สรรพากรเตรียมอายัดซ้ำโอ๊ค-เอม1.2หมื่นล้านคดีซื้อหุ้นเลี่ยงภาษี

สรรพากร รอดูคำตัดสินศาลฎีกาฯคดียึดทรัพย์"ทักษิณ" ถ้า ยกฟ้อง-ยึดบางส่วน เตรียมทำหนังสือถึงธนาคารอายัด"โอ๊ค-เอม"ซ้ำ 12,000 ล้าน คดีซื้อหุ้นชินคอร์ป1บาทจากแอมเพิลริชฯเลี่ยงภาษี

แหล่งข่าวจากกรมสรรพากรเปิดเผย"มติชนออนไลน์"เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 ว่า ทางกรมสรรพากรได้เตรียมที่จะทำหนังสือถึงธนาคารพาณิชย์ต่างๆ

ซึ่งนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมีเงินฝากอยู่เพื่อสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้งสองประมาณ 12,000 ล้านบาทตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณในคดี ร่ำรวยผิดปกติ หรือมีคำสั่งให้ทรัพย์สินบางส่วนจากทั้งหมด 76,121 ล้านบาทตกเป็นของแผ่นดิน แต่ถ้าศาลฎีกาฯสั่งให้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดตกเป็นของแผ่นดินก็ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้งสองอีก


แหล่งข่าวกล่าวว่า การที่กรมสรรพากรต้องมีคำสั่งอายัดเงินฝากของนายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทา

เนื่องจากกรมสรรพากรได้ประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้จากบุคคลทั้งสองกรณีที่บุคคลทั้งสองซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)จากบริษัท แอมเพิลริช อินเวสท์เมนท์ จำกัด เมื่อวันที่ 20  มกราคม 2549 คนละ 164.6 ล้านหุ้น รวม 329.2  ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท  ขณะที่ราคาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันดังกล่าวมีราคาหุ้นละ 49.25 บาท ทำให้บุคคลทั้งสองได้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาหุ้นละ 48.26 บาทซึ่ง ถือเป็นเงินได้พึงประเมินของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทาตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร ที่จะต้องเสียเป็นเงิน    5,904,791,172.29  บาท และ 5,904,503,601.13  บาทตามลำดับ


รวมแล้วทำให้บุคคลทั้งสองจ้องเสียภาษีรวม จำนวน 11,809,294,773 บาท (ยังไม่รวมเบี้ยปรับเงินเพิ่มซึ่งจะทำให้มียอดเงินเพิ่มเป็นกว่า 12,000 ล้านบาท)


แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตามบุคคลทั้งสองได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์

แต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งมีคำสั่งยืนตามตามคำสั่งของกรมสรรพากร บุคคลทั้งสองจึงยื่นฟ้องต่อศาลภาษีอากรกลางให้เพิกถอนคำสั่งของกรมสรรพากร  คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลซึ่งตามกฎหมายแล้ว กรมสรรพากรต้องมีคำสั่งอายัดทรัพย์ไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามคำร้องของนายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทาที่ยื่นคัดค้านการยึดทรัพย์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระบุว่า  นายพานทองแท้มีทรัพย์สินที่ได้จากการขายหุ้นชินคอร์ปฝากอยู่ในธนาคารต่างๆ เป็นเงิน 17,150,292,534 บาท ขณะที่น.ส.พิณทองทามีเงินฝากอยู่ 23,529,837,028.60 บาท



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์