ชวน หนักใจคดียุบพรรค เล็งขอเพิ่มทนายดูคดี 29 ล้านบาทแทน

“ชวน” ไม่หวั่น “ตู่” ห้ามปชช.ใช้สิทธิ์ล่วงหน้า เตรียมชงกก.บห. ขอเพิ่มทนายดูแลคดี 29 ล้านบาทแทน “นิพิฏฐ์” วอน รบ. ดูแลตุลาการศาลรธน. อย่าให้พวกจ้องยุบปชป.เข้าไปก่อกวน ซ้ำรอยกกต.

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ก.ค. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์

พร้อมด้วยนายวิทยา แก้วภราดัย ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่เขตคันนายาว ที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี เพื่อช่วยนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 6 หาเสียง  โดยนายชวน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องไม่ให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ว่า ต้องไปถาม กกต. ตนไม่ทราบว่านายจตุพรพูดอะไร แต่ก็เป็นสิทธิ์ของประชาชนว่าจะมาลงคะแนนล่วงหน้าหรือมาลงวันจริง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มาใช้สิทธิ์


จากนั้น เวลา 12.30 น. นายชวนได้ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนถึงการเปลี่ยนทีมกฎหมายเพื่อต่อสู้คดียุบพรรค

ในส่วนของคดีเงินบริจาคพรรคการเมือง 258 ล้านบาท ว่า ยังไม่มีความคิดเรื่องนี้ เนื่องจากยังไม่ได้รับคำร้อง ต้องรอพิจารณาประเด็นที่ กกต.เสนอ และอัยการส่งฟ้องว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ส่วนคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคตนเห็นว่าต้องหาคนเพิ่ม เพราะลำพังคดีเงินจากกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง  29 ล้านบาท ก็เป็นภาระหนักของคณะทำงานอยู่แล้ว เพราะเอกสารมีเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดจ้างคนมาช่วยงานเพื่อช่วยสรุปสาระของเอกสารแต่ละแผ่น ดังนั้นคดี 258 ล้านบาท เมื่ออัยการได้ส่งคำร้องให้ศาลและเราได้รับคำร้องก็จะพิจารณาต่อไป แต่ในช่วงนี้ก็ดำเนินการในส่วนของคดี 29 ล้านบาทไปก่อน อย่างไรก็ตาม คงต้องหารือหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ก่อนว่าควรจะให้ใครมาช่วยงานเต็มเวลาบ้าง ซึ่งขณะนี้มีไม่เพียงพอ ส่วนจะเพิ่มอีกกี่คนนั้นยังไม่ทราบ คงต้องคุยกับนายบัณฑิตย์ ศิริพันธ์ ทนายต่อสู้คดียุบพรรคอีกครั้ง ว่าจะดึงทนายข้างนอกมาช่วยเช่นเดียวกับที่ต่อสู้คดียุบพรรคคราวที่แล้วได้หรือไม่ 


นายชวน กล่าวต่อว่า การหารือกับหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคนั้นคงต้องรอให้ทางอัยการและ กกต.ยื่นคำร้องในวันที่ 13 ก.ค.นี้

แต่ในวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งเป็นวันทำบุญพรรคก็คงได้เจอกัน ก็จะถือโอกาสหารือกับหัวหน้าพรรคและ กก.บห.เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาที่ยากกับทุกคนเพราะว่าต้องมาตั้งต้นศึกษาเรื่อง เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในสมัยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งถือว่านายประดิษฐ์เป็นคนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เราก็ต้องหารือด้วย ทั้งนี้ นายบัญญัติ ถือว่าเป็นตัวหลัก และเป็นบุคคลสำคัญที่สุดที่จะให้ความจริงกับคดี และให้ข้อมูลกับศาลโดยพื้นฐานของนายบัญญัติ เป็นคนที่ยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรมอยู่แล้ว


นายชวนกล่าวอีกว่า ส่วนนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม ซึ่งจับงานนี้มาตั้งแต่ต้น ตนก็ไม่อยากให้ใช้เวลาราชการ

ถ้าช่วยก็อยากให้ใช้เวลานอกราชการเช่นเสาร์ อาทิตย์ ทั้งนี้หากนายนิพิฏฐ์จะเข้ามาช่วยทำงานเหมือนเดิมก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องใช้เลานอกราชการ เพราะเราไม่อยากให้ตำแหน่งรัฐมนตรีมีปัญหา ซึ่งตนได้คุยกับนายนิพิฏฐ์แล้วว่านายนิพิฏฐ์ดูแลคดีมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อเป็นรัฐมนตรีจะมาทำเรื่องนี้ทั้งหมดไมได้ จึงจำเป็นต้องหาคนใหม่เข้ามา แต่ก็ต้องมาอ่านเอกสารที่มีจำนวนมากอีก อย่างตนก็ต้องเสียเวลาดูข้อสรุปจำนวนมาก ทำให้มีเวลาจำกัดในการไปปฏิบัติภารกิจในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นปัญหามากเหมือนกัน ทั้งนี้ จะมีการประชุมทุกวันจันทร์จนกว่าคดีจะจบ


“เรื่องทั้งหมดคนภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้ข้อเท็จจริงดีพอ อย่างที่พรรคเพื่อไทยพูด ตนคิดว่าอย่าเพิ่งไปวิจารณ์ เพราะคนเหล่านั้น ไม่รู้ข้อเท็จจริงดีพอ เรารู้ว่าเขาอยากให้ยุบพรรค เราเข้าใจ แต่ก็ต้องคอยดู และที่สำคัญอย่าให้คนของท่านมาคุกคามสถาบัน เหมือนที่เคยทำกับกกต. เพราะทุกองค์กรก็มีผู้นำองค์กรเหล่านั้นก็เป็นปุตุชน เขาก็กลัวเขาก็เกรง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งผมเคยบอกไปแล้วว่าต้องดูแลคุ้มครององค์กรทั้งหลายที่ทำหน้าที่ในการวินิจฉัยเพื่อไม่ให้ถูกคุกคาม และต้องไม่ลืมว่าตอนที่กกต.มีคำวินิจฉัยรวดเร็วนั้น เขาก็ถูกคุมคามอย่างน่าเห็นใจทั้งส่วนตัวและที่ทำงาน จึงต้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อย่าให้เหมือนที่กกต.ถูกคุมคาม” นายชวน กล่าว


เมื่อถามว่า ที่บอกว่าหนักใจในคดียุบพรรค มีจุดไหนบ้าง นายชวนกล่าวว่า เวลาถูกฟ้องไม่มีใครไม่หนักใจ

แต่ไม่มีเรื่องวิตกกังวลหรือกลัว เพราะต้องสู้ตามข้อเท็จจริง และเราเชื่อมาตรฐานของศาลเหมือนกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคครั้งที่แล้ว ที่มีความเที่ยงตรง อย่างที่มีข่าวเรื่องการวิ่งเต้นเงิน 30 ล้านบาท สุดท้ายก็ยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นข้อเตือนใจ เหมือนที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์พูดว่าเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม ซึ่งตนก็เชื่อว่าเป็นเรื่องกฎแห่งกรรมและกฎหมาย ใครทำผิดก็ต้องได้รับผิด ซึ่งเราก็พร้อมรับดุลพินิจของศาล แต่การสู่คดีก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้


เมื่อถามถึงลักษณะการคุกคาม ว่าเป็นอย่างไร นายชวนกล่าวว่า อย่างที่เราเห็นคราวที่แล้วคือเขาไปข่มขู่ จะยุบ จะฆ่า จึงหวังว่าผู้ที่ทำพฤติกรรมแบบนั้นคงจะไม่ทำอีก หรือพวกพวกก็ควรจะห้ามอย่าให้ทำอีก


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์