เจรจาตึงเครียด แดงชี้7ข้อหา มาร์คเคลียร์จบ

จากนั้นเวลา 18.10 น.คู่เจรจาทั้งสองฝ่ายได้เดินทางเข้าห้องเจรจาโดยนั่งเหมือนการเจรจาครั้งแรก โดยนายชำนิ นั่งตรงข้ามกับ นพ.เหวง นายอภิสิทธิ์ นั่งตรงข้ามกับ นายวีระ และ นายกอร์ปศักดิ์ นั่งตรงข้ามกับนายจตุพร ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างผ่อนคลายกว่าเมื่อวันที่ 28 มี.ค. โดยนายวีระ กล่าวเริ่มต้นว่า สำหรับข้อเสนอของกลุ่ม นปช.เสนอว่า 15 วันให้ยุบสภานั้น วันนี้มาถามนายกฯว่า ข้อเสนอนั้นเหมาะสมหรือไม่ ท่านก็ไปตรึกตรองดีแล้ว ขอถามตรงๆถึงคำตอบว่าคิดเห็นอย่างไร

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คองตอบได้ว่า การยุบสภาคงเป็นเงื่อนไขทุกฝ่ายต้องมาช่วยกัน ยุบสภาวันนี้กับอีก 15 วันก็ไม่ต่างกัน และเชื่อว่า จะไม่นำความสงบมา ประชาชนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย แต่อยากให้มีความยืดหยุ่น แต่จะให้วาระของตนที่มีอยู่ 1 ปี กับ 9 เดือน จัดให้มีการเลือกตั้งก่อนหมดวาระ ไม่มีปัญหา ปูทางเลือกตั้งไม่มีปัญหา เช่น เรื่องรัฐธรรมนูญ ระยะเวลาตรงนี้ไม่ยาวนานมาก พร้อมที่จะคุยในกรอบนี้หรือไม่ 15 วันเป็นไปไม่ได้ ไม่ได้ปฏิเสธการยุบสภา แต่ไม่ใช่วันนี้หรือ 15 วันนี้


ด้าน นายจตุพร กล่าวว่า เหตุที่เรามาเรียกร้องให้ยุบสภานั้น ให้ท่านตัดสินใจ และ ชี้แจงกับพี่น้องประชาชน กรณียุบสภาภายใน 15 วันนั้น คือ 15 บวก 45 เหตุผลที่มาเรียกร้องนั้นก็เพราะ 1.ที่มาของรัฐบาลโดยไม่ชอบ 2.กลไกถูกบังคับ 3.การปฏิบัติสองมาตรฐาน และ 4. เข้าดำรงตำแหน่ง 1 ปี การบริหารงานล้มเหลวหลายอย่าง การทุจริตหลายประการ เช่น โครงการชุมนุมพอเพียง 5. ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ท่านมีเพียงคำพูดเท่านั้นที่จะแก้ไข  รับปากกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้วก็มีการทวงกัน ปรากฎว่า คณะกรรมการเสนอขึ้นมา 6 ข้อ ก็ไม่ได้รับการพิจารณา ดังนั้นควรเกิดขึ้นจากประชาชนที่ต้องการแก้ไขโดยการเลือกเข้ามา เช่น ม.309 นักประชาธิปไตยรับไม่ได้เลย กลุ่มคนเสื้อแดงเห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นจริง และ มันสายไปแล้วที่จะแก้ไขวันนี้ 6.ประเด็นการสืบทอดพระราชอำนาจ 7.การได้รับความเป็นธรรม กรณี พ.ต.ต.สมเพียร เอกสมญา เช่น กรณี จ่าเพียร

ขณะที่ นายกฯ กล่าวตอบว่า ประเด็นที่ 1. ที่ว่ามาโดยไม่ชอบนั้น ไม่จริง เพราะมีรัฐธรรมนูญ และปล่อยให้ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ ซึ่งก็อยู่ในกระบวนการรัฐสภา ดังนั้นการกล่าวหาว่ามาไม่ชอบธรรมนั้น เป็นการดูถูก ส.ส.และ ประชาชนมากเกินไป ในเมื่อมีกติกา ก็ต้องเล่นตามกติกา ส่วนประเด็นที่ 2. เรื่องรัฐธรรามนูญ ตนเป็นคนพูดเองว่า ให้รับแล้วแก้ แต่การแก้นั้นเป็นเรื่องที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน  ตนว่า ควรแก้ แต่แก้ในบางประเด็น แต่ไม่ควรแก้ใน 2 ประเด็น คือ 1. แก้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง   2.แก้เพื่อล้างคนผิด ส่วนข้อที่ 3.สองมาตรฐาน เริ่มมาจากปี 44 และปี 45 จากกรณีคดีซุกหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งก็เป็นสองมาตรฐาน 4.เรื่องจุกจิก ควรอภิปรายในเรื่องสภาฯ เช่น เรื่องอาฟต้า ขณะนี้ยังสงวนอยู่ การกู้เงินจำนวนสี่แสนล้าน จำเป็นต้องเร่งด่วนเพื่อการแก้ไขเศรษฐกิจ ไม่ได้ไปกระทบกับพี่น้องประชาชน ต้องเอาความจริงมาพูดกัน


นายกฯ กล่าวอีกว่า 5.เรื่องการทุจริต มีทุกยุคทุกสมัย แต่ในรัฐบาลตนนั้นเป็นบรรทัดฐานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมฯ โครงการชุมพอเพียง ทุจริตกระทรวงมหาดไทย ก็ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว ส่วนในยุคของท่านทำไมไม่พูด  จีที 200 ก็ซื้อขายในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ 6.เรื่องละเอียดอ่อน ไม่สมควรที่จะเจรจากัน และ 7.เรื่อง พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ทราบว่าขณะนั้นกำลังพิจารณาเรื่องนี้กันอยู่

ทั้งนี้ระหว่างที่นายกฯ กำลังตอบ 7 กรณีที่แกนนำ นปช. และ ถึงตอนเหตุรุนแรงที่กระทรวงมหาดไทย นายจตุพร พูดแย้งว่า นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ในรถที่กระทรวงมหาดไทย และ คดีอื่นของคนเสื้อแดงนั้นถูกดำเนินคดีทั้งหมดขณะที่คนก่อเหตุที่กระทรวงมหาดไทยกว่า 20 คนไม่ถูกดำเนินคดีถึงเวลานี้ ซึ่งระหว่างการตอบโต้ไปมานั้นนายวีระ พยายามที่จะเบรกโดยให้คุยในประเด็นที่กำลังหารือ หลังจากนั้น นพ.เหวง  กล่าวว่า ในฐานะตนเองเป็นคนแก่ ต้องบอกนายกฯว่า อย่าไปต่อล้อต่อเถียง เสียหายตัวเอง และให้เคารพความเป็นมนุษย์ของคนอื่น.




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์