พรรคร่วมหวิว การเมืองมาร์ค

การประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2553 เมื่อปลายสัปดาห์ กลายเป็นข่าวใหญ่

ด้วยการระเบิดโทสะ ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ถึงขั้นแจกกล้วยและตัวเงินตัวทอง ว่อนสภา ถ่ายทอดสดโชว์สดๆไปทั่วประเทศ

ตามมาด้วยการเสนอ"คลิป" ระบุว่าเป็นเสียง นายกฯอภิสิทธิ์ สั่งสลายการชุมนุมของประชาชนเมื่อเดือนเมษายน

ส.ส.เพื่อไทยหลายคน ลุกขึ้นพยายามอภิปรายเรื่องนี้ โดยไม่ได้ระบุข้อมูลที่มาที่ไปของคลิป แต่ขออภิปรายไว้ก่อน ท่ามกลางเสียงประท้วงเซ็งแซ่ของส.ส.ประชาธิปัตย์

กินเวลายาวนานในตอนดึกของคืนวันที่ 27 สิงหาคม ก่อนที่ประธาน ชัย ชิดชอบ ตัดสินใจสั่งปิดประชุม นัดมาประชุมใหม่ในวันที่ 28 สิงหาคม

สำหรับคลิปดังกล่าว พรรคประชาธิปัตย์ทันเกม ส่งผู้เชี่ยว ชาญตรวจสอบ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทางด้านเสียงเข้าไปตรวจสอบ และแจ้งผลทันทีว่าเป็นการตัดต่อ

สร้างความเชื่อถือได้ระดับหนึ่ง ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองก็ไม่มีข้อมูลประกอบมายืนยันมากไปกว่าเสียงในคลิป

สำหรับพรรคเพื่อไทย ยังน่าสงสัยว่าจะเป็นรายการทำร้ายตัวเองหรือไม่

เพราะพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ยอมหยุดเท่านี้ โดยได้พยายามเดินหน้าหาข้อมูลการปรากฏขึ้นครั้งแรกๆ ของคลิปนี้ แกะรอยฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ใช้กระจายคลิปเสียงไปทั่ว

และพบว่าวนเวียนอยู่ในแวดวงของขั้วการเมืองฝ่ายทักษิณ และพรรคเพื่อไทยนั่นเอง

หากพรรคประชาธิปัตย์พิสูจน์ได้ว่า คลิปนี้เป็นผลงานของพรรคเพื่อไทย ก็จะถือเป็นการให้ร้ายป้ายสีพรรคการเมือง นำไปสู่การเสนอยุบพรรคเพื่อไทยได้ง่ายๆ ในอนาคตอันใกล้

บรรยากาศทะเลาะเบาะแว้งในสภา การฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายของพรรค การเมืองใหญ่ ด้วยคลิปเสียงที่ใช้เทคนิคพื้นๆ ง่ายๆ เป็นความน่าอเนจอนาถอีกครั้งของการเมืองไทย

และเป็นภาพสะท้อนของความแตกร้าวที่ลึกซึ้งของนักการเมืองต่างสี ความเคียดแค้นจากการแย่งชิงอำนาจระหว่างขั้วการเมือง ที่ 8 เดือนภายใต้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ทำให้รอยร้าวกระชับ แคบเข้ามา

แม้จะประกาศตัวเป็นนายกฯของคนทุกกลุ่ม

ในแง่หนึ่ง ฟ้องถึงฝีไม้ลายมือของนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์

แม้จะมีต้นทุนทางสังคมสูงกว่าผู้นำพรรคอื่นๆ เท่าที่มีอยู่ แต่การทำหน้าที่นายกฯ ของนายอภิสิทธิ์ ในสถานการณ์อันซับซ้อนขณะนี้ ต้องการมากกว่าต้นทุนทางสังคม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ"ต้นทุนทางการเมือง" ได้แก่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองไทยอย่างครบถ้วนทุกมิติ

มิใช่เพียงเข้าใจว่านายกฯมีอำนาจสูงสุด และใช้อำนาจไปด้วยความรู้ความเข้าใจอันจำกัด

อายุ 40 ปีเศษๆ ของนายกฯไม่ใช่อุปสรรค หากรู้จักศึกษาเรียนรู้จากคนในวงการเมืองด้วยกัน

สถานการณ์อันเข้มข้นของการเมือง จะเป็นห้องเรียนหลักสูตรพิเศษที่ให้ความรู้แบบก้าวกระโดดและปฏิบัติได้จริง เหมือนนักรบที่เก่งกาจย่อมเรียนรู้สงครามจากสงคราม

แต่ถ้านายกฯชอบที่จะถูกห้อมล้อมด้วยวอลเปเปอร์ ก็ย่อมเสียโอกาสในการพัฒนาจุดอ่อนด้อยของตนเอง

ความพยายามแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยผลักดัน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จนต้องไปแพ้โหวตในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติหรือก.ต.ช. พิสูจน์ให้เห็น "จุดอ่อน" ของ นายอภิสิทธิ์ ในเรื่องนี้อย่างชัดเจน

และยิ่งเห็นมากขึ้นกับท่าทีดึงดัน พยายามเดินหน้าไปในแนวทางเดิม

กลายเป็น"แนวทางการเมืองแบบนายกฯอภิสิทธิ์" ที่มีลักษณะเฉพาะ และพรรคร่วมรัฐบาลตามไม่ทัน

สร้างความหนักอกหนักใจให้กับบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในขณะนี้

การเมืองในแบบของ นายกฯอภิสิทธิ์ ยังสัมพันธ์เชื่อมโยงไปถึงสถานการณ์การเมืองที่ยุ่งยาก และพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งนานไปยิ่งยากแก่การจัดการ

โดยเฉพาะปัญหาของคนเสื้อแดงที่ปักหลักต่อต้านคัดค้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่องและไม่ลดละ

หลังจากถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 30 สิงหาคม จนรัฐบาลต้องประกาศใช้พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงในราชอาณาจักรในเขตดุสิต

ยิ่งรัฐบาลขาดประสบการณ์ ไม่ประสบความสำเร็จในการบริหารและแก้ปัญหาต่างๆ ก็ยิ่งสร้างความฮึกเหิมให้กับคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย

พยายามสรรหาหมัดเด็ดมาน็อกรัฐบาล ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่ก็บั่นทอนบ่อนเซาะรัฐบาลไปได้เรื่อยๆ

ถ้าสร้างผลงานตีตื้นไม่ได้ โชว์การจัดการปัญหาแบบมืออาชีพไม่ได้ สภาพเช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล

และจะทำให้ความเชื่อมั่นของสังคมที่มีต่อรัฐบาลวูบลงไปเรื่อยๆ

ไม่แปลกที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ต้องนัดหมายจับเข่าหาทางแก้ไข และได้ข้อสรุปว่าจะต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ประเด็น คือ มาตรา 190 ที่กำหนดว่า การทำข้อตกลงกับต่างประเทศต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาก่อน เพื่อแก้ไขปัญหางานรายวันของรัฐบาล

และแก้ไขวิธีการเลือกตั้ง กลับไปเป็นแบบวันแมนวันโหวตเหมือนรัฐธรรมนูญปี 2540

ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประกอบกับความจริงที่ว่าพ.ร.บ.งบประมาณ 2553 กำลังผ่านสภา ทำให้เห็นว่ารัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้งใหญ่ไว้ในปฏิทินแล้ว

เหตุผลในการตื่นตัวเตรียมเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากความไม่ไว้วางใจสถานการณ์การเมืองเท่านั้น

แต่มาจากความไม่แน่ใจในวิธีคิดวิธีตัด สินใจของนายกรัฐมนตรีอีกด้วย


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์