นายกฯกล่อมพธม.สำเร็จ ย้ายชุมนุมพระวิหารสนามกีฬาดินแดง

"มาร์ค"กล่อมพธม.ยอมย้ายที่ชุมนุม

รายงานข่าวล่าสุด เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 6 สิงหาคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์  โฆษกและตัวแทนกลุ่มพันธมิตร ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญสถาบันไทยคดีศึกษา นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาอิสระด้านประวัติศาสตร์ เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายกษิต ภิรมย์ เข้าสมทบหารือด้วย

ภายหลังการหารือกว่า 2 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์แถลงว่า ครบกำหนด 7 วัน

ที่ทางกลุ่มต้องการคำตอบจากรัฐบาลตามที่ยื่นข้อเรียกร้องไว้ 4 ข้อ และมีการนัดชุมนุมทวงคำตอบในวันที่ 7 สิงหาคม จึงได้เชิญมายืนยันว่า เจตนารมณ์ของรัฐบาลกับเครือข่ายประชาชนไม่ได้แตกต่างกันเลย ทั้ง 2 ฝ่ายประสงค์รักษาอธิปไตยประโยชน์ประเทศชาติ เพียงแต่อาจจะยังมีความเห็นต่างกันในเรื่องของวิธีการข้อกฎหมายยุทธศาสตร์ การจะให้คำตอบว่า ใช่หรือไม่ใช่ ในชั้นนี้ มีแต่จะทำให้การดำเนิงนงานของรัฐบาลเรื่องนี้หรือฝ่ายประเทศไทยอาจจะขาดความเป็นเอกภาพและความเข้าใจซึ่งกันและกัน อยากสร้างบรรยากาศให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา จึงขอให้เครือข่ายที่จะมาชุมนุมทวงคำตอบที่ทำเนียบรัฐบาลไปหาจุดที่ไม่มีปัญหา เพราะอาจจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่มีฝ่ายใดประสงค์หรือมีปัญหาแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ขอขอบคุณทางเครือข่ายที่ยินดี

"โดยได้ประสานงานกับทาง กทม.ไปจัด ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง และในช่วงบ่ายวันที่ 7 สิงหาคม จะเดินทางไปรับฟังข้อเสนอแนะและความเห็นต่างๆ จากเครือข่าย หลังจากนั้นจะมีการตกลงที่จะมีเวทีการแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ ให้รอบด้านมากขึ้นอย่างโปร่งใส เช่น เวทีพูดคุยถ่ายทอดทางโทรทัศน์ช่อง 11 เบื้องต้น จะใช้เวลาหลังรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ในวันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม โดยใช้เวลา 3 ชั่วโมง"

ยังให้คำตอบเรื่องเอ็มโอยูไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยกเลิกเอ็มโอยู 2543 มีข้อตกลงกันแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่สามารถหาคำตอบได้จึงมีความจำเป็นที่ต้องหาเวทีทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นจะหากระบวนการต่างๆ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับที่ ครม.ได้มีมติตั้งคณะกรรมการขึ้นมา และจะทำงานด้วยกันอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายสูงสุดสำหรับขณะนี้คือการเคลื่อนอย่างเป็นเอกภาพ และปกป้องสิทธิของคนไทย การแสดงความคิดเห็นอาจจะไม่ตรงกันบ้าง แต่ได้ขอร้องว่าเนื่องจากเรื่องนี้ละเอียดอ่อน และหากมีความขัดแย้งจะไม่เป็นผลดี จะแสดงความคิดเห็นด้วยความระมัดระวัง จะเห็นว่ารัฐบาลหลีกเลี่ยงการกล่าวหาว่าร้าย เพราะเข้าใจว่าทุกคนหวังดีต่อบ้านเมือง การพูดจาอาจจะกระทบกระทั่งกันบ้าง 

ไม่รับปาก3พันคนยืดเยื้อหรือไม่

ร.ต.แซมดินกล่าวว่า สาเหตุที่ยอมย้ายสถานที่เนื่องจากนายกฯระบุว่าหากมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เท่ากับเครือข่ายทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไม่สามารถอำนวยความสะดวกใดๆ ได้ ขณะเดียวกันเครือข่ายยังได้รับคำแนะนำจากอัยการว่าการมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นการทำผิดกฎหมาย จึงเห็นร่วมกันว่าไม่มาดีกว่า ยอมรับว่าลำบากใจในการเปลี่ยนสถานที่ และคงสร้างความไม่พอใจให้เครือข่าย แต่ถึงแม้จะยากลำบากอย่างไร ก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจกัน คิดว่าคงมีคนไม่พอใจมาก เครือข่ายบางส่วนคงรับไม่ได้ เพราะตั้งใจจะมาที่ทำเนียบรัฐบาล ดังนั้น อาจมีคนไปร่วมชุมนุมน้อยลง คาดว่าการชุมนุมในวันที่ 7 สิงหาคม ที่อาคารกีฬาเวสน์ น่าจะมีผู้ชุมนุมประมาณ 3,000 คน ยืนยันว่าเครือข่ายจะไม่มีการใช้ความรุนแรง ส่วนเครือข่ายบางส่วนที่เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาลก็ไม่เป็นไร เพราะจะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกพาไปยังสนามกีฬาเวสน์ โดยถือว่าไม่มีความผิดอะไร ส่วนการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะร่วมมือกับเครือข่ายหรือไม่ หากร่วมมือเร็ว ก็จะเลิกโดยไว แต่ไม่สามารถรับปากได้ว่า จะวันเดียวจบหรือไม่ 

เหตุย้ายกลัว2มาตรฐาน-มือที่3

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การพบกันระหว่างตัวแทนรัฐบาลกับตัวแทนเครือข่ายประชาชนไทยฯ ฝ่ายละ 3-4 คนหลังจากรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายอภิสิทธิ์" ระหว่างเวลา 10.00-13.00 น. เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลให้ประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจ โดยการพูดคุยกันนั้น เห็นร่วมกันว่า

1.จะมีเวลาสำหรับการถ่ายทอดสดเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย

2.รัฐบาลกังวลว่าจะถูกกล่าวหาว่า 2 มาตรฐานเนื่องจากยังมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่และเกรงว่าจะมีมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ เครือข่ายประชาชนก็แสดงความจริงใจที่จะย้ายสถานที่การชุมนุม และ

3.รัฐบาลก็จัดหาสถานที่ที่พอเหมาะสมให้กับการทำกิจกรรม ซึ่งทั้งหมดเป็นสมดุลที่ดีในขั้นต้น ซึ่งในการหารือกันจะต้องปรับเข้าหากันเพื่อที่จะหาหนทางที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ