดระวังพฤติกรรมของตัวเองไม่ให้ส่งผลกระทบ หรือสร้างความเสื่อมเสียให้กับนายกรัฐมนตรี ถ้าผมคิดแต่จะรักษาตัวด้วยการอยู่เฉยๆ เดินตามนายกรัฐมนตรีฉายภาพเป็นวอลเปเปอร์อย่างเดียว ผมก็คงไม่ใช่คนที่มีประโยชน์และไม่สมควรเป็นคนข้างกายนายกรัฐมนตรี ในกรณีนี้ผมหวังจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากนายวิคเตอร์ บูท" นายศิริโชค กล่าว


3.การเดินทางไปพบนายวิคเตอร์ บูท ในนาม กมธ.ต่างประเทศของนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น และนางฐิติมา ฉายแสง เป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะขยายผลสร้างกระแสว่ากระบวนการยุติธรรมไทยถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองสานต่อจากนายจตุพร ถือเป็นการต่อยอดให้เกิดปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ


4.หาก กมธ.ต่างประเทศต้องการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ในประเด็นนายวิคเตอร์ บูท ก็ควรจะได้เสนอแนวทางในการแก้ปัญหา ย้ำจุดยืนสร้างศักดิ์ศรี รักษาเกียรติภูมิของชาติ ไม่ใช่มุ่งเน้นที่จะแก้ต่างให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นบทบาทที่กำลังหลงทาง หรือไม่ก็เป็นวาระฟอกความผิดให้พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร้สำนึก เหมือนเช่นที่นายต่อพงษ์เคยทำมาแล้วด้วยการถอนตัวจากการชิงตำแหน่งนายกสมาคมกอล์ฟอาชีพ เพื่อ เปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณใช้สมาคมกอล์ฟอาชีพเป็นเครื่องมือสร้างบทบาททางการเมือง จึงอยากให้กมธ. พิจารณาดูว่าคนอย่างนายต่อพงษ์ยังสมควรเป็นประธาน กมธ.ต่างประเทศต่อไปหรือไม่ และควรร่วมกันทบทวนบทบาทของ กมธ.ต่างประเทศไม่ให้หลงทางมากไปกว่านี้


5.การนำรายละเอียดในจดหมายของนายวิคเตอร์ บูท ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากกรมราชทัณฑ์มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน โดยเลือกเฉพาะประเด็นที่เป็นประโยชน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และกล่าวอ้างว่านายวิคเตอร์ บูทไม่ต้องการให้รัฐบาลไทยนำประเด็นของเขาไปเป็นเรื่องทางการเมือง เท่ากับนายต่อพงษ์มีเจตนาใช้วิคเตอร์ บูท โจมตีรัฐบาลไทย


6.การเข้าพบนายวิคเตอร์ บูท ในเรือนจำของ กมธ.ต่างประเทศ ตอกย้ำว่าการเข้าพบนายวิคเตอร์ บูท ของตน ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ทุกอย่างดำเนินการตามกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์


7.การให้เบอร์โทรศัพท์กับนายวิคเตอร์ บูท ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะนายวิคเตอร์ บูท เป็นคนขอเอง มิใช่ตนเป็นคนเสนอ นอกจากนี้ยังเป็นเบอร์เปิดเผยที่แม้แต่ประชาชนธรรมดาขอก็ให้ตามปกติ อีกทั้งในขณะที่ให้เบอร์โทรศัพท์ไปก็รู้อยู่แล้วว่านายวิคเตอร์ บูท ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากในเรือนจำไม่อนุญาตให้นักโทษใช้โทรศัพท์ ซึ่งหากนายวิคเตอร์ บูท จะติดต่อ ก็คงต้องทำผ่านทนายความ หรือบุคคลอื่นเท่านั้น และก็ไม่มีการใช้ช่องทางนี้ให้ตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีแต่อย่างใด ซึ่งทนายความของเขาเคยติดต่อตนหลังจากนั้น


"กรณีของนายวิคเตอร์ บูท ผมพอจะเข้าใจว่าเขาทำเพื่อตัวเอง แต่การกระทำของนายต่อพงษ์ซึ่งเป็นคนไทย มีสถานะเป็นถึงประธาน กมธ.ต่างประเทศ เล่นการเมืองแบบไม่มีขอบเขต โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่ทำจะส่งผลกระทบต่อการเมืองระหว่างประเทศหรือไม่ จะยังเรียกได้ว่าเป็นคนไทยอยู่หรือเปล่า ทั้งหมดที่ผมได้ชี้แจงไม่ใช่การแก้ตัว แต่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และผมอยากให้สังคมได้พินิจพิเคราะห์ด้วยเหตุผลว่าที่มาที่ไปของเรื่องเป็นอย่างไร คนที่สร้างเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นการเมืองมีจุดประสงค์อะไร"


เมื่อถามว่า จะชี้แจงกรณีมีการระบุว่าพาไอ้โม่งไปพบนายวิคเตอร์บูทด้วยอย่างไร นายศิริโชค กล่าวว่า นายวิคเตอร์บูทเป็นอาชญากรในคดีอุกฉกรรจ์ ไม่เข้าใจว่าทำไมนายต่อพงษ์ถึงเลือกเชื่อนายวิคเตอร์ บูท ทั้งที่ตน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวว่าไปพบนายวิคเตอร์ บูทคนเดียว ซึ่งในวันนั้นตนไปถึงที่เรือนจำก่อน และต้องไปนั่งรอนายวิคเตอร์ บูท 5 นาที จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายวิคเตอร์ บูทจะเห็นว่ามากับใคร แต่ตอนที่นายวิคเตอร์บูทมาถึงห้องเยี่ยม อาจเห็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นั่งอยู่ในห้อง ซึ่งเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติตามปกติ


ต่อข้อถามว่ากำลังจะบอกว่าไอ้โม่งที่ถูกระบุถึงคือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ใช่หรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า ไม่รู้ว่าหมายถึงใคร ถ้านายต่อพงษ์จะเชื่อผู้ต้องหาก็เชื่อไป แต่ต้องเข้าใจว่านายวิคเตอร์ บูทมีสภาวะจิตกังวล ต้องพยายามพูดอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเองเพราะไม่อยากถูกส่งตัวไปประเทศสหรัฐฯ อย่างในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนไม่เห็นมีประเด็นเรื่องไอ้โม่ง เพิ่งมามีประเด็นนี้หลังนายต่อพงษ์เข้าไปเยี่ยม จึงไม่แน่ใจว่านายต่อพงษ์เป็นประธาน กมธ.ต่างประเทศของประเทศไหนกันแน่


เมื่อถามว่าที่ระบุว่าทนายความนายนายวิคเตอร์ บูทโทรมาหา ได้ติดต่อมาเมื่อไร และเนื้อหาในการสนทนาคืออะไร
นายศิริโชค กล่าวว่า น่าจะประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังไปเยี่ยมนายวิคเตอร์ บูท โดยเนื้อหาไม่มีอะไร แค่ตรวจสอบว่าตนคือนายศิริโชคใช่หรือไม่ และก็ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราก็ปฏิบัติเช่นนั้นอยู่แล้ว ไม่มีการต่อรองเรื่องคดีแต่อย่างใด


เมื่อถามว่าในขณะเยี่ยมนายวิคเตอร์ บูท มีการเล่าถึงเรื่องทางการรัสเซียทำเรื่องขอตัวกลับประเทศ 30 ครั้ง แต่ถูกปฏิเสธบ้างหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า ไม่มี มีแต่การพูดคุยเรื่องการค้าอาวุธ ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องคดี


ถามว่าได้รับหนังสือเชิญไปชี้แจงต่อกมธ. ต่างประเทศในวันที่ 8 กันยายนหรือยัง นายศิริโชค กล่าวว่า ยังไม่ได้รับ แต่ถึงไม่เชิญก็จะเข้าไปชี้แจง จะไปชำแหละนายต่อพงษ์ และทำให้รู้ว่าการทำหน้าที่ส.ส. ต้องทำอย่างไร ซึ่งจะโชว์ชาร์จ ภาพถ่าย หลักฐานทุกอย่าง และจะขอให้เปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังด้วย เพราะกรณีนายต่อพงษ์ไม่ยอมฟังหูไว้หู ไม่ทำการบ้านก่อนเข้าไป ก็เลยหลงเชื่อผู้ต้องหาไปเสียหมด


ถามว่า หลังเกิดเรื่องมีโอกาสพูดคุยกับร.ต.อ. นิติภูมิ เนาวรัตน์ คอลัมนิสต์ไทยรัฐที่เป็นผู้เปิดประเด็นนี้หรือยัง นายศิริโชค กล่าวว่า ไม่มีโอกาส และไม่จำเป็นต้องไปติดต่อ เพราะคิดว่าสามารถใช้สถานะส.ส. ชี้แจงข้อเท็จจริงกับประชาชนได้โยตรง


"เข้าใจว่าร.ต.อ. นิติภูมิจบมาจากรัสเซีย ก็ย่อมมีความโน้มเอียง เหมือนผมจบจากประเทศอังกฤษ ก็ย่อมชื่นชอบประเทศอังกฤษเป็นธรรมดา จึงไม่แปลกอะไรหาก ร.ต.อ. นิติภูมิจะมีความประสงค์จะช่วยชาวรัสเซีย แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงด้วย" นายศิริโชค กล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์