สกัดดีเอ็นเออึรอมัดผู้ต้องสงสัย

คมชัดลึก : นับตั้งแต่ปฏิบัติการ "เย้ยหยัน" อย่าง "แสบทรวง" ด้วยการปาอึใส่บ้านพักนายกฯ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เลขที่ 32/1-3 ซอยสุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ตำรวจนครบาลก็ดูเหมือนจะอยู่นิ่งไม่ได้


อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าหลักฐานเดียวที่มีอยู่ในขณะนี้ คือ ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านนายกฯ ที่บันทึกภาพรถจักรยานยนต์และชายต้องสงสัย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุครั้งนี้ ก่อนจะกระจายกำลังออกตรวจสอบกล้องวงจรปิดละแวกใกล้เคียง รวมถึงประสานขอความร่วมมือนำแฟนพันธุ์แท้รถจักรยานยนต์มาช่วยดูภาพจากวงจรปิดว่า ยานพาหนะที่มือปาอึใช้นั้นเป็นยี่ห้อ-รุ่นอะไร


ท่ามกลางการระดมหาพยานหลักฐาน เพื่อเชื่อมโยงไปสู่มือปาอึ มีสิ่งหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ "ตัวบุคคล" ของผู้ต้องสงสัยในคดีนี้นั่นก็คือการสกัดหา "ดีเอ็นเอ" จาก "อึ" นั่นเอง ?!!


ด้วยเหตุนี้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ จึงเก็บอึไว้เป็นหลักฐานในคดีด้วย ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์จากสำนักนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กำลังรอรับสิ่งปฏิกูลนี้มาตรวจหาดีเอ็นเอ หากว่ามีการร้องขอมา


"คม ชัด ลึก" ขอคำอธิบายเกี่ยวกับการตรวจอึหาดีเอ็นเอกับนักวิทยาศาสตร์ รพ.บำรุงราษฎร์ กับ รพ.วิชัยยุทธ บอกว่า ใน
ทางทฤษฎีวิทยาศาสตร์สามารถสกัดหาดีเอ็นเอจากอุจจาระได้ เนื่องจากอุจจาระเป็นของเสีย กากอาหาร ที่ผ่านระบบทางเดินอาหารในการขับถ่ายของเสียออกมา ขั้นตอนระหว่างนี้อาจจะมีเนื้อเยื่อติดออกมาด้วย แต่จะมากพอให้ตรวจพบหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง


ยกเว้น...ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ป่วยคนนั้น เป็นริดสีดวงทวารหนักหรือกล้ามเนื้อหูรูดไม่ดี อาจจะมีเลือดหรือก้อนเลือดปะปนออกมากับอุจจาระ จะสามารถสกัดหาดีเอ็นเอได้จากเลือดได้ทันที


ขณะที่ นักวิทยาศาสตร์ สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ ที่กำลังรอวัตถุพยานหากมีการร้องขอให้ตรวจหาดีเอ็นเอ ขยายความเพิ่มเติมว่า การตรวจหาสิ่งที่ติดออกมากับอุจจาระนั่นก็คือ "เซลล์" มนุษย์ทุกคนจะมีเซลล์ และเซลล์จะหาได้จากเนื้อเยื่อที่ติดออกมาอุจจาระ ในเซลล์จะมีนิวเคลียสซึ่งเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคล เป็นส่วนที่เล็กที่สุดในระบบเซลล์ ดังนั้น อุจจาระที่ขับถ่ายออกมาตามระบบทางเดินอาหารจะมีเนื้อเยื่อติดออกมาบางส่วน


ดังนั้น หากจะตรวจหาดีเอ็นเอมนุษย์ควรที่จะได้ ?!! 


เขา อธิบายถึงขั้นตอนการตรวจหาว่า จะเริ่มด้วยการนำอุจจาระที่ได้มาขลิบหรือจิ้มเอาบางส่วนใส่หลอดทดลอง แล้วหยดน้ำยาตรวจหาดีเอ็นเอมนุษย์ลงไป 15 ไมโครตริก รอประมาณ 15 วัน เพื่อให้กระบวนการทำงานตรวจหาดีเอ็นเอสมบูรณ์ เมื่อได้ เขาย้ำว่า ถ้าได้มาแล้วก็ต้องทดลองซ้ำด้วยการขลิบหรือจิ้มอุจจาระในส่วนอื่นๆ มาทำตามขั้นตอนเดิมซ้ำอีกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบให้เกิดความชัดเจน  


สำหรับการตรวจต่อครั้งจะมีราคาดำเนินการ 3,000 บาท น้ำยาอย่างดีราคากล่องละประมาณ 2.5 แสนบาท สามารถตรวจหาดีเอ็นเอมนุษย์ได้ราว 200 ตัวอย่าง


แต่ถ้าอุจจาระมีหยดเลือดหรือก้อนเลือดขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ ในกรณีที่ผู้ต้องสงสัยเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก หรือกล้ามเนื้อหูรูดไม่ปกติ จะสามารถตรวจดาดีเอ็นเอได้ชัดเจนมากขึ้น


นักวิทยาศาสตร์คนเดิม ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้นด้วยเรื่องข้อพิพาทเรื่อง "ขี้หมาหน้าบ้าน" เมื่อต้องการพิสูจน์ว่าขี้หมาก้อนนั้นเป็นของหมาตัวไหนก็สามารถตรวจหาได้ เนื่องจากหมาจะมีขนที่ก้น ขณะถ่ายของเสียอาจจะมีขนหลุดปนมากับอุจจาระ เมื่อสัตวแพทย์แยกหาขนนำไปสกัดดีเอ็นเอ แล้วนำไปเปรียบเทียบกับหมาต้องสงสัยก็จะสามารถระบุได้ทันทีว่า ขี้ก้อนนั้นเป็นของหมาตัวไหน


"ถ้าเราได้ผลตรวจดีเอ็นเอแล้วไม่ใช่ว่าเรื่องจะจบลงแค่นั้น แต่เราต้องเก็บผลตรวจไว้เป็นข้อมูลพื้นฐาน เอาไว้ตรวจสอบเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจได้ตัวมา นำดีเอ็นเอที่ได้จากการตรวจเส้นผม เส้นขน เนื้อเยื่อในกระพุ้งแก้ม หรือเลือดมาเปรียบเทียบว่า ตรงกับตัวอย่างที่เก็บไว้หรือไม่ ถ้าตรงก็ชัดเจนว่าเป็นคนเดียวกัน" นักวิทยาศาสตร์ อธิบาย

 อย่างไรก็ดี ในกรณีนี้ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน เช่น หากอุจจาระวัตถุของกลางที่นำมาตรวจอยู่สภาพแวดล้อมร้อน ชื้น หรือเก็บไว้หลายวันจนแบคทีเรียทำให้เน่า ถ้าเจอปัจจัยเหล่านี้ก็อาจจะส่งผลทำให้ตรวจไม่พบได้


ทว่าองค์ประกอบต่างๆ ของอุจจาระบางครั้งก็ช่วยอธิบายเอกลักษณ์ของเจ้าของได้ด้วย เช่น เจ้าของอุจจาระเป็นคนกินเจมาโดยตลอด อุจจาระที่ออกมาก็จะมีเอกลักษณ์แตกต่างกับคนที่กินเนื้อ ซึ่งอุจจาระก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง


แต่สิ่งสำคัญที่สุดในกระบวนการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์นี้ คือ ต้องมีตัวผู้ต้องสงสัยมาเปรียบเทียบ !?! 


ต้องรอดูกันต่อไปว่ากระบวนการพิสูจน์หา "มือปาอึ" จะถึงขั้นต้องลงมือสกัดหา "ดีเอ็นเอ" จาก "อึ" หน้าบ้านนายกฯ หรือไม่ ?!! 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์