5 มาตรการมีเงินแน่หรือ ?

วันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา คนเบี้ยน้อยหอยน้อยได้เฮ หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ต่ออายุโครงการ 5 มาตรการลดค่าครองชีพของประชาชน ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือค่าไฟ ค่าน้ำประปา มาตรการรถไฟฟรี รถเมล์ฟรี และการตรึงราคาก๊าซหุงต้มไปจนถึงสิ้นปี 2552

แต่ฝ่ายรัฐบาลคงต้องคิดหนักเพราะการต่ออายุโครงการนี้จะเพิ่มภาระงบประมาณรวม 1.1 หมื่นล้านบาท

แม้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง จะกล่าวอย่างมั่นใจว่าอยู่ในวิสัยที่รัฐบาลจัดการได้ โดยจะนำเงินจากงบฯกลางปี 2553 มาใช้ ซึ่งได้ตั้งงบฯไว้แล้ว ซึ่งจุดดังกล่าวมีข้อสังเกตหลายประการเรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้

ประการแรกคือ นายกรณ์เคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ ครม.จะพิจารณาเรื่องนี้ว่า หากจะขยายไปถึงสิ้นปี ก็ต้องดูว่าภาระงบประมาณส่วนนี้จะมาจากไหน เพราะไม่ได้ตั้งงบประมาณส่วนนี้ในงบประมาณปี 2553

จุดนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งกันเองในสิ่งที่นายกรณ์ พูดในรอบแรกวันที่ 7 กรกฎาคม กับรอบหลังวันที่ 14 กรกฎาคม ระหว่างการที่ต้องรอคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ปรับลดงบฯของหน่วยงานอื่นๆ ลงแล้ว กับการตั้งงบประมาณในส่วนงบกลางไว้แล้ว

ประการถัดมา เอกสารงบประมาณในส่วนงบกลางจะพบว่างบกลางของปี 2553 มีการจัดสรรจำนวน 2.15 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 10 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายประจำ พวกค่าสวัสดิการ เงินบำนาญ เงินช่วยเหลือข้าราชการ ไม่มีส่วนใดที่พอจะดึงงบประมาณมาใช้สำหรับการนี้ได้ หากจะมีก็มีเพียงแต่หมวดเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินจำเป็นจำนวน 3.8 หมื่นล้านบาทเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถนำมาใช้ในกรณีนี้ได้ เพราะงบฯสำรองฉุกเฉิน ใช้สำหรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดหมาย ขณะที่โครงการ 5 มาตรการเป็นแผนงานออกมาแล้ว

ประการที่สาม หากต้องรอ กมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณ ปรับลดงบฯของหน่วยงานต่างๆ พอจะเหลือเป็นก้อนใหญ่สำหรับการนี้ แต่การพิจารณางบฯกว่า 3 อาทิตย์ ไฟเขียวไป 5 กระทรวง คือ การคลัง พาณิชย์ ต่างประเทศ พลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรากฏว่าปรับลดได้เพียง 2.5 ล้านบาทเท่านั้น !!

และเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ กมธ.จากทุกพรรคหนักใจ และติติงกันทุกวัน

โดยเฉพาะงบฯดำเนินการพวกค่าครุภัณฑ์ ค่าคอมพิวเตอร์ ค่าเช่ารถ งบฯประชาสัมพันธ์ ที่ กมธ.บางคนขอปรับลด 15% บ้าง ไปจนถึง 50% เพราะไม่มีความจำเป็น โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจประเทศที่กำลังตกต่ำ ควรนำเงินมาช่วยกลุ่มคนโดยเฉพาะรากหญ้ามากกว่า ซึ่งมีการรุมซักฝ่ายราชการอย่างหนัก จนฝ่ายข้าราชการบางส่วนเกิดความขุ่นเคือง และมีการตั้งคณะอนุ กมธ.ขึ้นมาพิจารณา

แต่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองประธาน กมธ. ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมมาเกือบทุกนัด ซึ่งถือเป็นรุ่นใหญ่ในบรรดาส.ส. ก็ช่วยเคลียร์ใจให้ทั้งสองฝ่าย

แต่ก็เทไปข้างข้าราชการนิดๆ เช่น "ให้ๆ เขาไปเถอะน้อง" หรือ "วิธีพิจารณางบประมาณไม่ขอปรับลดมากขนาดนี้หรอกน้อง" ทำเอา กมธ.รุ่นกลางเก่า กลางใหม่ ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กันไปทุกครั้ง

งานนี้...เงินที่จะนำมาโปะต่ออายุ 5 มาตรการจะหามาจากไหนแน่ ...

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์