นายกฯลุยงาน พบนักธุรกิจ ย้ำไทยยังน่าลงทุน


วันนี้(22 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 64 ที่นครนิวยอร์ก และการประชุมจี-20 พิตส์เบิร์ก ซัมมิท ที่นครพิตส์เบิร์ก ระหว่างวันที่ 21-27 ก.ย.นี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ จอห์น เอฟ เคนเนดี นครนิวยอร์ก เวลา 11.20 น. วันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังโรงแรม แมนดาริน โอเรียลเตล ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก และเริ่มภารกิจแรกทันที ด้วยการหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ร่วมกับผู้แทนบริษัทหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงเกี่ยวกับเศรษฐกิจของไทยว่าที่ผ่านมาไทยเผชิญกับความท้าทาย 2 ประการ คือ ปัญหาวิกฤติการเงินโลกและการเมืองในประเทศ แต่ได้บริหารประเทศโดยเน้นว่าไทยต้องอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง คือ การสมานฉันท์และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะนี้ไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และแผนไทยเข้มแข็ง จะทำให้ไทยฟื้นตัวในระยะยาวได้

โดยนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการพบปะกับนักลงทุนและผู้แทนบริษัทหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ว่า ทำให้ทราบว่าเขาเห็นว่าไทยและเอเชียในภาพรวม กำลังฟื้นตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างเร็ว จึงได้ยืนยันในส่วนของไทยว่าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นของไทยขึ้นมาเกือบร้อยละ 60 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มเป็นบวก นอกจากนี้ นักธุรกิจสหรัฐฯยังมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องการเมืองในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตนจึงได้ชี้แจงว่า รัฐบาลมีแผนสู่ความสมานฉันท์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะการปฏิรูปการเมืองที่หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่สหรัฐฯแล้ว จะมีการหารือกับสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ทั้งนี้เชื่อว่า นักลงุทนต่างประเทศจะเข้าไปในระบอบประชาธิปไตย ที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน และการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ต้องอยู่ในขอบเขต ฝ่ายบริหารต้องดูแลไม่ให้ลุกลาม หรือ ละเมิดกฎหมาย ผมเชื่อว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้น และผ่านไปด้วยความเรียบร้อย น่าจะเป็นผลบวกกับประเทศ

ต่อมา ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีได้พบและหารือกับนักลงทุนและผู้จัดการกองทุน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดขึ้น โดยมีนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้าร่วมด้วย โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลพร้อมรับฟังข้อคิดเห็นและร่วมมือกับภาคเอกชน อีกทั้งยืนยันว่าไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุน โดยธนาคารโลกจัดลำดับให้เป็นประเทศที่มีความสะดวกในการทำธุรกิจและน่าลงทุน อันดับที่ 12 ของโลก ทั้งนี้ ในช่วงค่ำวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือระหว่างอาหารค่ำกับบริษัทนำเข้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ณ โรงแรมที่พัก.
 

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์