ประสงค์ ชี้ แม้ว คนขี้ขลาดแค่ป่วนไม่กล้าเข้าไทย-หนุนรื้อ ตร.

ประสงค์ ชี้ แม้ว คนขี้ขลาดแค่ป่วนไม่กล้าเข้าไทย-หนุนรื้อ ตร.

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤศจิกายน 2549 10:20 น.

ประสงค์ ชี้ ทักษิณ เดินสายป้วนเปี้ยนแถบเอเชียแค่สร้างข่าวเรียกร้องความสนใจให้กับเครือข่ายที่สนับสนุนเท่านั้น เชื่อหากให้เข้าประเทศไทยในเวลานี้จริงรับรองว่าไม่กล้ามาเพราะรู้นิสัยคนนี้ดีว่าเป็นคน ขี้ขลาด และรู้ดีว่าอาจต้องเผชิญคดีสำคัญมากมาย ขณะเดียวกัน หนุนรื้อโครงสร้างตำรวจให้เลิกรับใช้การเมืองมารับใช้ประชาชน

วันนี้ (16 พ.ย.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์รายการ สภาท่าพระอาทิตย์ เมื่อตอนเช้า เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คงไม่กล้ากลับเข้าประเทศไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะเปิดโอกาสให้เข้ามาได้ก็ตาม เพราะรู้ดีว่าจะต้องเจอกับคดีความมากมาย โดยเฉพาะข้อกล่าวหา 4 ข้อของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) กล่าวหาเมื่อครั้งยึดอำนาจ

ผมรู้จักนิสัยคนคนนี้(ทักษิณ) ดี ว่าเป็นคนขี้ขลาด เชื่อเถอะว่าแม้ให้เข้ามาตอนนี้ก็ไม่กล้าเข้ามาหรอก เวลานี้ทำเหมือนอยากเข้ามา หรือมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ นี้ แต่เชื่อว่าเถอะว่าเขาไม่กล้าเข้ามาหรอก เพราะรู้ดีว่าถ้าเข้ามาแล้วเขาจะเจออะไรบ้าง มีคดีความรออยู่มากมาย น.ต.ประสงค์ ระบุ พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลใช้กฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่สามารถอายัดทรัพย์สินเอาไว้ก่อนแล้วให้ไปชี้แจงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวในภายหลังตามที่ถูกกล่าวหาในความผิด 4 ข้อ

สมาชิกสภานิติบัญญัติผู้นี้ยังมองการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในครั้งนี้ว่า เปรียบเหมือนคนไฮเปอร์ที่อยู่ไม่สุข ไม่อยู่นิ่ง แต่แตกต่างตรงติดยึดกับอำนาจ มีเงิน และมีเครือข่ายอยู่ แต่อย่าไปใส่ใจมากนัก และการเคลื่อนไหวแบบนี้ก็คงไม่อยากให้หลุดจากเฟรมข่าว ซึ่งถ้าพบกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จะเสนอให้กลับเข้ามาเลย แต่ต้องตั้งข้อหาใน 4 ข้อที่ถูกกล่าวแล้วใช้กฎหมายปปง.อายัดทรัพย์เอาไว้ก่อน เชื่อว่าไม่กล้าเข้ามา

นอกจากนี้ น.ต.ประสงค์ ยังให้ความเห็นถึงการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า สนับสนุนเต็มที่ เพราะตามหลักการแล้วตำรวจอยู่ในกระบวนการยุติธรรม มีอำนาจในการจับกุม สอบสวน เป็นต้นทางก่อนถึงศาล ถ้าต้นทางไม่ดีมีปัญหาต้องแก้ไข

น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ในประวัติศาสตร์ตำรวจบางยุคตกอยู่ภายใต้อำนาจการเมืองมาตั้งแต่ยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ จนมาถึงยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ใช้อำนาจการเมืองบงการตำรวจเปิดเป็นรัฐตำรวจขึ้นมา ทั้งที่ตามหลักการแล้วตำรวจต้องเป็นของประชาชน แก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ใช่รับใช้นักการเมือง แม้ว่าที่ผ่านมาตำรวจดีก็มีมาก แต่ไม่ได้รับการส่งเสริมให้มีอำนาจหรือบทบาท ไม่เหมือนตำรวจที่ประจบประแจงนักการเมืองที่ได้ดิบได้ดี

สมาชิกสภานิติบัญญัติผู้นี้ยังระบุอีกว่า การปรับโครงสร้างตำรวจต้องทำควบคู่ไปกับการปฏิรูประบบราชการ และการปฏิรูปการเมือง โดยเสนอให้ปรับโครงสร้างโดยให้ตำรวจใกล้ชิดกับประชาชน ดังนั้น ควรมีเป้าหมายหลักคือประชาชน แต่ปัจจุบันถูกใช้ไปในทางการเมืองและผลประโยชน์มิชอบ ซึ่งอำนาจเวลานี้ไปกองอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งบริหารกำลังพลกว่า 2 แสนคน

องค์ประกอบต้องมีการแก้ไข เพราะเวลานี้โครงสร้างใหญ่เทอะทะ มีคนใช้ตำรวจอยู่ไม่กี่คน ควรกระจายอำนาจออกไป เพราะหัวใจหลักของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยต้องกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ตำรวจต้องมีภารกิจรับผิดชอบต่อประชาชน น.ต.ประสงค์

น.ต.ประสงค์ ยังได้กล่าวตอบโต้ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าไม่ควรออกมาพูดเรื่องนี้ไปก่อน เพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และการปรับโครงสร้างตำรวจอย่าคิดว่าทำไม่ได้ ส่วนที่บอกว่าเมื่อปรับโครงสร้างให้ตำรวจไปขึ้นกับท้องถิ่นแล้วแผ่นดินจะลุกเป็นไฟนั้นอยากถามว่าไฟที่ไหม้นั้นไหม้ใครแล้วลามไปถึงใคร เพราะการกระจายอำนาจยิ่งมากยิ่งดี

ส่วนที่ว่าเมื่อกระจายอำนาจของตำรวจไปให้ท้องถิ่นแล้วจะมีปัญหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เมื่อกระจายอำนาจกระจายงานไปแล้วก็ต้องกระจายเงินไปให้ด้วย และเชื่อว่าเมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งแล้วเชื่อว่าการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจคงจะเอาจริง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์