มาร์คชี้กัมพูชาเข้าใจผิดเลิกกู้ไทย1.4พันล้าน ปชป.เชื่อไทย-เขมรดีขึ้นร้องแม้วหยุดใช้ตปท.ป่วน

"มาร์ค"ชี้กัมพูชาเข้าใจผิดเลิกกู้ไทย1.4พันล้าน ปชป.เชื่อ"ไทย-เขมร"ดีขึ้นร้อง"แม้ว"หยุดใช้ตปท.ป่วน

"มาร์ค" เชื่อกรณีเขมรขอยกเลิกการกู้เงิน1.4พันล้านไปสร้างถนนเนื่องจากเข้าใจผิดและกลัวไทยจะไม่ให้ มั่นใจได้มีการประสานจะเข้าใจตรงกัน ปชป.ประเมินสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เริ่มคลี่คลาย วอน"แม้ว"เลิกใช้ต่างประเทศเคลื่อนไหว

"มาร์ค"ชี้เขมรเข้าใจผิดยกเลิกกู้เงินไทยสร้างถนน1.4พันล้าน


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยวันที่ 28 พฤศจิกายนว่า เชื่อว่าการที่รัฐบาลกัมพูชาแจ้งขอยกเลิกสัญญากู้เงิน เพื่อก่อสร้างถนน จำนวน 1,400 ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลไทยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เกิดจากความเข้าใจผิด รัฐบาลกัมพูชาคิดว่าไทยจะยกเลิกโครงการดังกล่าว จึงได้ทำหนังสือมาขอยกเลิกก่อน เชื่อว่าไม่มีปัญหาถ้าได้พูดคุยให้เข้าใจตรงกัน


“เรื่องนี้มีความสับสน ด้านหนึ่งเขาอยากให้เรายืนยันเรื่องเงินกู้ อีกด้านหนึ่งคงกังวลว่าไทยจะบอกไม่ให้ ก็เลยอยากเป็นฝ่ายบอกเลิก ความจริง ครม.ยังไม่ได้มีมติจะทบทวนเรื่องนี้แต่อย่างใด เชื่อว่า เมื่อได้มีการประสานกันแล้ว จะมีความเข้าใจที่ตรงกัน คงไม่มีปัญหาอะไร ผมคิดว่าปัญหาทุกอย่างน่าจะคลี่คลายได้”


ต่อกรณีที่ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แนะว่า หากไทยขอเจรจากับกัมพูชาก่อน ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาน่าจะดีขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ก็มีการพูดคุยกัน พร้อมยกตัวอย่างการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนร่วม (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไร


ส่วนที่ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ยืนยันว่า กรณีการจับกุมนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ไม่มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้องนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องเป็นไปตามกระบวนการ อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าในวันพิจารณาคดี มารดานายศิวรักษ์จะได้รับอนุญาตให้เข้าฟังการตัดสินหรือไม่


“ตามปกติการพิจารณาคดีต้องเปิดเผย เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ดูแล เราต้องสู้คดี รัฐบาลจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ และเจ้าตัวก็ยืนยันในความบริสุทธิ์”


ปชป.เชื่อ"ไทย-เขมร"ดีขึ้น ร้อง"แม้ว"หยุด


ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงปัญหาความสัมพันธ์ไทและกัมพูชาว่า พรรคประเมินพบว่า ขณะนี้ สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย จากการที่ทางการกัมพูชาให้มารดาของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย เข้าเยี่ยมนายศิวรักษ์ ประกอบกับผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศร่วมประชุมกัน ทั้งหมดยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พยายามนำความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใช้เป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องมือดังกล่าว ไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ทำให้ความเสี่ยงในการเผชิญหน้าลดน้อยลง รวมถึงการที่รมว.กลาโหมของกัมพูชายืนยันว่า ไม่มีการเมืองมาแทรกคดีนายศิวรักษ์ ดังนั้น น่าจะไม่อ้างเรื่องการจารกรรมข้อมูลเที่ยวบิน เพื่อช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ


นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ เสนอว่า ฝ่ายไทยควรเริ่มเจรจากับกัมพูชาก่อนนั้น พรรคมองว่า ไม่ใช่เรื่องว่าใครจะเริ่มต้นก่อน กรณีประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มเมื่อทั้งสองประเทศพร้อม และผลการประชุมก็ออกมาโดยเข้าใจกันดี ประเด็นจึงอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะหยุดการเคลื่อนไหว โดยใช้ต่างประเทศโจมตีไทยเมื่อไหร่


"วันนี้ สัญญาณต่างๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอยู่ เช่น การยืนยันเรื่องการถือครองพาสปอร์ตต่างชาติและการเปลี่ยนชื่อ ฉะนั้นคงไม่หยุดความเคลื่อนไหว แต่รัฐบาลจะเดินหน้าแก้ปัญหาเพื่อให้สองประเทศไม่กระทบกัน ยึดตามกรอบการทูต ไม่ละเมิดสิทธิ บรษัทหรือประชาชนกัมพูชา แต่การใช้มาตรการการยกเลิกกรอบการเจรจราฉบับต่างๆ ก็ต้องดำเนินการต่อ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในฐานะเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำนายกฯกัมพูชา ที่เป็นคู่เจรจากับไทย ฉะนั้นหากยังเดินหน้ากรอบการเจรจาฉบับต่างๆ ก็ยากจะรักษาประโยชน์ประเทศไว้ได้" นพ.บุรณัชย์ กล่าว


นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่เลขาธิการอาเซียนกล่าวเตือนว่า ให้อดกลั้นจนถึงที่สุดนั้น ขอตอบว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม แต่นายกฯ ยืนยันว่า ดำเนินการด้วยความอดทน และผลการดำเนินการก็ได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติ สามารถดำเนินการเรื่องการกระหว่างประเทศต่อไปได้ ทั้งต่อยอดผลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนร่วมกับประธานาธิบดีโอบามา หรือการเป็นประธานอาเซียน หรือการต้อนรับนายกฯมาเลเซีย ได้แน่นอน เพื่อฟื้นฟูความมั่นใจกลับสู่ประเทศ 


เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชาประกาศยกเลิกการรับเงินกู้สร้างถนนจำนวน 1.4 พันล้านบาทจากไทย นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า สถานการณ์ของทั้งสองประเทศคลี่คลาย ฉะนั้นเรื่องนี้พรรคถือว่า กรณีนี้ร้ายแรงน้อยกว่าการจับกุมคนไทย เพราะการปฏิเสธรับเงินกู้ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์การเงินของประเทศดีขึ้น เป็นมาตรการทางการทูตที่สมน้ำสมเนื้อกัน แต่รัฐบาลไทยยืนยันว่าจะไม่ใช้เรื่องการช่วยเหลือกับกัมพูชามาต่อรองทางการเมือง และเรื่องเงินกู้ ส่วนที่มองว่า กัมพูชาจะเปลี่ยนไปกู้ประเทศอื่นนั้น ก็ไม่มีปัญหา แต่พรรคยืนยัน่วา เห็นด้วยกับการที่ไทยยกเลิกเอ็มโอยูปี 43


"เขมร" ยกเลิกกู้ไทย1.4พันล้าน


สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนว่า กัมพูชาได้แจ้งให้ไทยทราบแล้วว่าจะยกเลิกข้อตกลงที่จะกู้เงินจำนวน 1,400 ล้านบาท จากไทยที่จะนำไปใช้สร้างถนนหลวงที่มีเส้นทางจากชายแดนของไทย โดยนายกอย กวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า กัมพูชาจะไม่รับเงินกู้จากไทยเนื่องจากทางกัมพูชามีงประมาณมากพอที่จะใช้ในการสร้างถนนได้เอง

แม่วิศวกรเชื่อแคล้วคลาดนำดินไปฝาก


นางสิมารักษ์ ณ นครพนม และ นายพงษ์สุรีย์ ชุติพงษ์ มารดาและน้องชาย นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุม พร้อมด้วย น.ส.มธุรพจนา อินทะรงค์ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน ทีจี 580 เวลา 07.45 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังกรุงพนมเปญ กัมพูชา เพื่อเยี่ยมนายศิวรักษ์ ที่เรือนจำเปรยซอ โดยเดินทางถึงเวลา 09.00 น. อย่างไรก็ตาม ก่อนเดินทาง นางสิมารักษ์ให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อเจอหน้าบุตรชายจะแสดงความห่วงใย ดีใจ และให้กำลังใจว่ารออีกสักระยะจะได้รับอิสรภาพ โดยเตรียมเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และยารักษาโรคประจำตัว รวมทั้งดินหน้าบ้านเพราะเชื่อว่าจะช่วยทำให้แคล้วคลาดจากอันตรายและเดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัย

ด้าน น.ส.มธุรพจนากล่าวว่า เข้าเยี่ยมนายศิวรักษ์ เวลา 14.00 น. ได้มอบหมายให้ทนายชาวกัมพูชาดูแล โดยประสานกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศและนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ขณะนี้ต้องรอกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา ทั้งนี้คณะที่เดินทางไปจะเดินทางกลับ เวลา 21.10 น.


เผยบรรยากาศเยี่ยมชื่นมื่น


ต่อมานายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังจากที่นางสิมารักษ์เข้าเยี่ยมนายศิวรักษ์ว่า ทุกคนพอใจกับการเข้าเยี่ยม โดยได้ใช้เวลาเข้าเยี่ยมถึง 1.30 ชั่วโมง จากปกติที่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้เพียงครึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ยังเข้าเยี่ยมโดยไม่จำกัดจำนวนผู้เยี่ยม ซึ่งปกติให้เข้าเยี่ยมได้เพียง 4 คน และจัดห้องประชุมชั้นบนของเรือนจำเพื่อพูดคุยกัน ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี มีรอยยิ้ม ยืนยันว่ามีความเป็นอยู่ดี มีอาหารพร้อม

"ทราบว่านายศิวรักษ์ ได้พักในห้องพักเรือนจำชั้นดี อยู่กันเพียง 5 คนจากที่ปกติต้องอยู่รวมกันถึง 30 คน โดยนักโทษอีก 4 คน เป็นนักโทษชั้นดีที่มีโทษสถานเบา ไม่ใช่คดีรุนแรงโหดเหี้ยม ทั้งนี้นายศิวรักษ์ไม่ได้แสดงความกังวลและยังสบายใจอยู่" นายชวนนท์กล่าว และว่า ส่วนการรวบรวมหลักฐานพร้อมที่จะขึ้นศาลในเวลา 07.30 น. วันที่ 8 ธันวาคมนี้ คาดว่านางสิมารักษ์ จะเข้าไปที่ศาลด้วย โดยคาดว่าจะเดินทางไปรอตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม ทั้งนี้นายศิวรักษ์ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ได้ทำการใดๆ ผิดกฎหมายและข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นความลับและไม่ได้ใช้วิธีพิสดารในการเข้าถึงข้อมูล


แม่วิศวกรบอกลูกโชคร้าย


เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ นางสิมารักษ์แถลงข่าวทั้งน้ำตาหลังเข้าเยี่ยมนายศิวรักษ์ ว่า ลูกชายซูบผอมลงแต่ยังมีสุขภาพแข็งแรง ต้องขอบคุณทางการกัมพูชาที่ให้การดูแลลูกอย่างดี และหวังว่าลูกจะได้รับอิสรภาพโดยเร็ว ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้แม่ลูกได้พบกัน เนื่องจากรอมานานถึง 16 วัน ทั้งนี้วิงวอนให้ทางการกัมพูชาเมตตาลูกด้วย ยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ยุ่งเกี่ยวการเมือง และเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่คิดว่าลูกตนเป็นเหยื่อแต่ถือเป็นความโชคร้ายมากกว่า


"กษิต"ยันต้องปลด"แม้ว"จึงเจรจา


ด้านนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ระบุว่าให้ไทยเป็นฝ่ายขอเจรจากับกัมพูชาก่อนเพื่อแก้ไขปัญหาว่า เป็นข้อเสนอของคนไทยคนหนึ่งก็รับฟัง เมื่อถามย้ำว่าจะรับฟังข้อเสนอดังกล่าวหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า อยากพูดก็พูดไป


ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะเปิดเจรจากับกัมพูชาก่อน นายกษิตกล่าวว่า ไม่มี ไม่เปิด ตราบใดที่ยังแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษา ก็ยังเป็นปัญหาคาอยู่ กัมพูชาต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ที่กัมพูชาก็ต้องจบที่กัมพูชาไม่ได้อยู่ที่ไทย


เมื่อถามว่าหากไทยเจรจาก่อนกลัวเสียหน้าใช่หรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ต้องเสียหน้า เพราะเราทำด้วยความถูกต้อง ประเทศไทยมีศักดิ์ศรี ส่วนกรณีมีข่าวระบุว่ากระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือถึงกัมพูชาเพื่อขอให้ถอด พ.ต.ท.ทักษิณออกจากการเป็นที่ปรึกษา นายกษิตกล่าวว่า ไม่มี เพราะสิ่งใดที่ได้ดำเนินการกระทรวงการต่างประเทศได้เปิดเผยไปทั้งหมดแล้ว ไม่มีอะไรปิดบัง


"สุเทพ"ยันกองทัพ2ปท.สัมพันธ์ดี


ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงกรณีประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชาหรือเจบีซี ว่า ความสัมพันธ์ของกองทัพยังปกติอยู่ เคยพูดแล้วว่าการที่รัฐบาลได้กำหนดท่าทีในการตอบโต้กัมพูชาด้วยการประกาศยกเลิกข้อตกลงร่วมกัน (เอ็นโอยู) นั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศหรือทางการทูต แต่เรายังคงความสัมพันธ์ในเรื่องของความมั่นคงของทหารเอาไว้เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย


"ขณะนี้ทหารทั้ง 2 ประเทศยังคงประสานกัน ติดต่อและพูดคุยกัน โดยระมัดระวังไม่ให้เกิดความตึงเครียดขึ้นที่บริเวณชายแดน เราเป็นเพื่อนบ้านกันมีโอกาสที่ผิดอก ผิดใจกันได้ แต่ไม่จำเป็นต้องมารบราฆ่าฟันกัน ต้องช่วยกันรักษาสันติภาพ รักษาความสงบที่ควรจะต้องมีเอาไว้"นายสุเทพกล่าว


เมื่อถามว่าจะสานสัมพันธ์อะไรต่อหรือไม่ หรือจะปล่อยไปอย่างนี้ นายสุเทพกล่าวว่า อีกสักพักก็คงน่าจะแก้ไขกันได้ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและเป็นเรื่องของความพร้อมของทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา


อีกไม่นานเขมรเข้าใจความจริง


เมื่อถามถึงกรณีนายสุรเกียรติ์เสนอให้รัฐบาลเป็นฝ่ายเดินเข้าไปเจรจากับฝ่ายกัมพูชาก่อน โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเสียหน้า นายสุเทพกล่าวว่า นายสุรเกียรติ์กับรัฐบาลอาจจะคิดไม่เหมือนกันเพราะรัฐบาลคิดว่าเป็นเรื่องของ 2 ประเทศ ไม่จำเป็นต้องยกระดับขึ้นไปเป็นเรื่องระดับอาเซียนหรือสูงกว่านั้น เป็นเรื่องที่ 2 ประเทศจะต้องหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปรับความสัมพันธ์แก้ปัญหากัน รัฐบาลไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องเสียหน้าเสียตาอะไร แต่ว่าตราบใดที่เงื่อนไขยังไม่เปลี่ยนแปลง มันก็ลำบากที่จะเจรจากัน แต่ตนคิดว่าอีกสักพักทางฝ่ายกัมพูชาก็จะเข้าใจความจริง


เมื่อถามว่า รัฐบาลได้ยื่นเงื่อนไขออกไปหรือยังว่าให้ถอด พ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลกัมพูชา นายสุเทพกล่าวว่า ไม่รู้ว่ากระทรวงต่างประเทศทำอะไรบ้าง แต่ตอนที่เกิดเรื่องกันเราถือว่าการที่รัฐบาลกัมพูชาตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและปฏิเสธที่จะส่งตัวมารับโทษที่ประเทศไทย รวมทั้งได้วิพากษ์วิจารณ์การเมืองในประเทศไทย ระบบยุติธรรมของประเทศไทย มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง


เผย4ข้อตกลงสร้างสันติชายแดน


เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.เตีย บัน  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหกลาโหม แถลงผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชาหรือ จีบีซี สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 6


พล.อ.ประวิตรแถลงว่า การประชุมเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพโดยเรามุ่งเน้นกรอบอำนาจหน้าที่ โดยต่างคนต่างสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันเพื่อทำให้ชายแดนไทยกัมพูชามีความสงบเรียบร้อยและปลอดภัย ตนและ พล.อ.เตีย บัน เห็นพ้องต้องกันมีข้อสรุปดังนี้
1.กองทัพของทั้ง 2 ประเทศตามแนวชายแดนไม่ว่าทางบก ทางทะเล ยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดน ขจัดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ
2.กองทัพของ 2 ประเทศตลอดแนวชายแดนจะอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนสองประเทศค้าขายตามแนวชายแดน และไปมาหาสู่กันได้ อย่างที่เคยปฏิบัติมา
3.กองทัพทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่าจะดำรงความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างประเทศทั้งสองและระหว่างประชาชนทั้งสองโดยยึดถือกฎหมายระหว่างประเทศ และข้อตกลงบนพื้นฐานความเข้าใจ จริงใจ ความเท่าเทียม ในฐานะสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดน ติดต่อกัน
4.กองทัพไทยและกองทัพกัมพูชาจะสนับสนุนภารกิจกลไก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทุกระดับ


"เตีย บัน"จับวิศกรไม่เกี่ยวการเมือง


ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้หยิบยกกรณีการช่วยเหลือนายศิวรักษ์มาหารือหรือไม่ พล.อ.เตีย บัน กล่าวว่า ไม่ใช่ความรับผิดชอบของฝ่ายทหาร การดำเนินการเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย และหลักสากล ไม่มีอะไรเกินขอบเขต ตนมีความเชื่อมั่นว่าการแก้ไขปัญหาจะเป็นไปด้วยความยุติธรรม เมื่อถามว่า ทางกัมพูชาเห็นว่าทางศิวรักษ์ผิดจริงหรือไม่ พล.อ.เตีย บัน กล่าวว่า ปัญหานี้เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการคุมตัวให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม


เมื่อถามว่า โทษนายศิวรักษ์หนักแค่ไหน พล.อ.เตีย บัน กล่าวว่า โทษหนักเบา อาศัยความยุติธรรมและการตัดสิน ที่มีลักษณะเพียงพอ เพื่อให้เคารพการตัดสินทางกฎหมาย เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ทางทหารจะช่วยลดโทษจากหนักไปเบาหรือไม่ พล.อ.เตีย บัน กล่าวว่า มีความเชื่อมั่นว่าทางฝ่ายทหารมีความสามารถในการเข้าร่วมเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยดี และการช่วยเหลือวิศวกรน่าจะมีความสามารถที่จะอำนวยความสะดวกให้วิศวกร


เมื่อถามว่า แสดงว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาช่วยเหลือก็ช่วยไม่ได้ใช่หรือไม พล.อ.เตีย บัน กล่าวว่า ตนจะชี้แจงด้วยความชัดเจนว่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย เชื่อว่าการดำเนินการตามกฎหมายจะได้บรรลุไปได้ด้วยดี เมื่อถามว่า เกรงว่าปัญหาวิศวกรจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว พล.อ.ประวิตรกล่าวสวนในทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก    เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าการจับวิศวกรไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง พล.อ. เตีย บัน กล่าวว่า ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องการเมือง แต่เป็นการปฏิบัติที่เกิดจากความผิดตามกฎหมายกัมพูชา


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์