สุเทพ เชื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลสมัคร-นพดล ไม่กระทบความสัมพันธ์ กัมพูชา

รองนายกรัฐมนตรี ระบุ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด “สมัคร –นพดล” สนับสนุนการลงนามในแถลงการณ์ร่วมขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา จะไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีออกมติ ครม.สนับสนุนการลงนามในแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา  และระบุเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในกัมพูชา จะเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้นหรือไม่ ว่า ตนไม่วิจารณ์  ซึ่งได้ติดตามข่าวจากสื่อเท่านั้น เห็นว่าทุกอย่างมีเหตุมีผลในตัวของมันเอง ไม่อยากให้มองว่าจะส่งผลต่อความขัดแย้งของสองประเทศ เพราะเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดต่อข้อถามว่า กรณีดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นผ่านทางทวิตเตอร์ ระบุการตัดสินของ ป.ป.ช.ไม่เป็นธรรม นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเชื่อมั่นในระบบกระบวนการยุติธรรมของไทย  ดังนั้น การแสดงความเห็นต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าจะถูกต้องทุกอย่าง ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังเดินเกมเรื่องเขาพระวิหารอยู่นั้น ตนได้ขอร้องแล้วว่า ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกรอบและความสัมพันธ์ของสองประเทศ  อย่าทำให้เป็นเรื่องของความขัดแย้งก็คงไม่มีปัญหาอะไรรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชา ออกแถลงการณ์ยืนยันถนนในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของกัมพูชา ว่า ตนขอยืนยัน ข้อเท็จจริงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ช่วงที่มีการสร้างถนน รัฐบาลไทยได้ทักท้วง เพราะถือว่าเป็นถนนที่สร้างในพื้นที่ทับซ้อน  ถ้ามีการสร้างเราก็มีสิทธิที่จะเข้าไปใช้ หรือใช้ร่วมกัน และการประท้วงก็เป็นสิทธิของเรา โดยทางกระทรวงการต่างประเทศได้ทำหน้าที่นี้มาตลอด ประเทศไทยต้องดูแลผลประโยชน์ของประเทศให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง หรือปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  การพูดจากัน ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะละเลยในการปกปักรักษาอธิปไตย  เพียงแต่ไม่ต้องการให้ขยายเป็นเหตุรุนแรง  หรือทำให้เป็นเรื่องของความตึงเครียด  เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ละเลย