ตร.ปราณฯยืนเป็นกันชน ขวางม็อบต้านปะทะพันธมิตร

(ภาพซ้าย) รวมตัวกันที่ตัวเมืองปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนเคลื่อนไปจัดเวทีปราศรัยที่บริเวณศาลเจ้ามูลนิธิสว่างไพศาล เมื่อเย็นวันที่ 3 กันยายน โดยมีม็อบฝ่ายตรงข้ามมาชูป้ายขับไล่แกนนำพันธมิตรอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ไม่มีอะไรรุนแรง

กลุ่มต้านถือป้ายไล่ ตร.ต้องยืนกั้นเป็นแนวยาวกว่า 100 เมตร ป้องกันปะทะกัน ผบก.ประจวบฯเตรียมหน่วยปราบจลาจล 300 นาย รับมือ ยันควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน 5 นาที "สนธิ"ลั่นอยากไปภาคเหนือถิ่น"แม้ว"มากที่สุด

ได้เปิดปราศรัยใหญ่ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ท่ามกลางความวิตกว่าจะเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมพร้อมในการจัดกำลังเพื่อดูแลความเรียบร้อย

เปิดเผยว่า การรักษาความสงบเรียบร้อยในการเปิดเวทีของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสนามมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน อ.ปราณบุรี ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าไปสังเกตการณ์ ซึ่งสั่งให้งดพกอาวุธปืน แต่ให้พกกุญแจมือประจำตัว ส่วนตำรวจชุดปราบปราบจลาจลยังคงเตรียมความพร้อมไว้จำนวน 300 นาย สามารถเดินทางไประงับเหตุได้ภายใน 5 นาที

บริเวณทางเข้าสนามมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สารวัตรทหาร (สห.) จากศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ปราณบุรี กว่า 100 นาย เข้ารักษาความสงบเรียบร้อย โดยมีตำรวจหญิงร่วมตรวจค้นผู้ที่เข้าไปในมูลนิธิทุกรายเพื่อป้องกันเหตุร้าย

อ้างตัวเป็นกลุ่มสามัคคีหัวหิน-ปราณบุรี-สามร้อยยอด ได้เดินถือป้ายผ้าป้ายกระดาษมีข้อความโจมตีกลุ่มพันธมิตร เดินออกมาจากด้านข้างของตลาดโกแก้ว ด้านตรงข้ามมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน จากนั้นได้ปราศรัยโจมตีขับไล่กลุ่มพันธมิตร ทำให้ตำรวจในเครื่องแบบที่ถอดชั้นยศกว่า 150 นาย เข้ามาควบคุมสถานการณ์บริเวณริมถนนรัฐบำรุง เป็นแนวยาวกว่า 100 เมตร เพื่อปิดกั้นไม่ให้มีการปะทะกัน เนื่องจากกลุ่มพันธมิตร ได้ออกมายืนตอบโต้บริเวณฝั่งตรงข้าม

ให้สัมภาษณ์ว่า การเปิดเวทีปราศรัยอยู่ที่แกนนำพันธมิตรแต่ละจังหวัดจะเชิญไป ส่วนภาคใต้ยังไม่จำเป็นต้องไป แต่ต้องการที่จะไปภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคไทยรักไทย ส่วนเนื้อหาที่จะมาพูดก็ไม่มีอะไรใหม่ เพราะได้มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชอบทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ต่อพอเริ่มมีการตรวจสอบมากขึ้นสิ่งที่ทำไว้ก็เริ่มโผล่ออกมา

กล่าวว่า กรอบการทำหน้าที่ของตนและกลุ่มพันธมิตรอยู่ที่การขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง หรือ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.จึงไม่มีผลกระทบกับการเดินทางมาปราศรัย ส่วนผู้ที่แนะนำให้กลุ่มพันธมิตรตั้งพรรคการเมืองก็สามารถให้ความเห็นได้ แต่ได้รับการยืนยันว่าจะไม่ตั้งพรรคการเมือง มีแต่การรวมตัวเป็นพันธมิตรเพื่อไล่รัฐบาล เมื่อเสร็จภารกิจก็จะไปมีส่วนร่วมในการเมืองภาคพลเมือง และการปฏิรูปการเมือง

แหล่งที่มา มติชน