ดีเอสไอย้ำฟันอาญา9แกนนำเสื้อแดง

 

คมชัดลึก :ดีเอสไอเดินหน้าดำเนินคดีก่อการร้ายกับ 9 แกนนำนปช.ย้ำ ปรองดองหรือเกี้ยเซี๊ยะทางการเมืองเบรคคดีไม่ได้ มีเพียงกฎหมายนิรโทษกรรมเท่านั้นที่หยุดยั้งกระบวนการยุติธรรมได้


นายธาริต กล่าวว่า หากในระหว่างนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ ดีเอสไอ จะรอจนถึงวันที่ 15 พ.ค.


ซึ่งแกนนำนปช.ได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า จะเข้ามอบตัวสู้คดีพร้อมกันทั้งหมด หากแกนนำนปช.เดินทางเข้ามอบตัวที่ศอฉ. ดีเอสไอจะให้พนักงานสอบสวนเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาทันที จากนั้นจะพิจารณาตามข้อเท็จจริงว่าจะให้ประกันตัวหรือจะควบคุมตัวไว้สอบสวน แต่หากเลยระยะเวลาที่กำหนดแล้วยังไม่มามอบตัว ดีเอสไอ ได้เตรียมแนวทางในการดำเนินการต่อไปไว้แล้ว 


นายธาริต กล่าวอีกว่า การออกมายืนยันหมายจับจะไม่ส่งผลให้ทำลายบรรยากาศการปรองดองระหว่างรัฐบาลและ นปช.

เพราะความผิดทางอาญากับการเจรจาถือเป็นคนละส่วนกัน พนักงานสอบสวนไม่สามารถยอมความหรือยกข้อหาหนักเพื่อไปแจ้งข้อกล่าวหาที่เบากว่าได้ กรณีดังกล่าวมีความจำเป็นที่ ดีเอสไอ ต้องออกมาชี้แจงเพราะเริ่มมีกระแสความไม่พอใจและกังวลว่า เมื่อการเมืองเกี้ยเซี๊ยะกันแล้วความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดกว่า 40 จุด การปะทะจนเป็นเหตุให้ทหารและพลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิต การขโมยอาวุธเจ้าหน้าที่จะต้องยกเลิก จึงขอยืนยันว่าในส่วนของดีเอสไอยังคงต้องดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง มิเช่นนั้นจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่


อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวว่า ความผิดตามที่รับไว้เป็นคดีพิเศษทั้ง 4 ข้อหา ประกอบด้วย การก่อการร้าย การข่มขู่บังคับเจ้าหน้าที่รัฐ การประทุษร้ายเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน

และการกระทำความผิดด้านอาวุธยุทธภัณฑ์ จะยกเลิกได้ต่อเมื่อฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติมีความเห็นตรงกันที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดทั้งหมดเท่านั้น หากนิรโทษกรรมบางส่วน ความผิดในส่วนที่ไม่มีการนิรโทษกรรมก็จำเป็นต้องถูกดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง


“การเจรจาปรองดองมิใช่มาคุยกันบอกว่านิรโทษกรรมแล้วจบ การนิรโทษกรรมต้องออกเป็นกฎหมายเท่านั้น กระบวนยุติธรรมจึงจบลงได้ และจะต้องระบุให้ชัดด้วยว่าจะนิรโทษกรรมให้แก่ความผิดใดบ้าง เพราะความผิดที่เกิดขึ้นมีเป็นจำนวนมากและหลายเหตุการณ์ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ” นายธาริตกล่าว


เมื่อถามถึงการดำเนินคดีล้มเจ้าซึ่งเป็นความผิดฐานกระทำความกฎหมายความมั่นคงแห่งรัฐ นายธาริต กล่าวว่า ตนจะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนชุดดังกล่าว

โดยมีรองอธิบดีดีเอสไอทั้งสองคนคือพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ และพ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน เป็นรองหัวหน้าพนักงานสอบสวน และจะทำหนังสือให้ทั้ง 12 หน่วยงานส่งผู้แทนเข้าร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย คาดว่าจะมีการเรียกประชุมนัดแรกได้ในสัปดาห์หน้า
ส่วนกรณีที่จะต้องเรียกตัวพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เข้าให้ข้อมูลหรือไม่นั้น นายธาริต กล่าวว่า คงต้องรอผลการประชุมพนักงานสอบสวนก่อน สำหรับข้อมูลแผนผังที่ศอฉ.นำมาเปิดเผยเป็นเพียงข้อมูลทางลายลักษณ์อักษรแต่ข้อมูลสำคัญอยู่ที่คำให้การของเจ้าหน้าที่ศอฉ. ในฐานะผู้กล่าวหา ซึ่งต้องดูว่าในที่ประชุมจะมีมติให้เรียกใครเข้าให้ปากคำบ้าง


ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นายธาริต กล่าวถึงกรณีถูกนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำนปช.แจ้งความดำเนินคดีจากการนำกำลังเข้าตรวจค้นห้องพักในเฟิร์สอพาร์ตเมนท์ว่า เป็นการเข้าค้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ค้นพบหลักฐานสำคัญที่น่าสนใจคือสลักนิรภัย และกระเดื่องระเบิดใช้งานแล้วจำนวน 3 รายการ ซึ่งขณะนี้สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์กำลังตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือและสารดีเอ็นเอ รวมถึงตรวจสอบด้วยว่าเป็นสลัก
ระเบิดชนิดใด


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์