อภิสิทธิ์ถามหาความจริงใจปท.ลุ่มน้ำโขง

คมชัดลึก :“อภิสิทธิ์”ปฏิเสธใช้เวทีภูมิภาคเคลียร์ใจ “ฮุนเซน” ฟื้นความสัมพันธ์ ในระหว่างประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 แม้จะต้องเผชิญหน้ากันอย่างจังในงานที่สมาพันธุ์ธุรกิจญี่ปุ่น และสภาหอการค้าอุตสาหกรรมญี่ปุ่น

 (6 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายนว่า การมาประชุมครั้งนี้ไม่มีกำหนดการพบหารือกับสมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชาอยู่แล้ว เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การมาประชุมครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ของภูมิภาค

 ทั้งนี้ ภารกิจของนายอภิสิทธิ์เตรียมเข้าประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 โดยวันนี้นายอภิสิทธิ์จะมีโอกาสพบกับสมเด็จฯ ฮุนเซน ในงานที่สมาพันธุ์ธุรกิจญี่ปุ่น และสภาหอการค้าอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ท่ามกลางกระเเสที่รัฐบาลไทยเเละกัมพูชา สั่งถอนเอกอัครราชทูตของเเต่ละประเทศกลับมาตุภูมิเเล้ว จากปัญหาที่สมเด็จฮุนเซน เเต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา

สั่งกต.พิจารณาใช้มาตรการอื่นตามสมควรกับเขมร

 สำนักข่าวไทยรายงานว่า นายอภิสิทธิ์  ให้สัมภาษณ์ภายหลังงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำลุ่มน้ำโขง ที่สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่นและสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ ในระหว่างการร่วมประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 5-7 พ.ย.ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมงานเลี้ยงดังกล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าการปรับลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชาหลังจากที่รัฐบาลกัมพูชาประกาศตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฮุนเซน และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา รวมทั้งยืนยันจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ไทย หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพำนักในกัมพูชา เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของไทย และปกป้องกระบวนการยุติธรรมของไทย

 “ผมคิดว่ารัฐบาลและคนไทยได้แสดงออก บนความอดทนอดกลั้นพอสมควร เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขในระดับทวิภาคี ทั้ง 2 ประเทศต้องแก้ปัญหากัน แต่ปัญหาไม่ได้เกิดจากรัฐบาลไทย ดังนั้นจึงอยู่ที่กัมพูชาจะต้องไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ต้องให้เวลากัมพูชาระยะหนึ่ง เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า

 การปรับลดระดับความสัมพันธ์มีกลไกอยู่ ขณะนี้ ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศเตรียมการไว้แล้ว รัฐบาลจะพิจารณาตามความเหมาะสมว่าเรื่องใดควรเดินช้าหรือเดินเร็ว รัฐบาลไทยยังคงยืนยันว่าจะดำเนินการโดยไม่ให้เกิดปัญหาความรุนแรง ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเข้าใจดี จะไม่ให้กระทบกับผลประโยชน์ของคนไทย ขณะเดียวกัน เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ได้ชี้แจงสถานการณ์ให้คนไทยที่ทำธุรกิจในกัมพูชาทราบถึงสถานการณ์แล้ว

 ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกัมพูชาไม่ตอบสนอง จะดำเนินการอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้แสดงออกในระดับหนึ่งแล้ว และจะพิจารณาตามสถานการณ์ต่อไป

 ขณะที่ผู้สื่อข่าวเครือเนชั่น เกาะติดสถานการณ์รายงานจากกรุงโตเกียวผ่านรายการ "เก็บตกจากเนชั่น" ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลว่า ช่วงเที่ยงวันที่ 6 พฤศจิกายน สมาพันธ์นักธุรกิจญี่ปุ่น ได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวันผู้นำ 5 ชาติ นี่คือเสี้ยวนาทีที่น่าจับตาอย่างยิ่งเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ต้องร่วมโต๊ะอาหารกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งดำเนินไปพร้อมๆ กับปัญหาสัมพันธ์ของทั้ง 2 ชาติ กำลังง่อนแง่น ทว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารซึ่งเสิร์ฟด้วยอาหารญี่ปุ่นกลับเป็นไปอย่างราบรื่น

 หลังรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ระหว่างผู้นำชาติต่างๆ เดินออกจากห้องอาหาร ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นตะโกนถามนายอภิสิทธิ์ว่า "ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาเป็นอย่างไร" นายอภิสิทธิ์ชำเลืองไปข้างๆ  เห็นสมเด็จฮุน เซน เดินมาห่างๆ นายอภิสิทธิ์จึงทำเสมือนไม่ได้ยินคำถามของนักข่าวคนดังกล่าว แล้วเดินเลี่ยงออกไปทันที

 เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการแถลงจุดยืนของผู้นำลุ่มน้ำโขงนั้น ตามกำหนดการนายอภิสิทธิ์ ต้องกล่าวเป็นอันดับ 2 ถัดจากสมเด็จฮุน เซน แต่นายกรัฐมนตรีของไทยขอเลื่อนเป็นอันดับ 4

 เมื่อถึงคิวนายอภิสิทธิ์ขึ้นกล่าวบนโพเดียม ใจความท่อนหนึ่งระบุอย่างมีนัยสำคัญว่า "กลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงยินดีรับความช่วยเหลือจากญี่ปุ่น แต่ความจริงใจของประเทศลุ่มน้ำโขง จำเป็นต้องมีเช่นกัน"

 ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ และสมเด็จฮุน เซน เจอกันยังไม่เห็นทั้งคู่พูดคุยกันเลย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์