บิ๊กขรก.-ส.ส.4จว.อีสานเอี่ยวงบฯสธ.ฉาว พบจัดซื้อจัดจ้าง ครุภัณฑ์ รพ.ผิดปกติเพิ่มอีกหลายรายการ


ชุดสอบงบฯฉาวไทยเข้มแข็ง"สธ." พบหลักฐานมีบิ๊กขรก.-ส.ส.พื้นที่ 4 จว.อีสานเอี่ยว "บ.เอกชน"จัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ รพ. เจอเพิ่มผิดปกติอีก เตรียมส่งข้อมูลให้ชุดใหญ่ "หมอบรรลุ"สัปดาห์หน้า ปลัด สธ.ตั้งอนุกรรมการ 3 ชุดตรวจยิบงบฯพัฒนาระบบ 8.6 หมื่นล้าน

ชุดสอบสธ.พบ"บิ๊กขรก.-ส.ส."เอี่ยว


นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมพวง จ.นครราชสีมา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ข้อมูลโครงการไทยเข้มแข็งในความดูแลของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งเป็นชุดย่อยของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 227/2552 เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง (SP2) ของ สธ. เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ว่า คณะอนุกรรมการฯประชุมแล้ว 2 ครั้ง ได้รวบรวมหลักฐานเอกสารรวมทั้งการให้ถ้อยคำของพยานบุคคลที่แจ้งเบาะแสจากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ พยานบุคคลรายหนึ่งได้ให้ข้อมูลว่า ได้รับการติดต่อผ่านบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ได้นำรายการครุภัณฑ์ที่ได้รับการจัดสรรไปเสนอผู้บริหารโรงพยาบาลในพื้นที่ ซึ่งการกระทำของบริษัทเอกชนดังกล่าวเหมือนรู้ข้อมูลเรื่องการจัดสรรงบประมาณมาก่อนแล้ว ขณะที่ในบางพื้นที่ได้รับหนังสือถึงอ้างตัวว่ามาจากผู้ใหญ่ทั้งใน สธ. และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในพื้นที่


"หลักฐานที่คณะอนุกรรมการฯมีอยู่ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เอกสารคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร และคำบอกเล่าจากพยานบุคคล ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงผู้ใหญ่ในแวดวงราชการ และ ส.ส.ในพื้นที่ โดยได้นำหลักฐานที่เป็นหนังสือคำสั่งบางส่วนให้กับ นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธานแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะนำเสนอรายงานการตรวจสอบทั้งหมดให้กับคณะกรรมการสอบสวนชุดใหญ่ ที่ นพ.บรรลุเป็นประธาน พิจารณาต่อไป" นพ.วชิระกล่าว


นพ.วชิระกล่าวว่า หลังจากได้ตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมพบว่ามีรายการครุภัณฑ์ที่มีความผิดปกติเพิ่มอีกหลายรายการที่อยู่นอกเหนือจากผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการครุภัณฑ์ตามที่มีข้อร้องเรียน 6 รายการ ที่มี นพ.เสรี หงษ์หยก รองปลัด สธ.เป็นประธาน เช่น เครื่องตรวจมะเร็งเต้านม (เมมโมแกรม) ราคาเครื่องละ 5 ล้านบาท มีการแสดงความต้องการทั่วประเทศ 21 ตัว และเครื่องดิจิตอล เมมโมแกรม มีราคาต่างกันตั้งแต่ 15-20 กว่าล้านบาท จำนวน 40 กว่าเครื่อง เป็นต้น รายละเอียดครุภัณฑ์ต่างๆ ที่ตรวจพบความผิดปกติเพิ่มเติมจะส่งให้คณะกรรมการสอบสวนฯพิจารณาทั้งหมด


เบื้องต้นเจอ4จว.ภาคอีสาน


ผู้สื่อข่าวถามว่า หลักฐานที่ได้จะทำให้สาวไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่ นพ.วชิระกล่าวว่า ต้องทำให้ดีที่สุด จะลำดับเรื่องราวให้มีความชัดเจนเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการสาวไปถึงผู้เกี่ยวข้องที่มีอำนาจสูงสุด เพราะมีนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ไม่มาก เบื้องต้นพบข้อมูลมี 3-4 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มี ส.ส.เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยต้องติดตามตรวจสอบข้อมูลจากทุกภาคที่ทยอยส่งเข้ามาจากทุกภาค


เมื่อถามว่าการดำเนินการเป็นกระบวนการโดยเชื่อมโยงกับ ส.ส.ในพื้นที่หรือไม่ นพ.วชิระกล่าวว่า จากการลงตรวจสอบในพื้นที่ที่มีนักการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างนั้น คณะอนุกรรมการฯพบว่าบางพื้นที่มีความผิดปกติในแง่หลักเกณฑ์เกินเลยไปหรือบางแห่งเป็นเพียงโรงพยาบาลเล็ก แต่อยากสร้างให้ใหญ่โต เพราะอยากได้คะแนนเสียง ถือเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะการก่อสร้างที่เกินจำเป็น แทนที่จะเป็นประโยชน์อาจกลายเป็นภาระผูกพันในอนาคต โดยเฉพาะการบำรุงรักษา สิ่งสำคัญคือจะต้องสืบหาว่า ใครเป็นผู้เอื้อให้เกิดเรื่องแบบนี้ หรือใครสั่งการให้มา หรือเอานามบัตรใครต่อใครมาได้อย่างไร


เมื่อถามว่าบุคลากรในพื้นที่มีความหวาดกลัวอิทธิพลหรือไม่ นพ.วชิระกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ไม่หวั่นวิตกอำนาจใดๆ ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติและอย่างเต็มที่


พัวพันทั้ง"แกนนำรบ.-พรรคร่วม"


ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงใน สธ. กล่าวว่า ข้อมูลที่คณะอนุกรรมการฯ สืบทราบว่า มีนักการเมืองในพื้นที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างนั้น หากเป็นงบประมาณสิ่งก่อสร้างจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หากเป็นรายการครุภัณฑ์จะเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง แต่การที่ ส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ถือเป็นธรรมชาติของ ส.ส.ที่อาจมีความตั้งใจดี หรือมีเจตนาแอบแฝงก็ได้ เช่น เห็นว่าไม่มีหลักเกณฑ์จัดซื้อ ก็ใช้ความสามารถเฉพาะตัวร้องขอ หรือเสนอโครงการ เป็นต้น


"สิ่งที่คณะกรรมการสอบสวนฯ จะต้องดำเนินการต่อไปคือ สืบสาวข้อเท็จจริงว่ามีอะไรเคลือบแฝงอยู่หรือไม่ ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคพยายามเสาะหาช่องนี้หมด มองในแง่ดี อาจต้องการพยายามพัฒนาท้องถิ่น แต่ก็พบว่ามีเรื่องการซื้อที่ดินต่อเนื่องไว้รอ สำหรับสร้างอาคารพยาบาลใหม่ ทำให้ที่ดินราคาสูงขึ้น" แหล่งข่าวระบุ


สธ.ตั้งอนุฯ3ชุดเกาะติดงบฯ8.6หมื่นล.


วันเดียวกัน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2555 เพื่อติดตามความก้าวหน้าการบริหารจัดการงบพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขทั้งระบบ ภายใต้วงเงิน 86,685 ล้านบาท


นพ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัด สธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการชุดนี้ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ แต่ยังไม่มีการสรุป โดยแต่งตั้ง นพ.วุฒิไกร มุ่งหมาย ประธานชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เป็นประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบความเหมาะสมรายการในโครงการพัฒนาระบบบริการระดับปฐมภูมิ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมแพ และประธานชมรมแพทย์ชนบท เป็นประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบความเหมาะสมรายการในระบบบริการระดับทุติยภูมิหรือโรงพยาบาลชุมชน และ นพ.วีระพงษ์ เพ่งวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฉะเชิงเทรา ในฐานะประธานชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป เป็นประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบความเหมาะสมรายการในโครงการพัฒนาระบบบริการระดับตติยภูมิและศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง


10พ.ย.ตรวจงบฯ"ก่อสร้าง-ครุภัณฑ์"


"มอบหมายให้ทั้ง 3 คน ไปหาอนุกรรมการ และตรวจสอบข้อมูลของสถานพยาบาล โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.รายการการก่อสร้างและครุภัณฑ์ที่มีความจำเป็นและมีความเหมาะสมแล้ว 2.รายการก่อสร้างและครุภัณฑ์ที่มีความจำเป็นแต่ยังมีปัญหา อาทิ ชื่อรายการที่ต่างกัน ราคาที่ต่างกัน ฯลฯ และ 3.รายการก่อสร้างและครุภัณฑ์ที่ไม่มีความจำเป็น ให้นำกลับมาเสนอในการประชุมวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.30 น. ที่ สธ." นพ.สถาพรกล่าว


นพ.สถาพรกล่าวว่า ยังตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบงบประมาณในส่วนของกรมต่างๆ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณด้วย มีรองปลัด สธ.ที่ดูแลกรมต่างๆ เป็นที่ปรึกษา และนำข้อสรุปเกี่ยวกับรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างในโครงการดังกล่าวกลับมาเสนอในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปในการจัดสรรงบประมาณที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด หากรายการใดมีความซับซ้อน พิจารณาไม่ทัน ก็ให้พิจารณาเป็นรายๆ ไป แต่จะเร่งรัดให้มีการประชุมทุกสัปดาห์ เพื่อความรวดเร็ว


นพ.สถาพรกล่าวว่า ส่วนโรงพยาบาลชุมชนที่เสนอขอเพิ่มงบประมาณจากงบฯเดิมที่ตั้งไว้ จากเดิม 1.85 หมื่นล้านบาท เป็น 3.91 หมื่นล้านบาท หากมีความจำเป็นจริง คงต้องทำเรื่องเสนอของบประมาณเงินกู้ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 งวดที่ 2 ต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะเห็นชอบหรือไม่ 


แนะรบ."2ทาง"รีดงบหนุนเกณฑ์ใหม่


ด้าน นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้สถานพยาบาลทุกระดับรู้สึกว่าระบบการบริการแบบเดิมมีปัญหา และการเสนอของบประมาณแบบเดิมมีปัญหาทั้งด้านการกระจายทรัพยากร ความเหมาะสม ราคาที่แตกต่างกัน อาทิ จ.ราชบุรี มีโรงพยาบาลทั่วไป 3 แห่ง โรงพยาบาลศูนย์ 1 แห่ง แต่กลับเสนอของบประมาณด้านครุภัณฑ์มากถึง 831 ล้านบาท งบฯก่อสร้างอีก 606 ล้านบาท ทั้งที่ความหนาแน่นของสถานพยาบาลใน จ.ราชบุรี ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ขาดแคลน แต่กลับมีการจัดสรรงบประมาณมาก


"เมื่อโรงพยาบาลชุมชนได้ปรับหลักเกณฑ์การจัดสรรทรัพยากรใหม่ตามประชากรในพื้นที่ ทำให้งบประมาณที่เสนอขอเพิ่มขึ้น ก็ต้องวัดใจรัฐบาลว่าจะทำอย่างไร ถ้ารัฐบาลใช้โอกาสนี้เป็น ก็สามารถนำไปหาเสียงได้ว่าโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น เป็นนโยบายของพรรคไทยรักไทย ที่เป็นการให้สิทธิ แต่หากรัฐบาลชุดนี้เพิ่มประสิทธิภาพ คือสิ่งที่ประชาชนจับต้องได้จริง ไปหาหมอในสถานพยาบาลที่มีความพร้อมและมีความเหมาะสมรับรองประชาชนจริง รัฐบาลก็ควรดำเนินการ" นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว และว่า 2 ทางเลือก ที่จะทำให้มีงบประมาณมาสนับสนุนหลักเกณฑ์ใหม่ที่เสนอคือ 1.รีดการจัดสรรงบประมาณในโครงการนี้ภายใน สธ.อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ งบประมาณระบบบริการระดับตติยภูมิ ฯลฯ หรือ 2.รีดการจัดสรรงบประมาณจากกระทรวงอื่น


ขณะที่ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษก สธ. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 1588/2552 แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2555 ชุดใหม่ มี นพ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัด สธ.เป็นประธาน และปลัด สธ.เป็นที่ปรึกษา มีคณะกรรมการทั้งสิ้น 29 คน


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์