วิเคราะห์การเมือง นายกคนใหม่

ครึ่งทางของสัญญาลูกผู้ชายที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ประกาศ

จะกลับสู่ที่ตั้งในเวลา 2 สัปดาห์

ท่ามกลางการเคลื่อนไหวประปรายของกลุ่มอาจารย์ นักวิชาการ และตัวแทนนักศึกษาที่ยึดลานโพธิ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เปิดแนวต้านเงียบ

พล.อ.สนธิขึ้นโพเดียมแถลงข่าว ตอบคำถามสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการครั้งที่สอง

ด้วยสไตล์ของคนพูดน้อย พูดตรง ตอบได้ก็ตอบ ไม่ตอบก็บอกยังไม่ได้คิด ไม่พูดพร่ำเพรื่อกับใคร ทุกประเด็นที่ออกมาจึงมีน้ำหนัก

เปิดฉากด้วยการรายงานความคืบหน้าในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเสร็จสมบูรณ์ แล้ว และพร้อมที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯในวันที่ 30 กันยายน-1 ตุลาคมนี้ มีทั้งหมด 39 มาตรา

โดยหนึ่งในนั้นมีการระบุการนิรโทษกรรมตัวเอง และการแปรสภาพจาก คปค. ไปเป็นคณะมนตรีความมั่นคงหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว

จะหมกเม็ดซ่อนเงื่อน ปล่อยมือจากอำนาจจริงหรือไม่ ต้องรอชมกันต่อไป

แต่ในเบื้องต้นเลย สังคมพุ่งเป้าความสนใจไปที่โฉมหน้านายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ พล.อ.สนธิยอมรับว่า

มีรายชื่อในใจแล้ว แต่ยังไม่ฟันธง

กางโผจากรายชื่อแคนดิเดตที่เป็นข่าวทางสื่อมวลชนตั้งแต่ 5 ทุ่ม คืนวันที่ 19 กันยายน หลังมีความชัดเจนว่า คณะปฏิรูปฯยึดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจาก พ.ต.ท. ทักษิณ สำเร็จ ก็ปรากฏชื่อของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เสียบแทนทันที

และก็มีตามมาอีก 3 โผในวันรุ่งขึ้น กับชื่อของนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด หม่อมอุ๋ย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการองค์การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด)

จับกระแสล่าสุดลุ้นกันอยู่ 2 ชื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ กับ ศุภชัย

โดยในรายของนายศุภชัยนั้น มีที่มาที่ไปชัดเจนจากการยืนยันโดยนายตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ที่เคยทำงานใกล้ชิดกับนายศุภชัยสมัยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี

ให้ติดต่อนายศุภชัยเพื่อรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ไม่ยืนยันว่านายศุภชัยจะยอมรับตำแหน่งหรือไม่

แต่ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวที่สนิทสนมกับนายศุภชัยเปิดเผยว่า นายศุภชัยก็มีท่าทีสนใจข้อเสนอของคณะปฏิรูปฯ และมีแนวโน้มสูงที่จะยอมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ถ้า ศุภชัย เอาจริง ก็โป๊ะเชะเลย

อย่างไรก็ตาม ประเมินจากน้ำเสียง พล.อ.สนธิในคิวแถลงข่าวนัดล่าสุด

ต้องดูกระแสสังคมด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นมาในอดีตทำให้เรารู้ว่า เราควรสรรหานายกรัฐมนตรีแบบไหน

ต้องมีคุณสมบัติ ซื่อสัตย์ สมานฉันท์ และเป็นที่ยอมรับของสังคม

นายกฯใหม่ต้องมาจากพลเรือน พล.อ.สนธิก็ให้คำจำกัดความคำว่าพลเรือน สมมติถ้าตนเองเป็นทหารเกษียณอายุราชการก็กลายเป็นพลเรือน

พูดอย่างนี้ ชื่อของ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ยังตัดทิ้งไม่ได้

ไม่ ศุภชัย ก็ พล.อ.สุรยุทธ์ ถ้าไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ ศุภชัย

ร่อนตะแกรงแล้วน่าจะอยู่ที่ 2 ชื่อนี้แหละ.