วันวานหวานชื่น บิ๊กจิ๋วขุนพลข้างกายป๋า

"...เราเป็นเพื่อนกัน เคยทำงานด้วยกัน งานสำคัญๆ ก็เคยทำด้วยกัน และก็จบจากสถาบันเดียวกัน เคยให้คำสัตย์ปฏิญาณเหมือนกันด้วย เมื่อเพื่อนจะทำอะไร ผมก็เตือน เพราะผมคิดว่ามีสิทธิที่จะเตือนได้ ก็เตือนเขาไปด้วยความเป็นเพื่อน ด้วยความปรารถนาดี ไม่ได้มีความต้องการตำหนิจิ๋วเลย..."

คือคำเปิดใจของ "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ต้องการสื่อสารถึง "พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยตรง หลัง "บิ๊กจิ๋ว" ระบุว่า ยังไม่มีโอกาสเข้าไปกราบ "ป๋า" ตอนไปขออโหสิกรรมเพื่อลาบวช ก็ยังไม่ได้เข้าพบเลย

จนมีข่าวลือหนาหูว่าเหตุที่ไม่ยอมให้เข้าพบ เพราะเคืองที่เลือกข้าง-ย้ายฝ่ายไปยืนเคียง "อริถาวร"

ก่อนหน้านี้ "บิ๊กจิ๋ว" คือ "ลูกป๋า" ที่ได้รับโอกาสให้เข้านอกออกในบ้านสี่เสาเทเวศร์อยู่เนืองๆ เพราะเจ้าของบ้านวางใจในการใช้บริการทั้งบนดิน-ใต้ดิน

ผลงานชิ้นโบว์แดงของ "พล.อ.ชวลิต" เกิดขึ้นในปี 2518 เมื่อสงครามเวียดนามสงบลงแล้วมีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนเวียดนาม "หน่วย 315" ศปก.ทบ. ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ "พ.อ. ชวลิต" (ยศขณะนั้น) ได้ข่าวว่ากองทัพเวียดนามจะยึด 16 จังหวัดภาคอีสานของไทย และขู่ยึดกรุงเทพฯ ในเวลา 2 ชั่วโมง

สภาทหารจึงแต่งตั้ง "คณะทูตลับพิเศษ" ไปขอร้องทางการจีนให้ช่วยกดดันเวียดนามด้วยการส่งกำลังทหาร 14 กองพลมาช่วยไทย เพราะกองทัพไทยสู้กองทัพเวียดนามที่ได้โซเวียดหนุนหลังไม่ได้

โดยในจำนวนนี้มี "บิ๊กจิ๋ว" ร่วมคณะไปเจรจากับ "เติ้ง เสี่ยว ผิง" ผู้นำสูงสุดแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่กรุงปักกิ่งด้วย

เป็นผลให้จีนสั่งเปิดยุทธการสงครามสั่งสอนเวียดนามที่มณฑลกวางสีด้วยกองกำลังทหาร 3 แสนคน ซึ่งว่ากันว่า "บิ๊กจิ๋ว" ได้รับเกียรติให้เป็นผู้กระชากกระสุนปืนใหญ่นัดแรกใส่เวียดนาม

สุดท้ายกองทัพเวียดนามได้ยอมถอนกำลังออกจากไทยแล้วหันไปเปิดศึกกับจีนแทน สถานการณ์ชายแดนไทยจึงคลายความตึงเครียดลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2522 ด้วยกลยุทธ์ "ตีแคว้นเว่ย ช่วยแคว้นเจ้า" ของ "บิ๊กจิ๋ว"

อีกครั้งเมื่อ "พล.อ.เปรม" ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ "บิ๊กจิ๋ว" ได้เดินเกมเจรจาให้ทางการจีนเลิกสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) โดยแลกกับการเปิดประเทศให้จีนขนอาวุธไปช่วยกองทัพเขมรแดงสู้รบ ผ่านสนามอู่ตะเภา จ.ชลบุรี

เมื่อจีนไม่สนับสนุน พคท. บรรดานักศึกษาหัวเอียงซ้ายที่หนีเข้าป่า จึงทยอยไหลออกมา กอปรกับเป็นช่วงที่มีการชิงการนำใน พคท.

ในจังหวะเดียวกันนี้ "พล.อ.เปรม" ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เดือนเมษายน 2523 ซึ่งถือเป็นอาวุธชิ้นสำคัญที่ทำให้ พคท.พ่ายแพ้ในเชิงยุทธศาสตร์

สงครามปราบปรามคอมมิวนิสต์ในไทยจึงถึงกาลอวสานในปี 2525

ผลจากการทำงานจรยุทธ์ ทำให้ชื่อ "ชวลิต" เป็นที่ต้องตา-ต้องใจของ รมว.กลาโหม ในยุครัฐบาล "พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์" ที่ชื่อ "พล.อ.เปรม" เขาเลือก "ขงเบ้งกองทัพไทย" มาเป็นนายทหารคนสนิทของ รมว.กลาโหม อย่างไม่ยากเย็น

จากนั้นพอ "พล.อ.เปรม" ขยับชั้นขึ้นเป็นนายกฯปี 2529 ก็มีคำสั่งปลด "พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก" ผบ.สส. และ ผบ.ทบ. กลางอากาศ แล้วตั้ง "ลูกป๋า" ที่ชื่อ "พล.อ.ชวลิต" เป็น ผบ.ทบ.คนใหม่

เหล่านี้คือบางส่วนของอดีตอันหวานชื่น ท่ามกลางปัจจุบันสุดขมขื่นของ "2 นายพล" ในยามที่ต้องยืนคนละขั้วคนละมุม!!!

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์