ทนายทักษิณ จวกมาร์ค จอมเผด็จการ

"รอเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม"ออกโรงอ้างคำพูดนักสิทธิมนุษยชนชั้นนำของแอฟริกา พร้อมเปรียบเทียบนายกรัฐมนตรีไทยมีพฤติกรรมไม่แตกต่างจาก"รอเบิร์ต มูกาเบ"ผู้นำเผด็จการของซิมบับเว...

รอเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความชื่อดังชาวแคนาดา วัย 54 ปี ซึ่งรับเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี ของไทย

ที่ถูกโค่นอำนาจโดยกองทัพเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ปี 2006 ออกมาเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวโดยอ้างคำพูดของ"อีแวนส์ โมนารี"ทนายความชื่อดังด้านสิทธิมนุษยชนของทวีปแอฟริกาที่ออกมาเปรียบเทียบว่าเหตุรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมาที่มีการใช้กำลัง"สังหารหมู่"กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลจำนวนมากนั้น มีความคล้ายคลึงกับเหตุรุนแรงหลังการเลือกตั้งในกรุงไนโรบีของเคนยาช่วงปี 2007-2008 อย่างมาก


ทนายความประจำตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งได้เดินทางไปยังประเทศเคนยาทางตะวันออกของทวีปแอฟริกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อ้างคำพูดของโมนารีที่ระบุว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งในไทยและเคนยามีความคล้ายคลึงกันเพราะมีการลุกฮือขึ้นของฝูงชนเพื่อต่อต้าน"อำนาจเผด็จการ"และระบอบการปกครองที่"ไม่เป็นประชาธิปไตย"เหมือนกัน อีกทั้งยังจบลงด้วย"ความรุนแรง"ไม่แตกต่างกันจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรระหว่างประเทศและหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆ จะต้อง"ยื่นมือ"เข้ามาเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยยุติปัญหาที่เกิดขึ้น


ขณะเดียวกัน บทความชิ้นล่าสุดของอัมสเตอร์ดัม

ยังมีเนื้อหาแสดงการเปรียบเทียบลักษณะการปกครองประเทศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ของไทยในขณะนี้ว่า "ไม่แตกต่าง"ไปจากการปกครองของประธานาธิบดีรอเบิร์ต  มูกาเบแห่งซิมบับเว โดยอัมสเตอร์ดัมระบุว่ารัฐบาลไทยชุดปัจจุบันกับรัฐบาลซิมบับเวต่างมีพฤติกรรมของการก่อความรุนแรงทางการเมืองเหมือนกัน,มีการสร้างเครื่องมือทางกฎหมายมาใช้ในการกดขี่ปราบปรามฝ่ายตรงข้ามเหมือนกัน รวมถึงมีความพยายามในการเน้นย้ำ"ความชอบธรรมทางกฎหมาย" ของตัวเอง และตราหน้าฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวก"ผู้ก่อการร้าย"เช่นเดียวกัน


อัมสเตอร์ดัมยังระบุว่ารัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ยังมี"ทหาร"และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (PAD)คอยหนุนอยู่"หลังฉาก"

ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากกรณีของรัฐบาลมูกาเบที่มีกองกำลังติดอาวุธที่รู้จักกันในนาม "the  War Veterans"คอยค้ำจุนอำนาจอยู่เบื้องหลังเช่นกัน
นอกจากนั้น ทนายความชื่อดังเจ้าของสำนักงานกฎหมายระดับโลก"อัมสเตอร์ดัม แอนด์ พีร็อฟฟ์"รายนี้ยังระบุว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ที่มักอ้างอยู่เสมอว่าเคารพในหลักการของกฎหมายกลับมีพฤติกรรมของการ"เลือกปฏิบัติ" อย่างเห็นได้ชัจากกรณีที่ไม่ดำเนินการใดๆ ตามกฎหมายกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เคยก่ออาชญากรรมอย่างอุกอาจถึงขั้นบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินสำคัญๆของประเทศมาแล้ว


บทความชิ้นนี้ในเว็บไซต์ของอัมสเตอร์ดัมยังกล่าวโจมตีว่ารัฐบาลไทยและซิมบับเวเป็นรัฐบาลตัวอย่างของรัฐบาล"เพียงไม่กี่แห่งในโลก"

ที่มีการตั้งข้อกล่าวหาอย่างฉ้อฉลต่อพลเมืองของตัวเองว่า เป็นพวกผู้ก่อการร้าย ซึ่งการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นการ "ประจานตัวเอง"ให้ประชาคมโลกได้เห็นว่าระบบกฎหมายของไทยมี"มาตรฐานที่แตกต่าง"ไปจากกฎหมายของประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลกมากเพียงใด


อัมสเตอร์ดัมยังได้เรียกร้องผ่านบทความชิ้นล่าสุดนี้ให้ประชาคมระหว่างประเทศเร่งกดดันให้รัฐบาลไทย

ยอมปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองและเร่งจัดการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลกว่า 90 คนในช่วงที่ผ่านมา และให้นำตัวคนเหล่านี้มารับโทษตามกฎหมายโดยเร็ว พร้อมย้ำว่าหากนานาชาติไม่รีบยื่นมือเข้ามาจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทย ประเทศไทยก็จะมีชะตากรรมในอนาคตที่ไม่แตกต่างไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นในซิมบับเวตอนนี้


ขณะเดียวกัน ดร.โจนาธาน ฟ็อกซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์และความขัดแย้งทางการเมืองจากมหาวิทยาลัย "บาร์ อิลัน"ในอิสราเอล

ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตผ่านทาง"East  Asia Forum"โดยระบุว่าพฤติกรรมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ในขณะนี้ดูเหมือนอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการปิดกั้นและคุกคามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมากกว่าที่จะผลักดันให้เกิดการเจรจาอันจะนำไปสู่ความปรองดองกันอย่างแท้จริง เห็นได้จากความพยายามของรัฐบาลในการปิดกั้นสื่อแขนงต่างๆ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ซึ่งฟ็อกซ์มองว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและถือเป็นการ"ถอยหลังเข้าคลอง"ของประเทศไทยอย่างน่าตกใจ ทั้งๆที่ครั้งหนึ่งไทยเคยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เปิดกว้างและมีเสรีภาพมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์