แค่ยอมนั่งลงเจรจาต่อหน้า สาธารณะก็คือชัยชนะของสันติวิธี

ต้องถือเป็นปรากฏการณ์ "ประชาธิปไตย" ที่ทำคะแนนให้กับภาพลักษณ์ ของประเทศไทยได้ไม่น้อย เมื่อนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของไทย

 ถ่ายทอดทีวีทุกช่อง ให้คนไทยทั้ง 63 ล้านคน และคนต่างชาติทั้งหลายได้ฟังเหตุผลของทั้งสองฝ่าย เรื่อง "ยุบหรือไม่ยุบสภา" พร้อมๆ กันโดยไม่มีการตัดต่อ ไม่ต้องให้ใครมาแถลงข่าว และไม่มีใครคนอื่นต้องมาตีความแทนให้


 แน่นอนว่า คงไม่มีใครคิดว่าการเจรจารอบแรก ที่ต่างฝ่ายต่างเจอกับแรงกดดันมากมายอย่างนี้ จะสามารถตกลงกันได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้นำประเทศ ยอมนั่งลงแลกเปลี่ยนความเห็น กับตัวแทนของกลุ่มคนที่ประท้วงตนเองอย่างดุเดือดรุนแรงมาตลอดหลายเดือน


 พอคุณวีระ เริ่มด้วยว่า "เราไม่ได้ต้องการให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ เราอยากให้ประเทศไทยชนะ" ก็สร้างบรรยากาศของการพูดจาด้วยการมองผลประโยชน์ของชาติ มิใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่สร้างสรรค์


 ผมถือว่าการเปิดใจของทั้งสองฝ่ายผ่านสื่อทีวีที่กว้างขวางอย่างนี้ ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้รับทราบแนวคิด และการวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองได้อย่างรอบด้าน


 ด้าน คนเสื้อแดง ที่ต้องการให้ ยุบสภา บอกว่านั่นคือวิธีการแก้วิกฤติของบ้านเมืองที่ดีที่สุด เพราะเป็นการคืนอำนาจตัดสินใจให้กับประชาชน จะได้เริ่มต้นใหม่ และไม่ว่าใครชนะการเลือกตั้ง ก็จะสามารถปกครองประเทศอย่างชอบธรรม จะได้ล้างมรดกบาปของการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 เสียที


 ด้าน คุณอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ไม่คัดค้านการยุบสภา แต่ต้องการจะให้คนไทยกลับมามีชีวิตปกติเสียก่อน แล้วจึงมีการเลือกตั้งใหม่ เพราะหากยุบสภาฉับพลันวันนี้ ความแตกแยก และขัดแย้งที่ฝังลึกอาจจะยิ่งบานปลายระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง


 คุณอภิสิทธิ์ เสนอให้มีการร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน เพื่อให้กติกาเป็นที่ยอมรับกันทุกฝ่าย แต่ด้านคุณวีระ ต้องการให้เลือกตั้งก่อน ใครได้เป็นรัฐบาล ก็ไปแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ประชาชนต้องการ


 ใครนั่งฟังการเจรจาเกือบสามชั่วโมงเมื่อวันอาทิตย์ ก็จะได้ความรู้และความเข้าใจว่า ทั้งสองฝ่ายคิดอย่างไรกับสภาพบ้านเมืองวันนี้


 ฝ่ายแกนนำคนเสื้อแดง เช่น คุณวีระ คุณจตุพร พรหมพันธุ์ และ คุณหมอเหวง โตจิราการ ก็ได้โอกาสที่จะอธิบายเหตุผลของตนที่ให้คุณอภิสิทธิ์ ต้องยุบสภาผ่านสื่อของรัฐไปถึงประชาชนทั่วประเทศเป็นครั้งแรก


ด้านคุณอภิสิทธิ์ ก็มีโอกาสตอบประเด็นหลายประเด็น ที่ฝ่ายคนเสื้อแดงปราศรัยกล่าวหานายกฯ และรัฐบาลชุดนี้อย่างดุเดือดรุนแรงมาตลอด


 คุณอภิสิทธิ์ มีโอกาสที่จะบอกกล่าวให้ชัดว่าในฐานะเป็นผู้นำประเทศ พร้อมจะฟังข้อเสนอของคนเสื้อแดง แต่ก็ต้องฟังคนไทยกลุ่มอื่นๆ ด้วย เพราะคนที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภาก็มีไม่น้อย และหลายกลุ่มก็ตั้งคำถามว่าทำไมจึงเจรจากับคนเสื้อแดงเท่านั้น ทำไมไม่เจรจากับคนกลุ่มต่างๆ ที่มีความเห็นแตกต่างไปจากคนเสื้อแดงด้วยเล่า


 คุณอภิสิทธิ์ อธิบายว่า ถ้าทำตามที่คนเสื้อแดงยื่นข้อเรียกร้องอย่างเดียว คนกลุ่มอื่นๆ ในสังคมที่มีข้อเรียกร้องอื่นๆ บ้าง จะมีปฏิกิริยาต่อต้านบ้าง จะว่าอย่างไร


 คุณอภิสิทธิ์ บอกว่า หัวใจคือการสร้างสมานฉันท์ในชาติ ก่อนที่จะกลับไปสู่สนามเลือกตั้ง ฝ่าย คุณวีระ บอกว่า กลุ่มคนเสื้อแดงพร้อมจะเคารพในผลการเลือกตั้ง แต่ไม่เชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนการเลือกตั้ง จะทำได้สำเร็จ เพราะที่ผ่านมา ก็ไม่เคยทำได้


 ทั้งสองฝ่ายเจรจาภายใต้แรงกดดันทั้งคู่...เพราะไม่สามารถพูดจาดุเด็ดเผ็ดมันเหมือนอภิปรายในสภา หรือเมื่อปราศรัยปลุกอารมณ์ของม็อบ


 นายกฯ อภิสิทธิ์พูดภายใต้หัวข้อ
"มาช่วยคิดว่าจะหาทางออกจากวิกฤติการเมืองนี้อย่างไรแล้วไปเลือกตั้งกันใหม่" 

 แต่แกนนำคนเสื้อแดงพูดภายใต้หัวข้อ "ยุบหรือไม่ยุบสภา...ขอให้บอกมา"


 จึงหนีไม่พ้นว่าการเจรจาวันแรกไม่อาจจะตกลงกันได้ และเมื่อคุณจตุพรเสนอกลับมาว่า ขอให้นายกฯ ยุบสภาภายใน 2 สัปดาห์ ก็เท่ากับเป็นการตีกรอบการเจรจาให้แคบเข้ามา เพื่ออย่างน้อยจะได้รายงานกับผู้ร่วมต่อต้านที่เวทีผ่านฟ้า ว่า มีจุดยืนเหนียวแน่นเรื่องนี้ ไม่ได้ถูกฝ่ายรัฐบาลกล่อมให้หลงทาง


 คุณอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ไม่ได้ซื้อเวลา ต้องการเห็นบรรยากาศสมานฉันท์ และแก้กติกาที่ยอมรับกันได้ทุกฝ่ายเสียก่อน...แล้วเลือกตั้ง "มาเขียนกรอบเวลากันเลยก็ได้..." แปลว่าพร้อมที่จะนั่งวางตารางเวลาว่าจากนี้ไปทำอะไรเมื่อไร และนับถอยหลังถึงวันเลือกตั้งได้เช่นกัน


 หากทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า "ประเทศไทยคือผู้ชนะ" ก็ย่อมจะต้องไม่มองว่าใครแพ้ใครชนะในการเจรจาครั้งนี้...


 ความสำเร็จจะอยู่ที่หากทั้งสองฝ่ายสามารถหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้ "ประเทศไทยชนะ" โดยที่คนไทยทั่วประเทศเป็นสักขีพยาน และผู้ตัดสินจากการปรับจุดยืนของตนมาเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของประเทศไทย


 ภาพสวยงามแห่งการพูดจา เพื่อหาทางออกจากวิกฤติของประเทศได้ปรากฏให้เห็นแล้ว ใครทำเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม จะกลายเป็นคนที่คนทั้งประเทศไม่อาจยอมรับได้อย่างแน่นอน


 ฝ่ายใดเลือกวิธีการอื่น นอกจากการเจรจาด้วยสันติวิธี ย่อมไม่อาจจะเอาชนะใจประชาชนได้


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์