ปลุกสังคมตัดสินตู่ ชงม็อบแดงป่วน กดดันศาลรธน.

"เทพไท" ปลุกสังคมตัดสิน "จตุพร" ชงม็อบแดงป่วน กดดันศาลรัฐธรรมนูญ วันไต่สวนคดียุบพรรค ปชป. ดักทางวงสัมมนา วุฒิฯตั้งธงดิสเครดิสรัฐบาล  สวนกลับเรื่องคดีจตุพร สองมาตรฐานด้วยหรือไม่

เมื่อวันที่ 21 ส.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จะนำกลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุมที่ศาลรัฐธรรมนูญที่นัดไต่สวนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์นัดที่ 3 วันที่ 23 ส.ค.นี้ ไม่เหมาะสม ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวกดดันการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ การนัดไต่สวนพยานปากสำคัญในคดีคือนายประจวบ สังข์ขาว ผู้บริหารบริษัทเมซไซอะฯ หากนายจตุพรมั่นใจในพยานหลักฐานและพยานบุคคลของตนเอง ก็ไม่ควรมากดดัน ข่มขู่การทำหน้าที่ศาล ควรปล่อยให้กระบวนการพิจารณาปราศจากการกดดัน 

ส่วนกรณีที่นายจตุพลระบุว่า ไม่ควรมีองค์คณะตุลากาลศาลรัฐธรรมนูญประจำ แต่ควรเลือกองค์คณะศาลจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นครั้งคราวไป นายเทพไท กล่าวว่า เป็นการกระทำเพื่อส่วนตัว เป็นการคิดแบบสองมาตรฐาน หากจะให้องค์คณะศาลรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ทำไมก่อนหน้านี้นายจตุพรไม่คัดค้านการทำหน้าที่องค์คณะของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามาทำหน้าที่ แต่วันนี้กลับมาเรียกร้อง หากจะพูดเรื่องนี้ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญถูกบัญญัติไว้เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา ที่มีนายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ส.สรรหา นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ เป็นกรรมการและเชิญนายจตุพรมาร่วมเสวนา โดยออกมาให้ความเห็นโจมตีรัฐบาลว่า ดูจากบุคคลทั้ง 3 นี้แล้วก็เข้าใจได้ว่า ผลการเสวนาจะออกมาอย่างไร การบอกว่ารัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือ เยียวยาผู้อพยพจากความเสียหายในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือไม่ใช้มาตรฐานปฏิบัติการแบบเดียวกัน หรือการบอกว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการปรองดองนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องการปรองดองรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาศึกษาหาแนวทางแก้ปัญหาแล้วหลายชุดเพื่อการปัญหาทั้งระบบและความเหลื่อมล้ำในสังคม และการกระทำต่างๆ ของบางกลุ่มก็เพื่อดิสเครดิสรัฐบาล

นายเทพไท กล่าวอีกว่า ส่วนคำว่าสองมาตรฐานในการปฏิบัติต้องถามว่าความหายของสองมาตรฐานคืออะไร เพราะกรณีคดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของ พล.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยกลุ่ม นปช.ครั้วแรก คดีคืบหน้าไปถึงไหน วันนี้ยังไม่เห็น หรือคดีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง วันนี้สังคมไทยก็เกิดความสงสัยเช่นกันว่า ทำไมถึงยืดเยื้อ และไม่เห็นนายจตุพรออกมาเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีในส่วนนี้เลย ทั้งที่คดีต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคเพื่อไทย พลังประชาชนและไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้ติดตามดำเนินการตามกฎหมายแล้วมาเรียกร้องในรัฐบาลนี้ 

ส่วนกรณีที่ผ่านมานายจตุพรต้องการให้นำคดีพันธมิตรฯ ไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับผิดชอบ แต่พอมีข่าวว่ารัฐบาลจะโอนคดีนี้ไปให้ดีเอสไอดำเนินการ ก็กลับออกมาบอกว่ารัฐบาลต้องการถ่วงเวลานั้น ตนก็อยากให้ข้อเรียกร้องของนายจตุพรอยู่กับร่องกับรอย ไม่ใช่ว่าจะออกมาเรียกร้องแต่เรื่องที่เป็นผลประโยชน์กับตัวเองอยู่ร่ำไป แต่พอเรื่องใดที่ได้ประโยชน์ก็ปล่อยตามเลย อย่างนี้เรียกว่า สองมาตรฐานได้หรือไม่

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์