ปลาไหล เชื่อภท.ไม่กล้าดูดเด็กเติ้ง

'ปลาไหล' เชื่อ 'ภท.' ไม่กล้าดูดเด็กเติ้ง ฝ่าย 'สามสี' เสนอให้รัฐมนตรีโหวตงบวาระ 2-3 ด้วย มั่นใจผ่านฉลุยแน่ ขณะที่ 'เพื่อไทย' ดาหน้าถล่มบิ๊กกองทัพซื้ออาวุธอิ่มแปล้ ดักคอใบเสร็จค้ำยันรัฐนาวา เล็งราวี “บิ๊กป๊อก” จนถึงเกษียณ ส่วน “กกต.” พร้อมจัดเลือกตั้งพรุ่งนี้แล้ว มั่นใจ 2 ทุ่มรู้ผลไม่เป็นทางการ ปัดเป็นตัวกลางขอ “ก่อแก้ว” ออกจากคุกมาหาเสียง เชือด “ดาบตำรวจ” ไม่เป็นกลางเลือกตั้งซ่อมเมืองกรุง “ผบช.น.” สั่งย้ายด่วนพร้อมตั้ง กก. สอบ ย้ำเตือนสีกากีทุกนายห้ามตุกติก  

“สามสี”ว้ากพรรคร่วมต่อรอง
    
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ในฐานะประธานคณะกรรมา ธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายกังวลเรื่องเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลซึ่งอาจกระทบต่อการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวาระ 2-3 ว่า ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลควรจะโหวตให้ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ เพราะถ้าไม่ผ่านต้องใช้งบประมาณปีที่แล้ว แต่งบลงทุนต่าง ๆ ใช้ไม่ได้ ดังนั้นผู้แทนราษฎรต้องมีความรับผิดชอบ อย่างน้อยควรให้งบประมาณผ่านสภา เพื่อให้ประเทศก้าวหน้า 
    
ส่วนที่มีการวิจารณ์ถึงการจ่ายเงินให้กับ ส.ส. แลกกับการโหวตผ่านร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ นั้น รองนายกฯ กล่าวว่า “ใครจ่าย ผมไม่รู้ ทำไมต้องจ่าย” เมื่อถามต่อว่า รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำเป็นช่องว่างให้พรรคร่วมรัฐบาลต่อรองมากขึ้นหรือไม่ นายไตรรงค์ กล่าวว่า การโหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เป็นหน้าที่ ส.ส.รัฐบาลอยู่แล้ว ไม่ต้องมาต่อรอง “ถ้าจะยกมือโหวตแล้วต้องต่อรองก็ไม่ต้องมาเป็น ส.ส.แล้ว สมอง ไม่มีหรืออย่างไร ถึงต้องยกมือตามเงิน บ้าหรือเปล่า”

ชงครม.ใช้สิทธิส.ส.โหวตงบ
    
ต่อข้อถามว่า รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส. ไม่สามารถโหวตได้ จะยิ่งทำให้เสียงของรัฐบาลน้อยลงหรือไม่ นายไตรรงค์ ย้อนว่า ทำไมจะโหวตไม่ได้ ตนมั่นใจว่ารัฐมนตรีสามารถโหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้ “ผมโหวตอยู่แล้ว และจะแนะนำรัฐ มนตรีทั้ง ครม. ให้โหวตด้วย ขอท้าให้ไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้เลย ถ้าผิดขอให้ศาล บอกมาเลย จะได้เจ๊งไปทั้งประเทศ ผมมั่นใจว่าไม่ผิดรัฐธรรมนูญแน่ เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอีกอย่างหนึ่ง อย่าเอามาพันโดยไม่เข้าใจกฎหมายแล้วพูดมั่ว ถ้าฟ้องศาลรัฐธรรมนูญผมมั่นใจว่าผมชนะ ผมสอนกฎหมายวิชานี้ ผมจบกฎหมายด้วย ไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์อย่างเดียว การโหวต พ.ร.บ. งบประมาณฯ ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะต้องดูแลแผ่นดินให้มีงบประมาณใช้ ยกเว้นถ้าอภิปรายไม่ไว้วางใจคุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) อย่างนี้ถึงโหวตไม่ได้ เพราะเป็นผลประโยชน์โดยตรงกับผม เนื่องจากถ้าคุณอภิสิทธิ์ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีทุกคนต้องหลุดไปด้วย”
    
นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะเรียกประชุม วิปรัฐบาลเพื่อแก้มติวิปรัฐบาลให้ ส.ส. ที่เป็นรัฐมนตรีสามารถโหวตร่างกฎหมายหรือลงมติในเรื่องสำคัญ ๆ ได้ เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ว่า ส.ส. ที่เป็นรัฐมนตรีสามารถใช้สิทธิโหวตได้ เนื่องจากไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเกี่ยวข้อง ทั้งนี้การที่วิปเปลี่ยนท่าทีจากเดิม ไม่ได้เป็นเพราะรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำแต่อย่างใด 

เด็ก“เติ้ง”เชื่อ“ภท.”ไม่กล้าดูด
    
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า ขอยืนยันว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีจุดยืนที่ชัดเจนในการลง มติสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ประมาณฯ ในวาระ 2-3 ส่วนกระแสข่าวที่มีการดูด ส.ส. นั้น นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฯ เคยปรารภไว้ว่าจะไม่มีใครหรือพรรคใดกล้าพอที่จะดูดสมาชิกของพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะเราไม่เคยเป็นศัตรูกับพรรคใด อีกทั้งนายบรรหารเป็นบุคคลสำคัญและปูชนียบุคคลทางการเมืองที่นักการเมืองให้ความเคารพนับถือและเกรงใจ จึงเป็นสิ่งป้องกันไม่ให้สมาชิกของพรรคเกิดการเคลื่อนย้าย “พรรคเราอยู่ได้ด้วยสปิริต อยู่ได้ด้วยหัวใจ เงินไม่มีส่วน ส่วนคนที่มาร่วมงานกับพรรคจะเปิดเผยให้ทราบเมื่อพร้อม”  
    
เมื่อถามถึงกรณีนายประจักษ์ แกล้ว กล้าหาญ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช ส.ส.ลพบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา จะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย โฆษกพรรคชาติไทยฯ กล่าวว่า น.ส.มัลลิกา ไม่เคยแจ้งหรือแสดงความจำนงว่าจะย้ายพรรค ดูจากการทำกิจกรรมและการลงมติ น.ส.มัลลิกา ยังคงให้ความร่วมมือกับพรรคเป็นอย่างดี  

จี้“อภิชาต”แจงคดีหุ้นส.ส.-ส.ว.
    
วันเดียวกัน ที่ศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์เพื่อไต่สวนพยานนัดแรกกรณี ประธานรัฐสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคุณสมบัติ ส.ส. 19 คน และ ส.ว. 16 คน ว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 48 และ 265 กรณีถือหุ้นในกิจการสื่อและสัมปทานรัฐหรือไม่ อย่างไรก็ตามนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะพยานผู้ร้อง ไม่ได้มาให้การโดย  อ้างว่าติดราชการสำคัญ แต่ได้ทำบันทึกคำให้การมาไว้ ขณะที่ พ.ต.อ.วรกร ทิมาตฤกะ   ผอ. สำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 4 สำนักงาน กกต. และเลขานุการคณะอนุกรรมการไต่สวนหุ้น ส.ส. ในฐานะผู้ ร้องทำบันทึกถ้อยคำไม่ละเอียด ศาลจึงให้เลื่อนการไต่สวนออกไป โดยให้ทั้งสอง   มาชี้แจงในการไต่สวนพยานนัดต่อไป คือ วันที่ 6 ส.ค. นี้ 

“มิ่งขวัญ”ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ 
    
ที่พรรคเพื่อไทย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แถลงกรณีมีข่าวจับมือกับนายพายัพ ชินวัตร ประธานคณะกรรมการประสานงานภาคอีสาน และกลุ่มทุนภายนอก เพื่อขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า ขอยืนยันว่าไม่เคยคิดที่จะเป็นหัวหน้าพรรค เพราะนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว และที่สำคัญรัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ จะต้องเป็น ส.ส. แต่ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เหมือนกับประเทศประชาธิปไตยหลาย ๆ ประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐ แคนดิเดตประธานาธิบดีกับหัวหน้าพรรคการเมืองเป็นคนละคนกัน 
    
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพร้อมที่จะถูกชูเป็นนายกฯ หรือไม่ ส.ส.รายนี้ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ หากที่ประชุม ส.ส. เห็นว่าตนควรจะเป็นแคนดิเดต ถือว่าเป็นความไว้วางใจของ ส.ส. แต่ขอความกรุณาสื่อว่าอย่าไปลงว่าตนกระสันหรือทุรนทุรายอยากเป็น 

“พท.”ได้ทีขย่มรถหุ้มเกราะ ทบ.
    
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุง เทพฯ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ผอ.สำนักงานปราบโกง (สปก.) แถลงว่า จากกรณีเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกได้แถลงถึงการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางของยูเครนลอตที่สอง จำนวน 121 คัน วงเงิน 5 พันล้านบาทนั้น กองทัพบกบอกว่าเป็นการจัดซื้อที่โปร่งใส ทั้ง ๆ ที่การจัดซื้อรถหุ้มเกราะลอตแรก 96 คัน ยังไม่มีการส่งมอบแม้จะจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว 15% เนื่องจากประเทศยูเครนไม่สามารถติดตั้งเครื่องยนต์ตามที่เสนอใน  ทีโออาร์ได้ โดยขอเปลี่ยนเครื่องยนต์จากดอยซ์ เป็นเอ็มทียูของเยอรมนี และเกียร์เอริคสันของสหรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมแจ้งให้ ครม. รับทราบการขอแก้ไขสัญญา 
    
ผอ.สำนักปราบโกง กล่าวว่า นอกจากนี้มีความพยายามชี้แจงว่ารถหุ้มเกราะนี้มีการติดตั้งอาวุธที่เหนือกว่า แต่ความจริงทำให้สมรรถนะของรถลดลง อีกทั้งคณะกรรมา ธิการจริยธรรมและคุณธรรม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เคยสอบสวนและมีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าการจัดซื้อรถหุ้มเกราะจากยูเครนครั้งนี้ ไม่มีความโปร่งใส ขัดหลักธรรมาภิบาล เอื้อประโยชน์ให้บริษัทที่เป็นตัวแทน 

ปูดประมูลเฮลิคอปเตอร์วุ่นอีก
    
“พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้กระทรวง กลาโหมพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้หนึ่งผู้ใด เพราะงบประมาณที่ใช้ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เป็นเงินภาษีประชาชน การเพิ่มศักยภาพทางทหารเป็นเรื่องจำเป็นในการป้องกันอธิปไตยของชาติ แต่ทุกอย่างควรทำอย่างโปร่งใส ถูก ต้องตามกฎหมาย กระทรวงกลาโหมจะต้องแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง และจะเป็นโอกาสให้ รมว.กลาโหม ได้แสดงออกถึงการมีธรรมาภิบาลในการบริหารอีกด้วย” น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุ 
    
ส.ส.เพื่อไทย กล่าวด้วยว่า ล่าสุดได้รับข้อมูลความผิดปกติโครงการจัดซื้อเฮลิคอป เตอร์จำนวน 16 ลำ มูลค่า 1.2 พันล้านบาท ในสมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องสำหรับฝึกหัดบิน โดยบริษัทผู้ยื่นซองประมูลรายอื่นได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางว่ามีความไม่โปร่งใส ซึ่งศาลปกครองกลางประทับรับฟ้อง เพราะคดีมีมูล ทำให้การเซ็นสัญญาต้องชะลอไปจนกว่าศาลจะมีคำตัดสิน

ตามบี้“บิ๊กป๊อก”ถึงวันเกษียณ
     
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า เฮลิคอป เตอร์ที่กองทัพกำลังจะจัดซื้อดังกล่าวไม่ใช่เฮลิคอปเตอร์ทางการทหาร แต่เป็นเฮลิคอป เตอร์ใช้ในการเกษตร เช่น พ่นยา เนื่องจากมีราคาถูกกว่าเครื่องทางการทหาร ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายสำหรับผู้ใช้งาน “ผมรับราช การทหารเป็นนักบิน เห็นเพื่อนต้องตาย ลูกต้องกำพร้าพ่อไม่รู้เท่าไร มีนักบินตายทุกปี ไม่รู้ว่าพวกนี้หัวใจทำด้วยอะไร ลองเอาลูกหลานของท่านมาใช้ยุทโธปกรณ์เหล่านี้บ้างหรือไม่ ผมจะไม่ยอมให้มีการนำเฮลิคอป เตอร์ที่ไม่มีความปลอดภัยมาใช้เด็ดขาด   เราต้องเรียกร้องเอาความถูกต้องกลับคืนมา” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร จะนำกรณีจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางจากยูเครนเข้าสู่การพิจารณาใน กมธ. ทหาร พร้อมเชิญตัวแทนกระทรวง กลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เข้าชี้แจงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณ อายุราชการ

ขู่รับ“เรือเหาะ”เจอฟันกราวรูด
    
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกองทัพบกจะตรวจรับเรือเหาะหลังมีการเลื่อนมาหลายครั้งว่า ขณะนี้มีความพยายามที่จะตรวจรับเรือเหาะมูลค่า 350 ล้านบาท ซึ่งยังมีปัญหาอยู่ แต่กองทัพกลับจะมีการตรวจรับที่สนามบินบ่อทอง กรมทหารราบที่ 15 จ.ปัตตานี แต่ปรากฏความอึมครึมอย่างมาก เนื่องจากไม่เปิดโอกาสให้สื่อและคนภายนอกเข้าไปสังเกตการณ์ กรณีนี้พรรคได้ติดตามตรวจสอบ มาอย่างต่อเนื่องและเป็นที่ชัดเจนว่าเป็นเพียง เรือเหาะที่ใช้ในวงการถ่ายทำภาพยนตร์ วงการ ท่องเที่ยว ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในกองทัพ จึงไม่รู้ว่าไปเอาสมองส่วนไหนคิด
    
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังทำในลักษณะต่างตอบแทนกับกองทัพ ถือเป็นเรื่องน่าละอายที่สุด และหลักฐานถึงการค้ำยันอำนาจให้รัฐบาล ทราบจากแหล่งข่าวว่ามีความพยายามจะตรวจรับให้เสร็จสิ้นในเดือน ก.ค. นี้ หากเป็นจริงถือว่าปฏิบัติโดยมิชอบ พรรคเพื่อไทยจะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิด กับคณะกรรมการตรวจรับ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดทันที  

บีบรับ‘เรือเหาะ’ทั้งระบบแล้ว
    
ขณะเดียวกัน ที่สนามบินบ่อทอง จ.ปัตตานี คณะกรรมการตรวจรับเรือเหาะและระบบตรวจการณ์ทางอากาศของกองทัพบก ได้ทำการตรวจรับเรือเหาะทั้งระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากได้ปล่อยเรือเหาะบินทดสอบกับเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ ที่ติดกล้องเพื่อเชื่อมสัญญาณภาพมายังเครื่องรับสัญญาณภาคพื้น ในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งการตรวจรับครั้งนี้เป็นการตรวจรับในส่วนของเฮลิคอปเตอร์และกล้อง ส่วนเรือเหาะได้มีการตรวจรับไปแล้วเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อตรวจรับเรือเหาะทั้งระบบในวันเดียวกันนี้ แต่ต่อมาได้ยกเลิกกำหนดเดินทางกะทันหัน โดยมอบหมายให้ พล.ท.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายส่งกำลังบำรุง ลงไปตรวจรับเรือเหาะแทน

หวั่น ทบ.เสีย“ค่าโง่”ราคาแพง
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัปดาห์ที่แล้วคณะกรรมการตรวจรับฯ ได้ประชุมร่วมกับบริษัท และเสนอให้นำเรือเหาะลำใหม่มาเปลี่ยน เนื่องจากเรือเหาะลำดังกล่าวมีรอยปริแตกรั่วซึมจำนวนมาก แม้หลายจุดซ่อมแซมแล้ว แต่ล่าสุดรอยรั่วซึมได้เกิดขึ้นทั่วลำ แต่บริษัทอ้างว่าหากต้องการลำใหม่จะต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน ดังนั้นแม้จะตรวจรับเรือเหาะทั้งระบบแล้ว แต่จะต้องซ่อมแซมเรือเหาะซึ่งใช้เวลาเป็นเดือน หรือถ้าจะขึ้นบินก็บินได้ภายในค่ายทหารเท่านั้น เพราะบินได้ในระดับไม่ถึง 3 พันฟุต หากบินออกไปภายนอกจะเสี่ยงอันตรายมาก ทำให้คณะกรรม การฯ มีข้อเสนอความเห็นต่อท้ายการตรวจรับว่า สภาพของเรือเหาะยังไม่สามารถใช้งานได้สมบูรณ์ จึงขอให้บริษัทไปตรวจสอบซ่อมปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ที่สหรัฐ
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่ผู้บังคับบัญชา ระดับสูงในกองทัพบกกดดันให้คณะกรรม การฯ ต้องตรวจรับในวันที่ 23 ก.ค. ทำให้กองทัพบกเสียเปรียบ เพราะกองทัพบกได้ซื้อ และนำเรือเหาะเข้ามาเมื่อเดือน ส.ค. 2552 มีระยะประกัน 1 ปี เมื่อคณะกรรมการ ตรวจรับในเดือน ก.ค. นี้ ทำให้ระยะเวลาประกันเหลือแค่ 1 เดือน หากบริษัทไม่ยอมซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลำใหม่ให้ในระยะเวลาประกัน กองทัพบกอาจจะต้องเป็นฝ่ายออก ค่าซ่อมเอง  

“ป.ป.ช.”ตั้ง2ปมสอบเขาแพง
    
อีกเรื่องหนึ่ง นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ กรณีถือครองที่ดินบนเขาแพง หมู่ 6 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยมิชอบ ซึ่ง ป.ป.ช.ชุดใหญ่เป็นองค์คณะไต่สวนว่า ขณะนี้ ป.ป.ช. ได้แยกเรื่องกล่าวหาดังกล่าวออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.การปกปิดบัญชีทรัพย์สิน เนื่องจากมีการกล่าวหาว่านาย    สุเทพให้ลูกชาย คือ นายแทน เทือกสุบรรณ ถือทรัพย์สิน ได้แก่ ที่ดินดังกล่าวไว้แทน มีสำนักตรวจสอบทรัพย์สินเป็นผู้รับผิดชอบ และได้เดินหน้าตรวจสอบทรัพย์สินนายสุเทพ ไปบางส่วนแล้ว และ 2.การออกเอกสารสิทธิที่ดินบนเขาแพงโดยมิชอบ มีสำนักปราบปรามการทุจริตเป็นผู้รับผิดชอบ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญการตรวจสอบปัญหาที่ดินเป็นผู้ดำเนินการ อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่า ทีมงานดังกล่าวได้ลงพื้นที่เกาะสมุยเพื่อไปเก็บข้อมูลแล้วหรือไม่

“กกต.”วอนคนใช้สิทธิช่วงเช้า
    

ส่วนการเตรียมความพร้อมการจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 6 ในวันที่ 25 ก.ค. นี้ พล.ต.ต.สุเทพ รมยานนท์ ประธาน กกต.กทม. เปิดเผยว่า กกต.กทม. มีความพร้อมเต็มที่ ได้จัดอบรมเจ้าหน้าที่และกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งในเรื่องการอำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวมถึงเรื่องการวินิจฉัยบัตรเลือกตั้งจะต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง เที่ยงธรรมตามมาตรฐาน อย่างไรก็ตามในวันที่ 25 ก.ค. ขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเดินทางไป ใช้สิทธิเลือกตั้งในช่วงเช้า เนื่องจากเกรงว่าในช่วงบ่ายอาจมีฝนตกลงมาทำให้ไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางออกมาใช้สิทธิ อย่างไรก็ตามได้เตรียมไม้กระดานและกระสอบทรายเอาไว้รับมือแล้ว
    
ประธาน กกต.กทม. คาดว่า เวลา 20.00 น. ของวันที่ 25 ก.ค. จะได้ผลคะแนน เลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ จากนั้นเมื่อได้ผลคะแนนที่เป็นทางการแล้วจะส่งให้ กกต. กลาง พิจารณารับรองผลการเลือกตั้งภายใน 30 วันต่อไป

เชือด“ด.ต.”วางตัวไม่เป็นกลาง
    
พล.ต.ต.สุเทพ กล่าวต่อว่า ได้ทำหนังสือตอบกลับไปพรรคเพื่อไทยแล้วว่า กกต.กทม. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการเป็นตัวกลางประสานกับกรมราชทัณฑ์ให้ปล่อยตัวนายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ให้ออกมาหาเสียงเลือกตั้งในช่วง 2 วันสุดท้ายตามที่พรรคเพื่อไทยร้องขอได้ เนื่องจากนายก่อแก้วถูกคุมขังคดีก่อการร้ายตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินตามอำนาจของศาล
    
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ดาบตำรวจ 1 นาย ในพื้นที่ บก.น.3 มาประจำที่ บช.น. และอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากมีญาติผู้สมัครรายหนึ่งร้องเรียนว่า วางตัวไม่เป็นกลาง จึงอยากกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้วางตัวเป็นกลาง โปร่งใส ตรงไปตรงมา ปฏิบัติ หน้าที่ให้เข้มแข็ง และหน้าที่จะสิ้นสุดลงเมื่อส่งหีบบัตรเลือกตั้งเสร็จสิ้น


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์