เบื้องลึก ทักษิณ ตื๊อขอกลับบ้าน!?

ท่ามกลางการถูกจับตาจากสังคม ว่า


จะสามารถทำตามคำมั่นสัญญาต่างๆ ที่ประกาศไว้ได้สักแค่ไหน? ครบรอบ 1 เดือนการปฏิวัติโค่นล้ม ´ระบอบทักษิณ´ ของคณะทหารที่เรียกว่า คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือคปค. ไปเมื่อวันก่อน...

กระบวนการเพื่อปฏิรูปการเมืองไทย คงขับเคลื่อนไปข้างหน้าเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ´พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์´ เป็นนายกฯ คนที่ 24

ภายในเวลา 2 สัปดาห์นั้น คณะปฏิรูปฯ ยังแปรสภาพตัวเองเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)


รวมทั้งยังทำคลอดคณะรัฐมนตรีชุด ´สุรยุทธ์ 1´ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่สะดุด และล่าสุด ก็ยังมีบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จำนวน 242 ให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภาด้วย

ขั้นต่อไปก็คงจะเป็นการจัดตั้ง ´สมัชชาแห่งชาติ´


โดยมีสมาชิกที่เป็นตัวแทนประชาชนสาขาอาชีพต่างๆ ไม่เกิน 2,000 คน ก่อนจะส่งชื่อให้ คมช. เลือกให้เหลือ 100 คน เพื่อเข้าไปทำหน้าที่เป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร




สำหรับ ´ขั้นตอน´ กระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรนั้น


สภาร่างรัฐธรรมนูญก็จะมีการแต่งตั้งกรรมาธิการยกร่าง จำนวน 25 คน ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิที่ คมช.คัดเลือกอีก 10 รวมเป็น 35 คนทำการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าสถานการณ์ต่างๆ ดำเนินไปเช่นว่านั้น

คาดว่าภายในปีหน้า ก็คงจะมีการจัดการเลือกตั้งได้อย่างแน่นอน

แว๊บ! ไปดูการทำงานของนายกฯ คนที่ 24 บ้างดีมั้ยครับ


เพราะดูเหมือนว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะทำงานหนักมากๆ กล่าวคือ ไม่เพียงแต่จะเดินทางไปหลายพื้นที่เพื่อปลุกพลังมวลชน (ของแท้) สลายรากหญ้าระบอบทักษิณ...

โดยสัปดาห์ก่อนพุ่งเป้าไปที่ 2 จังหวัดในพื้นที่อีสานใต้

คือ สกลนครและบุรีรัมย์ ไปพบปะพูดคุยกับอดีตสหายเก่าพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่เข้ารายงานตัวเป็น ´ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย´ ตามนโยบาย 66/2523 ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลช่วยเหลือจากรัฐบาล สัปดาห์นี้ก็จะขึ้นเหนือไปพบปะพูดคุยกับสหายเก่าในพื้นที่ จ.ลำปาง

ขณะที่งานเร่งด่วนอื่นๆ โดยเฉพาะการเร่งกู้ภาพพจน์ของประเทศไทย


พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ก็ปฏิบัติภารกิจต่างๆ ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งการเดินทางไปพบผู้นำประเทศมิตรประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว กัมพูชา หรือมาเลเซีย และการ ´เดินสาย´ ไปพบสหายเก่าในหลายๆ พื้นที่

โดยเฉพาะการพบปะผู้นำประเทศเพื่อนบ้านนั้น

ไม่เพียงแต่พล.อ.สุรยุทธ์จะสามารถพูดจาเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ได้เท่านั้น ยังมีการชี้แจงถึงความจำเป็นที่ท่านต้องเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มาด้วยวิธีการแต่งตั้งด้วย

หันกลับมาดูสถานการณ์ทั่วๆ ไปบ้าง เนื่องจากล่าสุดนั้น


กลับยิ่งล่อแหลมมากขึ้น ภายหลังมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ´ต่อสาย´ เจรจาจะขอเดินทางกลับประเทศไทย

จากการเปิดเผยของ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ยอมรับว่า

พ.ต.ท.ทักษิณโทรศัพท์มาจากประเทศอังกฤษเพื่อจะขอกลับประเทศไทยจริง แต่ท่านได้ขอให้ชะลอไว้ก่อน เพราะสถานการณ์ภายในประเทศในอยู่ในช่วงหัวเลี้ว-หัวต่อ...

กล่าวคือ ด้านหนึ่งก็ถูกกดดันจากประเทศ ´พี่เบิ้ม´ อย่างสหรัฐอเมริกา

และกลุ่มสหภาพยุโรป ขณะที่อีกด้านก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวต่อต้านจากนักประชาธิปไตยภายในประเทศและลูกพรรคไทยรักไทย!

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ไม่รู้มีใครคิดเหมือนผมหรือเปล่า?


ผมคิดว่าการขอกลับประเทศไทยของพ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะเป็นเรื่องที่ชอบธรรมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง เพราะจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆ แต่เราต้องไม่ลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณนั้นเป็นต้นเหตุของการปฏิวัติ

ฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับหรือไม่?

ผมจึงคิดว่าไม่เหมือนคนไทยปกติทั่วๆ ไป แต่ควรจะได้รับการอนุญาตจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่เป็นหัวหน้าคณะทหารที่ปฏิวัติยึดอำนาจก่อน หากว่า พล.อ.สนธิยังไม่เปิด ´ไฟเขียว´ หรือเห็นว่าไม่สมควรที่จะกลับได้ ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับง่ายๆ


จากที่ได้ซาวๆ เสียงดูจากประดาบิ๊กๆ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นั้น สรุปตรงกันว่า


จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ ไม่งั้นมีหวังเกิดปัญหาความไม่สงบตามมาแน่ๆ ด้วยเหตุผลสถานการณ์ภายในประเทศยังไม่นิ่งสนิท ยังไม่อยู่ในจุดที่น่าไว้วางใจ โดยยังมีคลื่นใต้นํ้าอยู่ในหลายๆ พื้นที่...

ที่สำคัญก็คือ องค์กรตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช./สตง.

หรือกระทั่งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ยังไม่ได้สรุปข้อกล่าวหาต่างๆ โอกาสที่จะเดินทางกลับเมืองไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องรอไปอีกระยะหนึ่ง



ที่มีการวางโปรแกรมกันเอาไว้นั้น


´พ.ต.ท.ทักษิณ´ จะได้วีซ่ากลับจริงๆ ก็คงจะโน่นแหละ เดือนกันยายนปีหน้า ก็ใครจะกล้าปล่อยเสือเจ็บเข้าป่าละครับ ผมว่า พ.ต.ท.ทักษิณเองก็รู้คำตอบต่างๆ อยู่ในใจแล้ว

แต่ที่ยังตื๊อจะขอกลับบ้านให้ได้นั้น

เป็น ´เกม´ การเมืองเพื่อเรียกร้องคะแนนสงสารจากชาวรากหญ้า และที่สำคัญคือ ยังถือเป็นโอกาสที่จะตอกย้ำประเด็นสิทธิมนุษยชนในสายตานานาชาติด้วย โดยเฉพาะประเทศพี่เบิ้มอย่างสหรัฐ และกลุ่มสหภาพยุโรป.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์