พันธมิตรฯเปิดแผนจรยุทธ์ ส่งทีมย่อยกดดันแหล่งทุน ชินวัตร

พันธมิตรฯเปิดแผนจรยุทธ์ ส่งทีมย่อยกดดันแหล่งทุน ชินวัตร

นายสุริยะใส กตะศิลา

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2549 20:38 น.

สุริยะใส เผย เตรียมใช้ยุทธวิธีจรยุทธ์ในเมือง ส่งทีมย่อยเข้ากดดันทุกพื้นที่หากินตระกูลชินวัตร ในขณะที่เวทีสนามหลวง ก็จะยังคงมีต่อเนื่องทุกวัน เพื่อให้ข้อมูลประชาชนที่ยังไม่ชัดเจนในความผิด ทักษิณ เชื่อ วันดีเดย์ 14 มีนาฯ ประชาชนจะมาร่วมด้วยมากกว่าเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา และแรงกดดันจะถึงระดับสูงสุดแน่ พร้อมประกาศขอโทษประชาชนล่วงหน้า หากชุมนุมยืดเยื้อหน้าทำเนียบฯ อาจกระทบต่อการจราจร

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า การชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรฯที่จะมีการเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 14 มี.ค.นี้ จะเป็นมาตรการกดดันสูงสุดของพันธมิตรประชาชน ซึ่งนับจากวันนี้ประมาณ 7 วัน จะอยู่ในช่วงของการทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงความไม่ชอบธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และจะอาศัยช่วงนี้แปรขบวนเพื่อใช้ยุทธวิธีจรยุทธ์ในเมือง กระจายกำลังไปจุดต่างๆ เพื่อกดดันแหล่งผลประโยชน์ของตระกูลชินวัตร โดยเบื้องต้นวันที่ 9 มี.ค.2549 เวลา 09.00 น.จะมีการเคลื่อนขบวนไปกดดันที่สถานทูตสิงคโปร์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่กำกับดูแลเทมาเล็ก

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ส่วนในวันที่ 10 มีนาคม เวลา 09.00 น.เช่นกัน จะเคลื่อนขบวนไปที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเรียกร้องให้มีการสอบการชุกหุ้นชินคอร์ป นอกจากนี้ จะมีการเคลื่อนไหวไปจุดอื่นๆ อีก เช่น กรมสรรพากร แต่ในขณะนี้พันธมิตรยังไม่กำหนดเวลาอย่างชัดเจน ซึ่งการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ นอกจากจะเป็นการกระจายกำลังเพื่อกดดันแล้ว ด้านหนึ่งก็จะให้การศึกษาและข้อมูลกับประชาชน พร้อมทั้งเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุมวันที่ 14 มีนาฯนี้ด้วย

สำหรับการเคลื่อนไหวในวันที่ 14 มี.ค.นี้ จะมีระดับการกดดันสูงสุด แต่ความสำคัญจะอยู่ที่มวลชนจะต้องตึกผลึกทางความคิด ซึ่งขณะนี้สามารถประเมินมวลชนได้ว่ามีอยู่ 2 ระดับ คือ 1.มวลชนที่ตกผลึกแล้ว ซึ่งกลุ่มนี้มีความรู้สึกชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไป คนส่วนนี้จะเคลื่อนไปไหนก็ไป ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบฯ หรือบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็ตาม ส่วนระดับที่ 2 คือ มวลชนที่ยังไม่มั่นใจ และกำลังรับฟังข้อมูล ข้อเท็จจริง ด้วยเหตุนี้ การชุมนุมทุกเย็นนับจากวันนี้เป็นต้นไป บนเวทีที่สนามหลวง จะมีการจัดมหาวิทยาลัยการเมืองภาคประชาชน โดยมีรูปแบบเป็นวงเสวนา พูดคุยกันวันละประเด็นเพื่อให้ข้อมูล นายสุริยะใส กล่าว

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า วันนั้นเชื่อว่า จะมีผู้มาชุมนุมมากกว่าสถิติในวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีอยู่ประมาณ 200,000 คน นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ (8 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันสตรีสากล ทางเครือข่ายสตรีเพื่อประชาธิปไตย จะรวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และเคลื่อนขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือให้นายกฯ ลาออกด้วย

นอกจากนั้น นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงท่าทีของตำรวจในขณะนี้ด้วยว่า ตอนนี้สัญญาณจากตำรวจมีท่าทีดีขึ้น โดยเฉพาะท่าทีของ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผช.ผบ.ตร.ที่ออกมาตัดพ้อถึงการทำงานของตำรวจ พร้อมทั้งเรียกร้องให้หลายฝ่ายถอยกันคนละก้าว เป็นเรื่องที่ดี โดยในส่วนของพันธมิตรฯ พร้อมที่จะถอย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องถอยเป็นตัวอย่างก่อน โดยการลาออก ส่วนเรื่องการทำงานของตำรวจนั้น ทางพันธมิตรฯเองก็เห็นใจ ซึ่งเราไม่ต้องการกดดันการทำงานของตำรวจ แต่ต้องการสร้างบรรทัดฐานทางการเมือง ซึ่งการที่มีผู้นำที่ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว ประชาชนก็สามารถชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ลาออกได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากการเคลื่อนไหวในครั้งนี้กระทบต่อผู้ใช้ท้องถนน เนื่องจากต้องมีการปิดถนนเพื่อชุมนุม ก็ต้องกราบขออภัยประชาชนที่ใช้ถนนด้วย เพราะเราไม่มีทางเลือก ดังนั้น จึงอยากให้ผู้ที่จะมาใช้ถนนพิษณุโลก ราชดำเนิน เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นในวันดังกล่าว ทั้งนี้ ทางพันธมิตรฯ จะจัดตั้งเวทีปราศรัยที่บริเวณสี่แยกบนถนนราชดำเนินใกล้กระทรวงศึกษาฯ ส่วนการชุมนุมอาจจะยืดเยื้อ หรือมีการปักหลักชุมนุมต่อหรือไม่คงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง นายสุริยะใส กล่าว

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าพบปะกับ นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย ว่า เป็นแทกติกทางการเมือง เพราะขณะนี้ สายป่านที่ยึดโยงนักการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หลุดหายหมดแล้ว ตอนนี้เปรียบเสมือนเป็นคนจมน้ำจะคว้าอะไรได้ก็คว้า ส่วนพรรคฝ่ายค้าน ก็คงจะไม่มีการกลับลำอีกต่อไปแล้ว เพราะเป็นการกระทำที่ไม่มีประโยชน์ทางการเมือง

ส่วนการเดินสายปราศรัยของพรรคไทยรักไทย เพื่อหาเสียงเลือกตั้งนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ถ้าติดตามการปราศรัยในเวทีต่างๆ สะท้อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ดีว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะเนื้อหาในหาเสียงจะเน้นการต่อว่าฝ่ายค้าน และการชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นหลัก โดยตัวนายกฯ เองก็รู้ดีว่าหากเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ก็จะเจอโจทย์เก่าๆ เช่น การซุกหุ้น การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือการเจรจาเอฟทีเอ ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก ไม่ว่าจะกลับมาในมุกไหนก็ตาม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์