40ส.ว.ไล่บี้ทีมสอบคดีพธม.บุกสนามบิน

กลุ่ม ส.ว.โวย ตร.เหวี่ยงแหออกหมายจับ เล็งยื่นนายกฯโอนคดีให้ดีเอสไอ เชื่อเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ด้าน “สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” เออออหวังลดแรงกดดันตำรวจ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 ส.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา มี น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. เป็นประธานฯ เพื่อพิจารณากรณีตำรวจออกหมายเรียกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง จำนวน 76 คน โดยเชิญ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผช.ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพันธมิตรฯ เป็นตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เข้าชี้แจง โดย ส.ว.ที่อยู่ในคณะกรรมาธิการฯชุดนี้ ส่วนมากเป็นกลุ่ม 40 ส.ว. อาทิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายคำนูณ สิทธิสมาน และนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา  

นายคำนูณ กล่าวว่า การออกหมายเรียกดังกล่าวอาจไม่ชอบด้วยธรรมาภิบาล เพราะเป็นลักษณะของการเหวี่ยงแห และการตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย อาจเกินความจริง โดยเฉพาะการเหมารวมนักวิชาการที่ขึ้นเวทีให้ความรู้ไม่ใช่การปลุกระดม รวมถึงผู้ชุมนุมที่อยู่หน้าเวทีร้องเพลงเขย่าตีนตบ เพราะคนพวกนี้ไม่ได้ถืออาวุธไปทำร้ายใคร เหมือนดำเนินการ 2 มาตรฐาน โดยคดีของกลุ่มเสื้อแดงที่ดีเอสไอเพียงแต่ออกหมายเรียกเฉพาะแกนนำเท่านั้น หากยังทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะมีแต่ปัญหาด้านสังคมเกิดขึ้น 

ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีตำรวจอ้างว่ามีหน่วยงานเป็นผู้ร้อง กล่าวว่า จึงออกหมายเรียก แต่จากการชี้แจงของนายพงษ์ศักดิ์ ศิริวงศ์ ผอ.สำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล ต่อคณะกรรมาธิการฯ ระบุเพียงว่ากล่าวหาเฉพาะที่ดอนเมืองและทำเนียบรัฐบาล และมีผู้ถูกกล่าวหาเพียง 8 คนเท่านั้น ไม่ทราบว่าตำรวจออกหมายเรียกถึง 76 คนได้อย่างไร เป็นการอุปโลกน์ขึ้นมาหรือไม่ 

ขณะที่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า การชุมนุมบริเวณลานจอดรถในสนามบิน น่าจะเป็นคนละเรื่อง ขอให้พนักงานสอบสวนพิจารณาโดยละเอียดด้วย ถ้าจะออกหมายเรียกกันแบบนี้ น่าจะออกหมายเรียกผู้ชุมนุมเป็นพันเป็นหมื่นไปเลย

พล.ต.ท.สมยศ  กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนมาแล้ว 3 ครั้ง ตนเป็นคนที่ 3 ข้อกล่าวหาดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดในสมัยพล.ต.ท.วุฒิ พัวเวศ ผช.ผบ.ตร. ที่มีถึง 36 คน เมื่อจำนวนผู้ถูกดำเนินคดีโอนมาก็ดำเนินการไปตามขั้นตอน ยืนยันว่าจำนวน 76 คนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา ไม่มีเฉพาะผู้ก่อการร้ายเท่านั้น แต่หมายรวมถึงคดีอื่นๆด้วย การพิจารณาทางพนักงานสอบสวนก็ทำตามกฎหมายและหลักฐานที่ปรากฏ เช่น ภาพถ่ายจากหนังสือพิมพ์ ที่มีทั้งในสนามบินและทำเนียบรัฐบาลถ้าไม่ทำตามนี้พวกตนจะโดนฟ้องในความผิด ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ยืนยันว่าเราทำตามหลักขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง 

รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ตนและพนักงานสอบสวนในคดีนี้ต้องท่องในใจเสมอว่า เราถูกฟ้องเรียบร้อยแล้ว การดำเนินการจึงต้องระมัดระวัง ส่วนที่บอกว่าทำไมไม่ทำเป็นมาตรฐานเดียวกับคนเสื้อแดง ที่ออกหมายเรียกเฉพาะแกนนำ ต้องขอบอกว่าพนักงานสอบสวนไม่มีกฎหมายรองรับเหมือนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่อยู่ในรูปของคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งมีกรรมการจากหลายหน่วยงาน ดังนั้น การออกหมายเรียกทุกครั้งต้องได้รับความเห็นชอบตามขั้นตอนต่างๆ ของสตช. จึงจะดำเนินการได้ ดังนั้นจึงต้องเห็นใจพวกตนด้วย

ขณะที่ในช่วงท้ายการประชุมกรรมาธิการฯ หลายคนได้ขอปรึกษากับ พล.ต.ท.สมยศ นอกรอบ โดยเห็นว่าควรโอนคดีนี้ไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ เพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐานเดียวกับคนเสื้อแดง โดย พล.ต.ท.สมยศ ยอมรับว่า ถ้าหากโอนไปให้ดีเอสไอก็จะถือเป็นเรื่องดี เพราะจะคลายความกดดันของตำรวจไปได้มาก ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯแจ้งว่าจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาโอนสำนวนคดีไปให้ดีเอสไอดำเนินการต่อไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์