วิเคราะห์การเมือง น้ำหนักอยู่ที่สมานฉันท์

หลังจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)


ภายใต้การนำของพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก

สั่งเคลื่อนรถถังและกำลังทหาร ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน

ล้มล้างรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย เมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน

พล.อ.สนธิประกาศชัดเจน การยึดอำนาจครั้งนี้ จะเข้าเร็วออกเร็ว ภายใน 2 สัปดาห์ ทหารจะถอยออกไป


ล่าสุดเช้าวันที่ 1 ตุลาคม ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2549

ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เพื่อเป็นกรอบในการบริหารราชการแผ่นดิน สำหรับรัฐบาลชุดใหม่ และกำหนดกระบวนการในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีบทบัญญัติให้มีการแปลงสภาพคณะปฏิรูปฯ ไปเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ โดยมี พล.อ.สนธิเป็นประธานคณะมนตรีฯ

และในช่วงเย็นวันเดียวกันที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยได้ถ่ายทอดสดแพร่ภาพ


พลเอกสนธิอ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 24 ของประเทศไทย

12 วัน ประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่

เข้าเร็วออกเร็ว ตามที่ได้ประกาศไว้



ขณะเดียวกัน หลังจากเสร็จพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้ว


พลเอกสุรยุทธ์ นายกรัฐมนตรีสดๆซิงๆ ได้แถลงเปิดใจถึงการเข้ามา ทำหน้าที่นายกฯใน ครั้งนี้ว่า

จะเร่งแก้ไขปัญหาการเมืองและความไม่สงบในภาคใต้ โดยขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหา

โดยจะใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์คัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม เป็นกลาง มีความรู้ความสามารถและเต็มใจเข้ามาร่วมงานใน ครม.ชุดใหม่ หลังจากนั้นจะแถลงนโยบายของรัฐบาล

จะทำงานภายใต้กรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ภายใน 1 ปี เมื่อจบภารกิจตรงนี้แล้ว หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของประชาชน ที่จะมีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่ต่อไป

สำหรับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจะยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไม่มุ่งเน้นจีดีพีมากนัก แต่จะต้องดูตัวชี้วัดความผาสุกของประชาชน

ผมจะเป็นตัวของตัวเอง เป็นกันเองกับทุกฝ่าย เพื่อรับข้อมูล เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตของประเทศที่ดีกว่าปัจจุบัน โดยยืนอยู่บนระบบของคุณธรรม ความเป็นธรรม เสมอภาคและซื่อสัตย์

คือเนื้อหาหลักๆ ที่พลเอกสุรยุทธ์ประกาศเป็นสัญญาประชาคม เน้นสร้างความสมานฉันท์


ทั้งนี้ เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯคนใหม่แล้ว จากนี้ไปโฟกัสความสนใจของสังคมก็คงพุ่งไปที่โผคณะรัฐมนตรีชุดกู้วิกฤติชาติ

เต็งหนึ่ง ชื่อติดกระดานมาตลอดก็ต้อง หม่อมอุ๋ย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

จองรองนายกฯคุมทีมเศรษฐกิจ ประเมินเสียงตอบรับจากนักธุรกิจภาคเอกชน สอบผ่านสบาย

และก็ไม่ขี้เหร่กับชื่อที่แพลมออกมาทั้งคิวของนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ กับตำแหน่งขุนคลัง


พลเอกสมทัต อัตตะนันทน์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด กับเก้าอี้ รมว.กลาโหม หรือนางสิริพร ไศละสูต อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เหมาะสมกับ รมว.พลังงาน

มืออาชีพ มือสะอาดทั้งนั้น

เว้นแต่ชื่อที่โยนหินออกมาแล้วหายต๋อมไปเลย ประเภทของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม.ที่กระแสแรกๆออกมาว่าจะติดโผกับเขาด้วย แต่ไม่ระบุเก้าอี้ไหน

หรือนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีต ส.ว.นครราชสีมา มีชื่อโผล่ ลุ้น รมว.ต่างประเทศ เรื่องฝีมือไม่ยืนยัน เพราะไม่เคยเห็นผลงานในด้านบริหาร

แต่ชัดเจนสุด คือจุดยืนที่ผ่านเวทีพันธมิตรม็อบไล่ แนวร่วมต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ สุดตัว

ถ้าตั้งธงจะล้าง ทักษิณ ให้สิ้นซาก รับรองไม่ผิดหวัง


เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

แต่ถ้าจะเน้นความสมานฉันท์ของคนในชาติ

อย่าเอาไปจุดชนวนเลย.

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์