ศอฉ.กร้าวพร้อมสลายม็อบทันทีที่พร้อม ไม่หวั่นเจอปะทะ

ศอฉ.กร้าวพร้อมสลาย"ม็อบ"ทันทีที่พร้อม

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวเมื่อวันที่ 18 เมษายน ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศยกการชุมนุมในวันที่ 20 เมษายนนั้นว่า ศอฉ.ประเมินว่า น่าจะมีการเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมมากขึ้น เพื่อใช้เป็นโล่กำบัง จึงต้องพยายามดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัยที่สุด และไม่ให้ประชาชนเข้าไปร่วมชุมนุม อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าหลังจากเทศกาลสงกรานต์ จะมีการระดมประชาชนมาชุมนุมเพิ่ม โดยตัวเลขผู้ชุมนุมที่เวทีราชประสงค์เมื่อคืนวันที่ 17 เมษายนอยู่ที่ 1.3 หมื่นคน และในช่วงเช้าของวันที่ 18 เมษายนลดลงเหลือ 4 พันคน


ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอฉ.จะรอให้ยอดผู้ชุมนุมเหลือเท่าไร จึงจะมีคำสั่งสลายการชุมนุม พ.อ. สรรเสริญกล่าวว่า "บอกไม่ได้ ถ้าบอกก็ทำไม่สำเร็จ แต่ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ จะทำทันที"


ส่วนกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศขยายพื้นที่การชุมนุมไปถึงถนนสีลมนั้น พ.อ. สรรเสริญ กล่าวว่า จะไม่ให้ไปที่ไหนอีกแล้ว เฉพาะที่ถนนราชประสงค์ก็สร้างความเสียหายมากแล้ว เมื่อถามว่า แต่กลุ่มเสื้อแดงระดมมวลชนมามากขึ้น พ.อ. สรรเสริญกล่าวว่า "เอามามาก เราก็เอาไปมากเหมือนกัน"


เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าจะเกิดการปะทะกัน พ.อ. สรรเสริญ กล่าวว่า "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าจะเกิดการปะทะก็ต้องเกิด" เมื่อถามว่า แสดงว่าพร้อมตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน โฆษกศอฉ. กล่าวว่า เราไม่มีสิทธิทำแบบนั้นกับประชาชน ไม่มีสิทธิตาตาต่อฟันต่อฟัน แต่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ถ้าไม่เด็ดขาด คิดอย่างเดียวว่าไม่อยากให้เกิดสูญเสีย บ้านเมืองก็ไปไม่ได้ แต่การสูญเสีย ถ้าจะเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้วที่จะไม่ให้เกิด แต่ถ้าจะมาทำลายชีวิตเจ้าหน้าที่ มายึดอาวุธ ก็คงยอมไม่ได้


ศอฉ.ตั้งกองกำลังผสม เพื่อสกัดแดงจากตจว.

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า จากกรณีการปฏิบัติการเพื่อขอคืนพื้นที่บริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าเมื่อวันที่ 10 เมษายน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จากการปะทะกันและถูกลอบทำร้ายโดยกลุ่มก่อการร้ายนั้น ถือเป็นเครื่องยืนยันว่า พื้นที่การชุมนุมเป็นพื้นที่ไม่ปลอดภัย ศอฉ.จึงต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ด้วยการให้กองกำลังผสมไปตั้งจุดตรวจและจุด จุดสกัดทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างน้อย 2 ชั้น เพื่อไม่ให้ประชาชนในส่วนภูมิภาคเดินทางเข้ามาในพื้นที่ไม่ปลอดภัย


พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า หากใครฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่จะออกใบแจ้งเตือนลักษณะคล้ายใบสั่ง เพื่อให้มารายงานตัวที่สถานีตำรวจ แต่ถ้ายังพยายามฝ่าฝืนเข้ามาในพื้นที่การชุมนุมอีก เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องผลักดันตามกฎการใช้กำลัง 7 ประการ โดยเริ่มจากเบาไปหาหนัก


"เราจะไม่ให้ผู้ชุมนุมทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ ยึดยานพาหนะ หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆ อีก หากมีความพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องใช้อาวุธเพื่อปกป้องชีวิต" พ.อ.สรรเสริญ กล่าวและว่า หากบุคคลที่ได้รับใบแจ้งเตือนไม่ยอมเข้ารายงานตัวที่สถานีตำรวจ จะทำให้ไม่สามารถต่อทะเบียนภาษีรถยนต์ประจำปีได้

ศอฉ.ส่ง จนท.เฝ้า"ตึกสูง"รอบย่านราชประสงค์


พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ศอฉ.จะจัดส่งชุดควบคุมเฝ้าระวังพร้อมอาวุธไปควบคุมตามอาคารสูงต่างๆ บริเวณพื้นที่ชุมนุมตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนเป็นต้นไป เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีไปสร้างสถานการณ์  โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ไปปฏิบัติการจะสวมเครื่องแบบชัดเจน มีบัตรประจำตัว ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานกับเจ้าของอาคารบริเวณดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกันเจ้าของอาคารทั้งหลาย ต้องไม่ปล่อยให้กลุ่มไม่หวังดีไปพักพิง หรือใช้สถานที่เพื่อสร้างสถานการณ์ ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามีความผิดฐานสนับสนุนกลุ่มการก่อการร้าย ธุรกิจจะมีปัญหา


ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการ์ดกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปปฏิบัติการตามอาคารสูงจะทำอย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด จะทำทุกวิถีทางให้ขึ้นไปได้ และถ้าการ์ดเสื้อแดงจะขอขึ้นไปบนยอดอาคารด้วย ก็ต้องจับ เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่


เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่ากลุ่มก่อการร้าย อาจแฝงตัวไปสร้างสถานการณ์ แล้วใส่ร้ายว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมอาคารสูง พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ต้องดูพื้นฐานการเข้าไปปฏิบัติการเพื่อดูแลความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ทุกนายก็มีหลักฐานแสดงตัวที่ชัดเจน

"สรรเสริญ"ยัน ศอฉ.ยังไม่คิดประกาศใช้กฎอัยการศึก


พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึก เพราะคิดว่า พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมีความเพียงพอแล้ว เพียงแต่ต้องลงไปดูรายละเอียดการปฏิบัติ และเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องมีความกล้าหาญในการปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมาย ทำอย่างตรงไปมาทุกขั้นตอน ต้องทำให้เห็นว่า เราพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วที่จะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้อาวุธ ก็ต้องใช้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และจนขณะนี้ไม่มีความจำเป็นต้องขยายการประกาศพ.ร.ก. ฉุกเฉินไปยังพื้นที่อื่นๆ


ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเกิดเหตุปะทะกันขึ้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ระหว่างนายสุเทพ กับพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พ.อ. สรรเสริญ กล่าวว่า

ต้องรับผิดชอบร่วมกัน วันนี้ต้องถามว่าการที่กลุ่มเสื้อแดงปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้าไปแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมจะรับผิดชอบอย่างไร อย่าเอาแต่ถามว่าเจ้าหน้าที่จะรับผิดชอบอย่างไร คนเป็นเจ้าหน้าที่เกิดมาก็มีเคราะห์แล้ว ส่วนคนที่สร้างความเสียหายไม่ต้องรับผิดชอบเลยหรือ


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์