บิ๊กจิ๋ว-จาตุรนต์ ปัดหนีไปนอก รุมซัด อภิสิทธิ์ ใจคับแคบ ผู้บริสุทธิ์ถูกเข่นฆ่าด้วยอาวุธ

นายชวลิต  วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะคนสนิทพล.อ.ชวลิต  ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี

ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมปฎิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่าพล.อ.ชวลิต แอบเดินทางไปต่างประเทศ ว่า ไม่เป็นความจริงเพราะพล.อ.ชวลิต ได้เดินทางไปประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมแล้วและจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันเดียวกันนี้ โดยจะถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 16.00 น.


นายชวลิตกล่าวว่า อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยทางโทรศัพท์กับพล.อ.ชวลิต ถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้

พล.อ.ชวลิต มีความเศร้าใจมากที่คนไทยฆ่าฟันกันเองทั้งที่มีวิธีการอื่นในการแก้ไขปัญหาที่ดีกว่านี้ ซึ่งทำให้มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรียังคงเดินหน้าเน้นย้ำถึงการแก้ไขปัญหายึดหลักความเป็นนิติรัฐโดยไม่สนใจในหลักของนิติธรรมที่จะต้องควบคู่กันไป


“วันนายอภิสิทธิ์ มีแต่จิตสำนึกในความเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ไม่ได้สำนึกของความเป็นผู้นำของคนทั้งประเทศ พล.อ.ชวลิต และผมยังมองตรงกันว่านายกฯคนนี้เป็นคนที่แปลกจริงๆ ไม่ได้มองประชาชนเป็นพี่เป็นน้องหรือเพื่อนบ้าน แต่เมื่อประชาชนเป็นผักปลา”นายชวลิตกล่าว


ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แกนนำกลุ่มบ้านเลขที่ 111

ได้ส่งข้อความเป็นเอกสารผ่านคนใกล้ชิดมายังผู้สื่อข่าวหลายสำนัก เพื่อชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าในช่วงสถานการณ์วิกฤติได้หลบหนีออกจากประเทศไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า  ได้เพิ่งเดินทางไปหาแพทย์ในต่างประเทศตั้งแต่เช้าวานนี้ (15 พ.ค.) และเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงบ่ายวันนี้ (16 พ.ค.) ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองด้วยความห่วงใย ขณะที่อยู่ในต่างประเทศมีเพื่อนชาวต่างประเทศแสดงความห่วงใยสถานการณ์เมืองไทยกันมาก


“การที่นายกฯเดินหน้าปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนอย่างไร้มนุษยธรรมจะนำไปสู่ความสูญเสียที่ใหญ่หลวงโดยจะไม่ได้แก้ปัญหาอะไร  แต่กลับจะนำสังคมไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกและวุ่นวายไม่สิ้นสุด การกระทำของนายกฯตลอดมาจนถึงขณะนี้  แสดงให้เห็นว่า นายกฯคนนี้ไม่เคยมีความคิดที่จะปรองดองหรือแม้แต่จะเมตตาปรานีต่อประชาชนมาตั้งแต่ต้น จากภาพข่าวเป็นที่ปรากฏชัดเจนโดยเฉพาะในสื่อต่างประเทศที่กระจายไปทั่วโลกว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีอาวุธถูกสังหารด้วยอาวุธร้ายแรงคนแล้วคนเล่า แต่นายกฯกลับกล่าวถึงแต่การใช้อาวุธโจมตีฝ่ายทหารเพื่อสร้างความชอบธรรมในการเข่นฆ่าประชาชนต่อไป ทางออกในขณะนี้คือ รัฐบาลต้องล้มเลิกความคิดที่จะประกาศเคอร์ฟิวส์ สั่งให้หยุดยิงประชาชน และกลับสู่การเจรจาซึ่งจะลดความสูญเสียชีวิตและหลีกเลี่ยงความเสียหายใหญ่หลวงทั้งเฉพาะหน้าและในระยะยาว”


นายจาตุรนต์กล่าวว่า ความจริงการเจรจารอบที่แล้วเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว เหลือเพียงการให้รองฯสุเทพไปรับทราบข้อหาที่ดีเอสไอ

แต่นายกฯล้มวันเลือกตั้งและใช้มาตรการปราบประชาชนที่เรียกว่า กระชับวงล้อมเสียก่อน ประกอบกับมาเกิดเรื่องเสธ.แดงถูกยิงและต่อมาประชาชนถูกทำร้ายเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก การเจรจาจึงชะงักไปและต้องยอมรับว่ายากขึ้นมาก นายอภิสิทธิ์ควรกลับมาทบทวนด้วยเหตุด้วยผลง่ายๆว่าเรื่องทั้งหมดเริ่มจากการที่ประชาชนมาเรียกร้องให้ยุบสภา ซึ่งเป็นทางออกที่เป็นสันติวิธีที่สุดและสังคมไทยต่างก็เห็นดีกับการปรองดอง  แต่ขณะนี้กลับต้องสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตมากมายมหาศาล นายกฯน่าจะคิดได้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต้องเป็นความผิดพลาดแน่แล้ว ดังนั้นหากนายกฯจะเปลี่ยนใจก็ยังไม่สายเกินไป



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์