แต่งตั้ง ´พระนาย´ ขึ้นนั่งผอ.ศอ.บต.

ในที่สุด ครม. มีมติเห็นชอบให้นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผวจ.นนทบุรี ไปนั่งเก้าอี้ ผอ.ศอ.บต.ตามที่มีการคาดหมายกันก่อนหน้านี้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ได้มีมติให้ความเห็นชอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 205/2549 ลงวันที่ 30 ต.ค.2549 เรื่องการจัดตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สังกัดเป็นหน่วยงานในสำนักนายกรัฐมนตรี มี ผบ.ทบ.เป็น ผอ.กอ.รมน.พร้อมทั้งให้มีการจัดตั้ง กอ.รมน.ภาค มีแม่ทัพภาคเป็น ผอ. และให้จัดตั้ง กอ.รมน.จังหวัดทุกจังหวัด โดยขึ้นตรงต่อ กอ.รมน.ภาค สำหรับ กอ.รมน.กรุงเทพมหานคร ให้ขึ้นตรงกับ กอ.รมน.ภาค 1 และให้ความเห็นชอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 206/2549 เรื่องนโยบายเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดตั้งองค์กรบริหารจัดการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการเฉพาะ เพื่อให้เกิดเอกภาพในการดำเนินงานตามนโยบายเสริมสร้างสันติสุขฯ และการมีส่วนร่วมระหว่างส่วนราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และภาคประชาชน โดยนำยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมยึดแนวทางสันติวิธีมาเป็นหลัก

นอกจากนี้ ครม.ยังให้ความเห็นชอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 207/2549 เรื่อง การบริหารราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้ยกเลิกประกาศและคำสั่งที่ออกตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือ ศอ.บต.เป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ภายใต้การกำกับดูแลของ กอ.รมน.โดยให้รองปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ได้รับความเห็นชอบแต่งตั้งเป็น ผอ.ศอ.บต.เป็นผู้รับผิดชอบบังคับบัญชา และยังให้ กอ.รมน.จัดตั้งกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือเรียกว่า พ.ต.ท.เป็นหน่วยงานภายใต้ กอ.รมน.ภาค 4 มี ผบ.พ.ต.ท. ซึ่งแต่งตั้งโดย ผอ.กอ.รมน.ทำหน้าที่รับผิดชอบ

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแต่งตั้งให้นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผวจ.นนทบุรี มาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งในวันที่ 1 พ.ย. นายพระนายก็จะปฏิบัติหน้าที่เป็น ผอ.ศอ.บต.ทันที เมื่อถามว่า นายพระนายถือว่ามีคุณสมบัติตรงกับที่ รมว.มหาดไทย ระบุไว้ว่าต้องเป็นผู้ที่มีบารมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ความรู้ความสามารถของนายพระนายถือว่าชัดเจน แต่คำว่ามีบารมีหรือไม่นั้น ทุกคนก็บอกว่ามีบารมี แต่ก็ต้องรอการพิสูจน์ฝีมือสักพักหนึ่งคงจะเห็นเอง เรื่องมีบารมีนั้นตอบยาก ต้องขอเวลาสัก 1 เดือน ก็จะเห็นว่ามีบารมีหรือไม่มี ทั้งนี้ ในที่ประชุม ครม.ไม่มีใครสอบถามในเรื่องดังกล่าว เพราะชื่อของนายพระนายมีการพูดคุยและปรึกษากันมาพอสมควรแล้ว จนมีความเห็นว่ามีความเหมาะสมที่สุดแล้วจึงเสนอให้แต่งตั้ง

นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การแต่งตั้งนายพระนาย สุวรรณรัฐ เป็น ผอ.ศอ.บต.เพราะเห็นว่ามีประสบการณ์การทำงานเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมาหลายจังหวัด และเคยทำงานในพื้นที่ภาคใต้มาก่อน จึงมั่นใจว่าจะสามารถทำงานประสานกับหน่วยงานต่างๆ และทหารได้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญนายพระนายเป็นน้องชายของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ซึ่งเป็นอดีต ผอ.ศอ.บต. มาก่อน น่าจะได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำงานได้เป็นอย่างดี เพราะนายพลากร ตามเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานลงไปในพื้นที่ภาคใต้บ่อยครั้ง น่าจะสามารถสะท้อนความต้องการในการช่วยแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี

รมว.มหาดไทยกล่าวว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเห็นด้วยทันทีที่มีการเสนอชื่อ ดังนั้น จึงมั่นใจว่าได้ ผ่านการพิจารณาจากทุกฝ่ายอย่างรอบคอบแล้ว ตนรู้จักข้าราชการทุกคนเป็นอย่างดี รู้นิสัยใจคอว่าเป็นอย่างไร ต้องการคนที่ทำงานเอาจริงเอาจัง เนื่องจากรัฐบาลมีเวลาเพียง 1 ปี ในการทำงานเท่านั้น นายพระนายเคยเป็นลูกน้องเก่า อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่จังหวัดปัตตานีในวันที่ 1 พ.ย. นายพระนายอาจจะไม่ต้องเดินทางลงไปด้วย เนื่องจากมีภารกิจที่ต้องดูแลเกี่ยวกับการป้องกันน้ำท่วมที่ จ.นนทบุรี หากมอบหมายงานเสร็จก็จะให้ลงไป ปฏิบัติงานในพื้นที่ทันที

นายประกิจ ประจนปัจจนึก เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี 2 ฉบับ เกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ลงนามมา 2 เรื่อง ได้แก่ 1. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องนโยบายการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นกรอบครอบคลุมทุกด้านเพื่อสร้างความสมาน-ฉันท์ อำนวยความยุติธรรม สร้างความสันติสุขในพื้นที่ 2. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการบริหารราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามโครงสร้างใหม่ แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. ระดับนโยบาย มี สมช.ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน คอยกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2. ระดับการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ มีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) มีผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็น ผอ.กอ.รมน. 3. ระดับอำนวยการและปฏิบัติ มี กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งมี แม่ทัพภาคที่ 4 ทำหน้าที่ดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.)

นายประกิจกล่าวอีกว่า สำหรับ พตท.จะดูแลงานยุทธการ การรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งหมด มีผู้อำนวยการ พตท.ดูแล ส่วน ศอ.บต.จะเกี่ยวข้องกับกิจการพล-เรือนทั้งหมด มีสภาที่ปรึกษา ศอ.บต.ที่มาจากภาคส่วนต่างๆ ของสังคม มีสำนักงานบริหารกิจการยุติธรรม, ผู้อำ-นวยการ ศอ.บต. และรอง ผอ.ศอ.บต. 5 คน จากกระ-ทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงยุติธรรม รวมถึงทหารและตำรวจ ซึ่ง ศอ.บต.จะเริ่มปฏิบัติงานในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป โดยช่วงเปลี่ยนผ่านจากกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) มาสู่ โครงสร้างใหม่จะใช้เวลาประมาณ 60 วัน ระหว่างนี้ สมช. จะติดตามประเมินผลเรื่องโครงสร้างใหม่และการประกาศ ใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งในช่วง 3 เดือนนี้ถือว่า พ.ร.ก. ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ส่วนจะพิจารณายกเลิกหรือไม่ ขึ้นอยู่ กับการประเมินสถานการณ์ในอีก 2-3 เดือน สรุปคือ พ.ร.ก. ไม่ได้หมดไปโดยปริยายตาม กอ.สสส.จชต.ที่ยุบไป

นายประกิจกล่าวด้วยว่า ในคำสั่งสำนักนายกรัฐ-มนตรีนั้น จะขยายพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเป็น 5 จังหวัด โดยเพิ่ม จ.สตูลทั้งจังหวัด และ จ.สงขลาใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.จะนะ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย และ อ.นาทวี เหตุผลที่ขยายพื้นที่ออกไปเพราะ จ.สตูล เป็นพื้นที่เกี่ยว-ข้องกับการค้าอาวุธ การซ่องสุมต่างๆ ถ้าย้อนกลับไปในอดีตจะพบว่า จ.สตูล อยู่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วน จ.สงขลา เป็นเขตต่อเนื่องกับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะไม่ครอบคลุมพื้นที่ จ.สตูลและสงขลา เพราะมีการประกาศใช้กฎอัยการ ศึกอยู่แล้ว

เลขาธิการ สมช.ยังกล่าวถึงการเปิดเจรจากับแกนนำก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ภายหลัง พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ออกมายอมรับว่าบุคคลที่เข้ามาเจรจากับทางการไทยไม่ใช่ตัวจริงเสียงจริง ว่า อย่าใช้คำว่าเจรจา ใช้คำว่าปรับความเข้าใจดีกว่า เรื่องนี้ มีการดำเนินการตามปกติ แต่แน่นอนการพูดคุยนี้จะไม่ได้ เป็นระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์กรต่างๆ

ในขณะที่นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผวจ.นนทบุรี ภายหลังทราบมติของ ครม.ปรากฏว่ามีข้าราชการนำกระเช้าดอกไม้ไปแสดงความยินดีจำนวนมาก โดยนายพระนายกล่าวว่า ตนเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ชอบทำงานกับผู้คน กับตำแหน่ง ผอ.ศอ.บต.สังคมโดยเฉพาะสื่อคงจะคาดหวังไว้สูง ยอมรับว่าโครงสร้างใหม่ของ ศอ.บต.เป็นโครงสร้างที่ชัดเจนมาก มีทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ ตนไม่ใช่ฝ่ายบู๊ แต่ถ้าเกิดความไม่เข้าใจกันมันก็จะจบลงที่เรื่องบุ๋นหลังไปรับตำแหน่งจะใช้เวลาอำนวยความยุติธรรมให้ กับสังคม จริงแล้วใน 3 จังหวัดภาคใต้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เชื่อว่าจากนี้ไปทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่ใช่ว่าตั้งตนไปรับตำแหน่งแล้วจะดี แต่เป็นเพราะว่ามีการแบ่งภารกิจที่ชัดเจน ตอนนี้ขอสะสางงานที่ค้างให้เรียบร้อยก่อน

วันเดียวกันที่สภาทนายความ นายสมัคร เชาวภานันท์ โฆษกสภาทนายความ เปิดเผยว่า ทางสภาทนาย ความได้ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ญาติของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ก่อความไม่สงบที่มัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 เม.ย.47 ในการยื่นคำร้องคัดค้านการไต่สวนการตายต่อศาลจังหวัดปัตตานี ตามที่พนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวน เนื่องจากสภาทนายความเห็นว่าเหตุแห่งการตายของผู้เสียชีวิตในมัสยิดกรือเซะทั้ง 32 คน เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ ศาลได้สืบพยานและไต่สวนข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว นัดฟังคำสั่งการไต่สวนการตายในวันที่ 28 พ.ย.นี้

นายสมัครกล่าวอีกว่า ส่วนในคดีแพ่งนั้น สภาทนายความได้ช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตที่ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 2 คดีด้วยกัน คดีแรกกรณีการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย จากกระทรวงกลาโหมกับพวกต่อศาลจังหวัดปัตตานี เป็นคดีแพ่งรวม 3 สำนวน ทุนทรัพย์ที่เรียกร้องเป็นค่าเสียหายจำนวน 18 ล้านบาท คดีนี้ทางจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ โอนคดีไปพิจารณาที่ศาลปกครอง ปัจจุบันคดีจึงอยู่ระหว่างการพิจารณาของประธานศาลฎีกาว่าจะโอนคดีหรือไม่ คดีแพ่งที่สอง กรณีเสียชีวิตจากการขนย้าย ยื่นฟ้องกระทรวงกลาโหมกับพวกต่อศาลจังหวัดปัตตานี เป็นคดีแพ่งรวม 2 สำนวน เรียกค่าเสียหายรวม 107 ล้านบาท คดียังอยู่ ระหว่างการพิจารณาเช่นกัน

ทางด้านสถานการณ์ในพื้นที่ เมื่อเวลา 00.15 น. วันที่ 31 ต.ค. ขณะนายสะปียัม สะหะโด อายุ 35 ปี อาชีพ ทำสวนลองกอง อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 4 ต.ตะโละหะลอ อ.รามัน จ.ยะลา พร้อมนางรอฮานิง มูโย๊ะ อายุ 30 ปี ภรรยา น.ส.พาตีเมาะ สะหะโด อายุ 25 ปี นายดอริก สาและ อายุ 15 ปี น้องสาวและหลานชาย ประกอบพิธีละหมาดอยู่ภายในบ้าน มีโจรใต้ 3 คน บุกใช้อาวุธปืนอาก้ากราดยิงถล่มเข้าใส่บ้านเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แล้วหลบหนีไป กระสุนถูกนายสะปียัมเสียชีวิต ส่วนภรรยา น้องสาว และหลายชายบาดเจ็บสาหัส ต่อมา ร.ต.ต.วิทวัฒน์ แก้วเหลา ร้อยเวร สภ.ต.จะกว๊ะ อ.รามัน ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้ากว่า 30 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายคงไม่พอใจที่นาย สะปียัมชอบให้การช่วยเหลือกับทางราชการ

อีกรายเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกัน คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 5-7 กก.ไปซุกไว้ใกล้ถังใส่ น้ำแข็งหน้าร้านขายน้ำแข็งของนายจำลอง ชัยบุญเมือง อายุ 55 ปี เลขที่ 71/6 ริมถนนระแงะ-มรรคา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตลาดบางนาค แล้วจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ชาวบ้านนับร้อยที่มาจับจ่ายซื้อของแตกตื่นหนีตายกันอลหม่าน หลังสิ้นเสียงระเบิดพบมีผู้บาดเจ็บรวม 5 คน ประกอบด้วย ส.ต.ท.คฑาวุฒิ ทองเมือง อายุ 48 ปี ตำรวจ จร.สภ.อ.เมืองนราธิวาส นายประทีป คชนาม อายุ 48 ปี นายพิพัฒน์ ศิลาโรจน์ อายุ 40 ปี นายประดิษฐ์ ชูศรี อายุ 52 ปี และนายนิพนธ์ รัตน์แฉล้ม อายุ 40 ปี นำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ อาการปลอดภัย

ต่อมาเวลา 17.30 น. ร.ต.ต.แดนชัย มูลป้อม ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ไปสอบสวนเหตุคนถูกฆ่าบริเวณเชิงสะพานคลองไอสะเต็ง บ้านปาและ หมู่ 10 ต.รือเสาะ พบศพนายฆอซารี หะยีมะเด็ง อายุ 27 ปี สภาพ มือ 2 ข้างถูกมัดไขว้หลังด้วยเชือกไนลอน ลำคอถูกเชือดด้วยของมีคม ลำตัวถูแทงด้วยมีดปลายแหลม สอบสวนไม่มีใครเห็นเหตุการณ์

เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นฝีมือของโจรใต้ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ นอกจากนี้ เวลาไล่เลี่ยกันขณะนายอารีย์ แกตอง อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 80/1 หมู่ 7 ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านญาติ ถูกคนร้ายคาดว่าเป็นแนวร่วมโจรใต้ลอบยิงด้วยปืนลูกซองเข้าก้นกบบาดเจ็บสาหัส นำส่ง รพ.รือเสาะ แพทย์ส่งต่อไปที่ รพ. นราธิวาสราชนครินทร์

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ