มท.1 ขู่กลุ่มด่า ผิดกม.เลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทยว่า


เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (28 ส.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ ท่ามกลางการอารักขาความปลอดภัยเข้มงวด กระทั่งเวลา 10.00 น. ได้เป็นประธานมอบรางวัลแก่ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่นปี 2549 หรือ PM Award 2006 อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณค่อนข้างมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพบกล่องปริศนาที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนสิรินธร แขวงบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร (กทม.) ห่างบ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 เพียงไม่กี่ร้อยเมตร พ.ต.ท.ทักษิณได้แต่เดินเลี่ยงเข้าตึกสันติไมตรีไปทันที โดยไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว


บอกเป็นนัยๆว่ายังไม่รู้อนาคต


พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวสุนทรพจน์กับผู้ได้รับรางวัล PM Award 2006 ตอนหนึ่งว่า มามอบรางวัลวันนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า คนที่มารับรางวัลมีแต่คนรุ่นหนุ่มสาว ทำให้ผมคิดในใจและมีความรู้สึกเหมือนกันว่า มามอบรางวัลให้รุ่นหนุ่มๆ น้องๆ ลูกๆ เพราะผมแก่มากแล้ว 6 ปีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าปีหน้าท่านจะรับจากใคร แต่จะรับจากใครก็แล้วแต่ ขอให้กิจการของท่านรุ่งเรืองมีผลต่อเศรษฐกิจประเทศต่อไป

ภายหลังเสร็จการมอบรางวัล พ.ต.ท.ทักษิณยังคงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงรุนแรงขึ้นทุกวัน จะมีมาตรการป้องกันอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณเพียงแต่ยิ้มที่มุมปาก จากนั้นเดินขึ้นห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าไป

เดินสายจี้งานหารือผู้บริหาร ศธ.


ต่อมาเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลไปยังบ้านพิษณุโลกไม่ถึง 20 นาที ได้เดินทางไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อร่วมประชุมกับผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการระดับ 9 ขึ้นไป โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจากทำเนียบรัฐบาล และตำรวจสันติบาลนอกเครื่องแบบจำนวนมาก รวมทั้ง พล.ต.ท. วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. พล.ต.ต.ปราโมทย์ ปทุมวงศ์ ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.จักรี ภู่พันธ์ศรี ผกก.สน.ดุสิต ตามมาอารักขาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ร่วมประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง กระทั่งเวลา 17.30 น. จึงเดินลงจากห้องประชุมชั้น 2 ตึกกระทรวงศึกษาธิการ โดยยังคงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆแม้ว่าผู้สื่อข่าวได้ถามถึงปัญหาที่ได้หารือกับผู้บริหารของกระทรวงศึกษาก็ตาม โดย พ.ต.ท.ทักษิณเพียงแต่ยิ้มและเดินฝ่ากลุ่มผู้สื่อข่าวก้าวขึ้นรถทันที จากนั้นเดินทางเข้าไปเซ็นงานที่บ้านพิษณุโลก ก่อนเดินทางกลับเข้าบ้านพักซอยจรัญสนิทวงศ์ 69

หมอมิ้ง วอนหยุดบิดเบือน ปชต.


น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเดือนตุลาฯเรียกร้องให้ น.พ. พรหมินทร์ลาออกจากการร่วมรัฐบาลว่า ยอมรับว่าคนที่อยู่ร่วมอุดมการณ์ในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ในช่วงหลังทุกคนมีบทบาทที่แตกต่างกันไป ทั้งนักวิชาการ นักธุรกิจ นัก การเมือง แต่ทุกคนก็ต้องให้ความสำคัญในการพิทักษ์รักษาเคารพระบอบเสรีประชาธิปไตย โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยอย่าปล่อยให้อำนาจอื่นเข้ามาสร้างความสับสน เพราะอำนาจประชาธิปไตยต้องให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม และจะต้องต่อสู้ โดยพยายามป้องกันการบิดเบือนต่อระบอบประชาธิปไตย และต้องช่วยกันประณามคนที่ดำเนินการในการปองร้ายรักษาการนายกฯ

มท.1 มาแปลกใครด่านายกฯผิด ก.ม.


พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย กล่าวถึง การดำเนินการในช่วงประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งนี้ ว่า ในการเลือกตั้งทุกครั้งก็มีความพยายามที่จะทำให้ประชาชน หันเข้ามาอยู่กับฝ่ายของตัวเอง แต่ท้ายที่สุดเมื่อการเลือกตั้ง เรียบร้อย ใครชนะถล่มทลายก็จะเป็นผู้ถูกต้อง เพราะประชาชนเป็นผู้เลือกเอง ส่วนกรณีที่พันธมิตรประชาชนออกมาโจมตีรัฐบาลและนายกฯนั้น ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย เลือกตั้งตามมาตรา 40 และมาตรา 44 เป็นการลดความ น่าเชื่อถือของบุคคลและพรรคการเมือง เพราะขณะนี้อยู่ ในระหว่างการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ดังนั้นจะทำอะไรต้องระมัดระวัง ได้ฝากให้เจ้าหน้าที่ ไว้แล้ว ว่าหากใครกระทำผิดกฎหมายต้องดำเนินการอย่าง จริงจัง ไม่เช่นนั้นกฎหมายก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์

สั่งเจ้าหน้าที่พบเห็นให้จับกุมได้ทันที


ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจจับตาดูการชุมนุมของพันธมิตรภาคใต้ฯที่นัดชุมนุม ในวันที่ 29 ส.ค. นี้ด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.อ.คงศักดิ์ตอบว่า ไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ได้สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าพนักงาน ไม่ว่าเป็นนายอำเภอ หรือปลัดอำเภอให้ดำเนินการอย่างเข้มงวด เพราะหากพบการกระทำผิดซึ่งหน้าก็ต้องจับกุมดำเนินคดีทันที เจ้าพนักงานทั้งหลายหากพบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งซึ่งหน้า ก็ต้องแสดงตัวจับกุมทันที ไม่เช่นนั้นก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าเป็นการชุมนุมที่ไม่ขัดกับกฎหมายก็สามารถทำได้ ทั้งนี้การจัดเวทีอภิปรายหาเสียงของพรรคการเมืองสามารถทำได้ เพราะถือว่าเป็นเจ้าของพรรค ถ้าจะหาเสียงให้พรรคตัวเองก็ย่อมทำได้เช่นกัน

พันธมิตรฯโต้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ


นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ. คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย สั่งห้ามการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศ ในระหว่าง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งมีผลบังคับใช้ เพราะเป็นการผิดกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 40, 44 นั้น เป็นความพยายามสกัดกั้นการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรฯในช่วงเลือกตั้ง รมว.มหาดไทยคงไม่ได้อ่านรัฐธรรมนูญอย่างละเอียด หรืออ่านแล้วไม่รู้เรื่องเพราะพันธมิตรไม่ใช่พรรคการเมือง แต่เป็นการเมืองของภาคประชาชน และจุดยืนการชุมนุมไม่ได้ไปสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 ซึ่งใหญ่กว่า พ.ร.บ.เลือกตั้งที่ รมว.มหาดไทย ยกมาอ้าง และประการสำคัญพันธมิตรต้องการเปิดโปงระบอบทักษิณและพฤติกรรมที่ฉ้อฉลคอรัปชันของ พ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกฯ

จะยื่นให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน


ผู้ประสานงานพันธมิตรกล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่จะจับกุมโดยอ้างความผิดกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 44 ก็พร้อมต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม จะยื่นคำร้องให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน เพิกถอนหรือสั่งห้ามการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ได้เช่นกัน ขอให้ย้อนดูในช่วงการเลือกตั้ง 2 เม.ย.ที่ผ่านมา พันธมิตรก็จัดชุมนุมโดยสันติตามรัฐธรรมนูญจนถึงวันที่ 1 เม.ย. ถึงยุติเพื่อให้ประชาชนกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ครั้งนั้นก็สามารถทำได้ไม่มีความผิดอะไร รมว.มหาดไทยคงกลัวขบวนการเปิดโปงความฉ้อฉลของระบอบทักษิณ เนื่องจากในช่วงเลือกตั้งพันธมิตรเตรียมเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อให้ข้อมูลและเปิดโปงระบอบทักษิณ และเตรียมรณรงค์จับผิดการทุจริตการเลือกตั้งทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ สำหรับการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรนั้น อยู่ระหว่างให้เวลาทาง สตช.เอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องที่ทำร้ายร่างกายประชาชน ถ้าครบ 7 วัน คือวันที่ 1 ก.ย.นี้ ยังไม่มีความคืบหน้า แกนนำก็เตรียมประชุมเพื่อกำหนดมาตรการการชุมนุมใหญ่ต่อไป อยากเตือนทางเจ้าหน้าที่ว่าอย่าดึงเรื่อง เพราะหลักฐานที่พันธมิตรยื่นให้นั้นชัดเจนในตัวอยู่แล้ว ระวังเจ้าหน้าที่จะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย

วอนเจ้าหน้าที่อย่าบ้าจี้ตาม คงศักดิ์


นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม มาตรา 44 (5) ที่ระบุห้ามใส่ร้ายจูงใจด้วยความเท็จให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม จึงต้องตีความว่าเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือไม่ หากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความจริง ก็ไม่สามารถจับกุมหรือดำเนินคดีได้ ถ้าตำรวจบ้าจี้ไปจับตามที่ รมว.มหาดไทย กำชับก็จะมีปัญหา ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงต้องมีดุลพินิจและทำอย่างเท่าเทียมกันในการจับกุม เพราะขนาดที่นักการเมืองบางคน หรือพรรคการเมืองบางพรรคสัญญาว่าจะให้ ทำไมตอนนั้นเจ้าหน้าที่ของรัฐกลับไม่ดำเนินการ

องคมนตรีปลุกจิตสำนึกข้าราชการ


ที่หอประชุมสุขุมนัยประดิษฐ์ สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการปาฐกถาพิเศษเรื่อง การเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท : บุญของคนไทยที่มีในหลวง เนื่องในโครงการส่งเสริมราชการและประเทศไทยใสสะอาดเพื่อน้อมเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี แก่ข้าราชการกระทรวงต่างๆ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอิสระประมาณ 1,000 คนเข้าร่วม โดยนายธานินทร์ได้กล่าวว่า ขอให้ น้อมนำคุณธรรม 4 ประการ จากพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการออกมหาสมาคมในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ประกอบด้วย 1. การที่ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดีมุ่งเจริญ ต่อกัน 2. การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงานประสานประโยชน์กันให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และแก่ประเทศชาติ 3. การที่ทุกคนประพฤติตน อยู่ในความสุจริต ในกฎกติกา และในระเบียบแบบแผน โดยเท่าเทียมเสมอกัน และ 4. การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิดความเห็นของตน ให้ถูกต้องเที่ยงตรงและมั่นคงอยู่ในเหตุในผล

ต้องกล้าทักท้วงในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง


นายธานินทร์ยังกล่าวอีกว่า ขอให้ข้าราชการน้อมนำแนวทางปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น ทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน หมายถึงให้ข้าราชการทำงานร่วมกับประชาชนเช่นเดียวกัน ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก ทรงเป็นผู้ให้ในเรื่องที่ผู้รับ ประสงค์ ทรงเป็นตัวอย่างดังที่ทรงเสนอแนะ ตัวอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักบริหารควรนำมาใช้ หากผู้ใต้บังคับบัญชาได้เห็นตัวอย่างจากผู้นำก็จะทำตาม ทรงยึดมั่นในความยุติธรรม ทรงแก้ไขวิกฤตการณ์ด้วยสันติวิธี เช่น วิกฤตการณ์ในบ้านเมืองที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกคณะศาลมามอบหน้าที่ให้แก้ไขวิกฤติ ซึ่งเป็นการยึดหลักความถูกต้องด้วยสันติวิธี ทรงยึดความถูกต้อง ชอบธรรมเป็นคติธรรม ทั้งนี้ ขอให้ผู้บริหารยึดมั่น โดยเฉพาะผู้มีอำนาจ หรือข้าราชการระดับสูงในการบริหารแผ่นดินให้มีความกล้า สามารถทักท้วงในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ชอบธรรม โดยไม่เกรงกลัวต่อผู้ใด

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์