ดูไบฟองสบู่แตก แจงพักชำระหนี้ 8หมื่นล.ดอลล์ ผู้รับเหมาเอเชียหวั่นถูกเบี้ยว หุ้นยุโรป-เอเชียร่วง

"ดูไบ"ฟองสบู่แตก แจงพักชำระหนี้ 8หมื่นล.ดอลล์ ผู้รับเหมาเอเชียหวั่นถูกเบี้ยว หุ้นยุโรป-เอเชียร่วง

"ดูไบ"ออกโรงแจงพักชำระหนี้"ดูไบเวิลด์" นักวิเคราะห์เชื่อรัฐบาลกลาง"ยูเออี" ควบคุมสถานการณ์ได้ คาดมีหนี้กว่า 8 หมื่นล้านดอลล์ "กรณ์"ยันไม่กระทบไทย สภาอุตฯห่วงเรื่องเวียดนามลดค่าเงิน"ด่อง"มากกว่า ชี้ทำ"สิ่งทอ-อาหารกระป๋อง-ข้าว"ของไทยได้รับผลกระทบ


ปธ.กมธ.งบ"ดูไบ"ยันศก.ยังปึ้ก


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตามที่ทางการของรัฐดูไบ แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนว่า จะขอให้เจ้าหนี้รายใหญ่ของดูไบ เวิลด์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีรัฐดูไบเป็นเจ้าของ พักชำระหนี้ระยะสั้นของดูไบ เวิลด์ไปอย่างน้อย 6 เดือน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน เชค อาเหม็ด บิน ซาอีด อัล-มัคทัม ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณของดูไบ ออกมาชี้แจงว่า การขอให้เจ้าหนี้พักชำระหนี้แก่ดูไบ เวิลด์ ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ทางการดูไบได้ดำเนินการอย่างระมัดระวัง และตระหนักอย่างเต็มที่อยู่แล้วว่าตลาดจะมีปฎิกริยาอย่างไร รวมทั้งเข้าใจเป็นอย่างดีว่าดีว่าเจ้าหนี้มีความกังวล
 

" รัฐบาลต้องเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้เพราะจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเฉียบขาดในการแก้ปัญหาเรื่องภาระหนี้ ซึ่งข้อมูลเพิ่มเติมเราจะแถลงในต้นสัปดาห์หน้า " เชค อาเหม็ด บินฯกล่าวและยืนยันว่าการที่ดูไบและรัฐในยูเออีทั้งหมดเติบโตมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ช่วยให้รากฐานเศรษฐกิจของดูไบมีความยั่งยืนบนฐานที่กว้าง ไม่ใช่เพียงอาศัยการขายทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น เพราะดูไบมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างมาก,เป็นศูนย์กลางการขนส่งและสื่อสาร ตลอดจนศูนย์กลางการเงิน สิ่งเหล่านี้จะยังทำให้ดูไบเป็นตลาดที่น่าดึงดูดในภูมิภาคนี้


เผย"ดูไบ"มีหนี้รวม8หมื่นล้านดอลล์


รายงานข่าวระบุว่า ดูไบ เวิลด์ เป็นเจ้าของดีพี เวิลด์ ซึ่งบริหารท่าเรือ 49 แห่งทั่วโลกและยังเป็นเจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นาคีล โดยปัญหาการขอพักชำระหนี้ครั้งนี้เกิดจากการบูมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดูไบพยายามจะเนรมิตทะเลทรายให้เป็นตึกสูงและถมทะเลสร้างเกาะ ทำให้ดูไบกลายเป็นเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดในระยะไม่กี่ปีมานี้ ทั้งนี้ ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมารัฐดูไบมีหนี้ทั้งหมด 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนนี้เป็นหนี้ของดูไบ เวิลด์ 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์
 

ทั้งนี้ ทางการของดูไบยังไม่ยอมเปิดเผยวงเงินที่จะพักชำระหนี้ แต่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประเมินว่าบริษัทที่มีรัฐเป็นเจ้าของในดูไบทั้งหมดครบกำหนดต้องชำระหนี้ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งคิดเป็น 70 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวม(จีดีพี) ของดูไบ ขณะที่บริษัทนาคีลครบกำหนดชำระหนี้ในวันที่ 14 ธันวาคมนี้จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนธนาคารดอยช์แบงก์ ประเมินว่าหนี้ที่ครบกำหนดชำระเดือนธันวาคมของรัฐบาลดูไบและบริษัทต่างๆอ ยู่ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์ และอีก 4.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกปีหน้า


ตลาดหุ้น"ยุโรป-เอเซีย"ร่วงระนาว


 รายงานข่าวระบุว่า การขอพักชำระหนี้ของดูไบ เวิลด์ ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกว่าจะส่งผลกระทบในลักษณะโดมิโนต่อบริษัทอื่นๆ ในดูไบที่มีรัฐเป็นเจ้าของด้วย  การพักชำระหนี้ยังทำให้นักลงทุนยุโรปขาดความเชื่อมั่นเพราะในช่วงวิกฤตการเงินโลกนักลงทุนยุโรปได้หันไปขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากประเทศรอบอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเมื่อกระแสข่าวนี้ปรากฏออกมาส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปและทั่วโลกร่วงลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถทราบได้ว่ามีธนาคารสหรัฐเป็นเจ้าหนี้ของดูไบ เวิลด์ด้วยหรือไม่เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐวันที่ 26 พฤศจิกายนปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
 ข่าวการพักชำระหนี้ของดูไบ เวิลด์ ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียวันที่ 27 พฤศจิกายน ปรับตัวลงอย่างรุนแรง อาทิเกาหลีใต้ลดลง 4.69 % ฮ่องกงลดลง 1.78 % ญี่ปุ่นลดลง 3.2 % เพราะนักลงทุนเกรงว่าวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกที่กำลังฟื้นตัวจะได้รับผลกระทบอีกรอบจากปัญหาของดูไบ
 

นายแดเนียล แท็บบุช นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เครดิต ลียองเนส์ ในกรุงเทพฯ กล่าวว่า วิกฤตดูไบ อาจส่งผลกระทบต่อธนาคารในเอเชีย โดยเฉพาะสแตนดาร์ด ชาเตอร์ด,เอสเอชบีซี และดีบีเอสของสิงคโปร์ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด


คาดลดเครดิตสถานบันการเงินดูไบ


รายงานข่าวระบุว่า บริษัทจัดอันดับทั้งฟิตซ์ เรทติ้ง,มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสและสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ต่างปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและสถาบันการเงินที่มีการลงทุนในดูไบ เวิลด์ รวมทั้งอีกหลายบริษัทที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ และยังอาจทำให้บริษัทของรัฐในภูมิภาคนี้ถูกทบทวนความน่าเชื่อถือไปด้วย
 

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่ารัฐอาบู ดาบี ซึ่งเป็นรัฐเมืองหลวงของยูเออีจะไม่ปล่อยให้ดูไบล้มละลาย เพราะหากปล่อยให้ล้มละลายจะกระทบต่อสถานะของอาบู ดาบีด้วย นอกจากนี้เชื่อว่ายูเออีซึ่งมีน้ำมันสำรองอยู่มากตลอดจนเป็นเจ้าของกองทุนเพื่อความมั่งคั่งขนาดใหญ่ที่สุดของโลกจะสามารถควบคุมสถานการณ์ของดูไบได้


ผู้รับเหมาเอเซียหวั่นถูกเบี้ยวหนี้


รายงานข่าวเปิดเผยว่า ผู้รับเหมาจากเอเชียหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ที่ไปรับงานก่อสร้างในดูไบต่างรู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้รับการชำระหนี้ ทั้งนี้ ดูไบได้ก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่จำนวนมาก โดยโครงการที่ขึ้นชื่อก็อย่างเช่น ตึก " เบิร์จ " สูงที่สุดในโลกด้วยความสูง 160 ชั้น หรือกว่า 800 เมตร มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำหนดจะเปิดบริการในวันที่ 4 มกราคมปีหน้า นอกจากนี้ยังมีโครงการเกาะเทียมรูปต้นปาล์ม ซึ่งประกอบด้วยอพาร์ตเม้นท์ หมู่บ้านและโรงแรมหรู ซึ่งมีข่าวว่าดาราฮอลลีวู้ด แบรด พิตต์ และนักฟุตบอล เดวิด เบ๊กแฮม ได้ซื้อโครงการด้วย
 

ดูไบ เป็น 1 ใน 7 รัฐของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) มีรัฐอาบู ดาบี เป็นเมืองหลวง แต่ละรัฐมีรัฐบาลท้องถิ่นของตัวเอง โดยดูไบถือเป็นหนึ่งในรัฐสำคัญที่สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจแก่ยูเออี


"กรณ์"ยันวิกฤต"ดูไบ"ไม่กระทบไทย


 นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการรคลังถึงกรณีที่ดูไบ เวิลด์ บริษัทเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี)ประกาศพักชำระหนี้ ว่า ดูไบประสบปัญหาภาวะฟองสบู่เหมือนที่เคยเกิดในเอเชียเมื่อปี 2540 ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการจัดการทรัพยากรที่ไม่สมดุล และถือเป็นปัญหาภายในของดูไบเอง เพราะแม้แต่ในจีนเองเริ่มเข้ามากำกับการปล่อยสินเชื่อ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะฟองสบู่ ขณะที่ในไทยยังไม่มีสัญญาณที่จะเกิดภาวะฟองสบู่ เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เพิ่มสูงมาก ขณะที่ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่มาจาการกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และราคาก็ไม่ได้มากกว่าในอดีตแต่อย่างใด
 

“ การที่ดูไบ เวิลด์ ประกาศพักชำระหนี้ ผมเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการส่งออกของไทย เพราะดูไบไม่ใช่ยูเออีทั้งหมด และไม่ใช่ตลาดตะวันออกกลาง ขณะที่เศรษฐกิจประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางยังเติบโตได้ดี จากราคาน้ำมันที่ยังสูงถึง 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จึงไม่ได้เป็นปัญหาต่อประเทศอื่นในภูมิภาคนั้น” นายกรณ์กล่าว
 

นายกอร์ปศักดิ์  สภาวสุ  รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า เชื่อว่าผลกระทบจากกรณีการเลื่อนการชำระหนี้ของดูไบ เวิลด์จะส่งผลกระทบต่อไทยน้อยมาก จึงไม่มีความกังวลในเรื่องดังกล่าว


"โฆสิต"ชี้ค่า"ด่อง"ลดทำบาทผันผวน


 นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า กรณี ดูไบเวิลด์ ประกาศพักการชำระหนี้ เป็นการส่งสัญญาณว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลายประเทศดำเนินมาก่อนหน้านี้ ทั้งการอัดฉีดเม็ดเงิน การดำเนินนโยบายขาดดุลอาจกระทำต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ต้องดูในระยะต่อไปว่าจะมีมาตรการอื่นต่อไปอีกหรือไม่
 

นายโฆษิตกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ประเทศเวียดนาม ลดค่าเงินด่องและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นคาดว่าเป็นผลมาจากการที่หลายประเทศใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใส่เม็ดเงินเป็นจำนวนมากเข้าสู่ระบบส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งราคาอสังหาริมทรัพย์ ราคาน้ำมันและราคาทองคำ การปรับลดค่าเงินด่องในครั้งนี้อาจส่งผลต่อค่าเงินบาทให้ผันผวนในระยะสั้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยด้วย อย่างไรก็ต่ามถือว่าเป็นการดำเนินนโยบายของประเทศเวียดนามเพียงประเทศเดียว จึงไม่ส่งผลกระทบในวงกว้าง
 

"ผู้ประกอบการเอกชนของประเทศไทย ควรประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อรองรับความผันผวนของค่าเงิน แต่เบื้องต้นผลกระทบไม่เกิดในวงกว้างแน่นอนเพราะเป็นการดำเนินนโยบายของเวียดนามเพียงประเทศเดียว " นายโฆษิตกล่าว


บล.บัวหลวงเชื่อ"ด่อง"ลดค่าอีก


นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การที่เวียดนามปรับลดค่าเงินด่องลง 5% ถือว่าน้อยมาก ตลาดเงินจึงไม่มั่นใจว่าค่าเงินจะลดลงแค่นี้ เพราะตามปกติแล้วหากประเทศใดปรับลดค่าเงินลง ก็จะต้องปรับลดลงอีก ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการปรับลดประมาณ 20-25% นอกจากนี้เวลาปรับลดค่าเงิน ตลาดหุ้นจะต้องปรับขึ้น ตามราคาสินทรัพย์ที่มีมูลค่าลดลง แต่เห็นได้ว่าตลาดหุ้นในเวียดนามยังคงปรับลดลง แสดงว่าตลาดไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะลดค่าเงินเพียงแค่ 5%
 

" ค่าเงินด่องที่ลดลง 5% กระทบกับไทยน้อยมาก อย่างไรก็ตามหากมีการปรับลดลงไปถึง 20-25% ก็จะกระทบกับภาคการเกษตรของไทยที่มีการส่งออกสินค้าแข่งกันอยู่ โดยเฉพาะการส่งออกข้าวที่แข่งกันมาตลอด" นายชัยพรกล่าว


สอท.ชี้ค่าด่องลดกระทบ"สิ่งทอ-ข้าว"


นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า กรณีดูไบ เวิลด์ เชื่อว่าจะไม่กระทบกับไทยมากนัก แต่ที่น่ากังวลคือการประกาศลดค่าเงินด่องของเวียดนาม ลง 5.2%  ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถในการแข่งขันลดลง 3-4% คาดว่าอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบมาก คือ อุตาสหกรรมสิ่งทอ  อุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง และข้าว จึงต้องติดตามอย่างอย่างใกล้ชิด


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์