พิทักษ์ทรัพย์เพรสซิเดนท์อดีต บ.ส่งออกข้าวยักษ์พร้อมคู่ซี้ วัฒนา เมืองสุข พันทุจริตบ้านเอื้อ

ผู้สื่อข่าว"มติชนออน์ไลน์"รายงานว่า  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ลงประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัดและ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร 

กรรมการผู้จัดการในคดีหมายเลขแดงที่ ล18747/2552  ทั้งนี้ตามที่ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้ลูกหนี้ล้มละลายและศาลมีคำสั่งลงวันที่ 8  ตุลาคม 2552 ให้พทักษ์ทรัพย์ของ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ที่ 1 นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ที่ 2  ลูกหนี้ไว้เด็ดขาด ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แล้ว


ลูกหนี้ที่ 1  เลขทะเบียนนิติบุคคล 0105535007 ประเภทของธุรกิจไม่ปรากฏ มีภูมิลำเนาอยู่เลขที่ 25/1 หมู่ที่ 3  ตำบลหอไกร อำเภอบางมูลนาก จังหัดพิจิตร


ลูกหนี้ที่ 2 เลขประจำตัวประชาชน 3-6697-00081-36-1  เกิดเมื่อวันที่ 23  พฤษภาคม 2500อาชีพ ไม่ปรากฏอาชีพ มีภูมิลำเนาอยู่เลขที่ 1/38 หมู่ที่ 9  ตำบลหอไกร อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง

เคยเป็นบริษัทส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยสมัยรัฐบาลพ.ต.ทงทักษิณ ชินวัตร มีนายวัฒนา เมืองสุข เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ซึ่งบริษัทเพรซิเดนท์ฯสามารถประมูลข้าวในสต็อคของรัฐบาลได้เพียงเจ้าเดียวถึง 2 ล้านตัน ทำให้สามารถควบคุมการส่งออกข้าวได้เกือบทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง เป็นหนี้ธนาคาร 8 แห่งเป็นเงินกว่า 12,000 ล้านบาทและมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ฐานฉ้อโกงทรัพย์ด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เพรซิเดนท์ฯและนายอภิชาติยังเข้าไปพัวพันการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร

ในช่วงที่นายวัฒนา เมืองสุข เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ด้วยจนทำให้ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีมติชี้มูลความผิดนายวัฒนาเมืองสุขกับพวกรวม 7 คนซึ่งมีบริษัทเพรซิเดนท์ฯและนายอภิชาติรวมอยู่ด้วยซึ่งคณะทำงานพิจารณาพิจารณาสำนวนคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐของสำนักงายอัยการสูงสุดได้มีมติสั่งฟ้องนายวัฒนากับพวกต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อเดือนมิถุนายน 2552 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีเรียกรับเงินผู้ประกอบการเอกชนในโครงการดังกล่าว

สำหรับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 ประกอบด้วย 1.นายวัฒนา เมืองสุข 2.นายพรพรหม วงศ์วิทัศน์ 3.นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ส.ส.กทม.  4.นายอภิชาติ จันสกุลพร กรรมการผู้จัดการบริษัทเพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด  5.น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง   6.น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว และ 7.บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ  เทรดดิ้ง ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีเรียกรับเงินผู้ประกอบการเอกชนในโครงการดังกล่าว
 


สำหรับรายละเอียดในการทุจริตโครงการดังกล่าว นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการคตส.และประธานคณะอนุกรรมกรรสอบสวนการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร

เคยแถลงรายละเอียดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2551 ว่า ที่ประชุมคตส.มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน และชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องในโครงการบ้านเอื้ออาทร ประกอบด้วย นายวัฒนา เมืองสุข  มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149
 
2.นายมานะ วงศ์พิวัฒศ์ ในฐานะอดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการบ้านเอื้ออาทร มีความผิดตามมาตรา 3,11 ของพ.ร.บ.ความผิดพนักงาน องค์กรของรัฐ


บริษัทพาสทิญ่า ไทย จำกัด และกรรมการบริษัท  ฐาน สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 86

และความผิดฐานให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่พนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144  นอกจากนี้ยังมีความผิดฐานฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งจะแยกส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แยกไปดูแล โดยมีผู้เกี่ยวข้องคือบริษัทเพรซิเด้นท์ อิกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยมีนายอภิชาต จันทร์สกุลพร กระทำความผิดฐานฟอกเงิน ผิดมาตรา 3 และ 5(1) นายสุจิต สวนโสกเชือก น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงานบริษัทเพรซิเด้นท์ฯ และนางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข กรรมการบริษัทเพรซิเด้นท์ฯ กระทำผิดฐานฟอกเงิน เพื่อปกปิดอำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน ตามมาตรา 3 และ 5 (2) ซึ่งได้ประสานไปยัง ป.ป.ง. เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ ติดตามเส้นทางการเดินของเงินที่เหลือ และให้ดำเนินการยึดทรัพย์ด้วย


นายแก้วสรร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่านายวัฒนา เป็นผู้ผลักดันให้เกิดการประมูลแบบเทิร์นคีย์เหมาโควตา

จากเดิมที่ทำการประมูลแบบจ้างเฉพาะเหมาก่อสร้างเท่านั้น และผลักดันให้บริษัทพาสทิญ่าฯ ที่ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าประมูล เนื่องจากมีวงเงินจดทะเบียนเพียงแค่ 3 ล้านบาท แต่กลับแจ้งว่าได้จดทะเบียน 100 ล้านบาท ด้วยการข้ามขั้นตอนโดยการใช้อำนาจแต่งตั้งบุคคลซึ่งเป็นคนของตัวเองเข้าไปเป็นกรรมการกลั่นกรองโครงการ ทำให้บริษัทพาสทิญ่าฯ ผ่านเข้าไปรับโควตา 7 โครงการ รวม 7,500 ยูนิต


"แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีการฟอกเงินโดยพยานที่เป็นคนของบริษัทพาสทิญ่า ให้การยืนยันว่ามีการจ่ายเงินล่วงหน้า 470 ล้านบาท และพบว่ามีการแยกบัญชีจำนวน 82.5 ล้านบาท โดยระบุในบัญชีของบริษัทว่าเป็นเงิน"อันเดอร์เทเบิล" หรือเงินใต้โต๊ะซึ่งพนักงานบริษัทให้การรับสารภาพว่า เป็นเงินนำส่งรัฐมนตรี โดยผ่านกระบวนการฟอกเงินผ่านบริษัทเพรสซิเดนท์ฯซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับโควตาข้าวสมัยที่นายวัฒนา เป็นรมว.พาณิชย์"


นายแก้วสรร กล่าวและว่า การฟอกเงินดังกล่าวแบ่งเป็น 2 สาย สายแรก เป็นการจ่ายเช็คเงินสดจำนวน 11 ฉบับ แยกเป็นฉบับละไม่ถึง 2 แสนบาท

เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย ปปง. เข้าบัญชีของนายสุจิตร สวนโสกเชือก ผ่านธนาคารกรุงเทพ สาขา รัตนธิเบศร์ ซึ่งเป็นพนักงานขับรถของนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร จำนวน 18.75 ล้านบาท
สายที่สอง มีการออกเช็คในนามธนาคารกรุงเทพ สาขาอโศก - ดินแดง จำนวน 63.85 ล้านบาท ให้กับน.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา ซึ่งเป็นแม่บ้าน เสริฟกาแฟ ของบริษัทเพรซิเดนท์ฯ และเงินจำนวน 63.85 ล้านบาท โอนให้กับน.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว ซึ่งเป็นพนักงานพิมพ์ดีด จากนั้นเงินจำนวนทั้งหมดก็กลับเข้ามาสู่บริษัทเพรซิเดนท์ ฯ อีกครั้ง โดยมีเงินหายระหว่างทาง 18 ล้านบาท ทำให้ยอดเงินจ่ายใต้โต๊ะเหลือ 63 ล้านบาท


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์