ทนายแม้วโต้บวรศักดิ์-ธงทอง-เจิมศักดิ์เคยลงชื่อฎีกา99 สมัยเปรมเป็นนายกฯ เสื้อแดงก็ย่อมทำได้


"ทนายแม้ว"ออกแถลงการณ์แฉ "บวรศักดิ์-ธงทอง-เจิมศักดิ์"เคยลงชื่อร่วมฎีกา 99 นักวิชาการ สมัย"ป๋าเปรม"เป็นนายกฯ วางตัวไม่เป็นกลางในช่วงบ้านเมืองวุ่นวายสับสนทางการเมือง ยันเนื้อหาฎีกาแดง ไม่มีตรงไหนคัดค้านคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซ้ำขอให้บ้านเมืองสงบสุข

นายพิชิต ชื่นบาน อดีตทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีที่ดินรัชดา  ออกแถลงการณ์ฉบับที่สอง เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม โต้แย้งบทความ เรื่อง “การใช้สิทธิทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาตามกฎหมายและประเพณี” ของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ราชบัณฑิต  ” ว่า มีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง รวมทั้งนักการเมืองจากซีกรัฐบาล ได้ทำการโต้แย้งคัดค้านต่อการใช้สิทธิทูลเกล้าฯในลักษณะที่เป็นพฤติกรรมข่มขู่ เพื่อหวังผลให้ผู้ดำเนินการยุติในเรื่องลงชื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกา โดยวิธีการลดความน่าเชื่อถือของฎีกา พยายามขยายความบางประเด็นของสาระเกี่ยวกับกฎหมายและประเพณีไทย ชี้นำให้เห็นว่ามีจุดผิดพลาดในการเสนอเหตุผล ด้วยการแสดงความเห็นผ่านข้อมูลวรรณกรรมต่างๆ  ที่นำมาใช้อ้างอิง แต่แอบแฝงด้วยวาทกรรมในด้านต่างๆ  ซึ่งจากการตรวจสอบบทความ เรื่องการใช้สิทธิทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาตามกฎหมายและประเพณีของนายบวรศักดิ์ พบว่า การอ้างข้อกฎหมาย มีความคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในหลายประการ


นายพิชิตระบุอีกว่า ตัวอย่างประเพณีการยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย ที่ประชาชนผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง ระดับนักวิชาการของประเทศจำนวน 99 คนได้ทำเป็นแบบอย่างประเพณีไว้ คือ เหตุการณ์ยื่นฎีกาในเดือนมิถุนายน 2531 ขณะนั้นพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ เมื่อตรวจสอบรายชื่อพบว่า นายบวรศักดิ์ เป็นหนึ่งในนักวิชาการ ที่เป็นผู้ร่วมลงลายมือชื่อ นอกจากนี้ยังปรากฏรายชื่อของ นายธงทอง จันทรางศุ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง


โดยเนื้อหาฎีกากล่าวถึงความวุ่นวายสับสนทางการเมือง การแตกแยกความสามัคคีในหมู่ทหาร ข้าราชการและประชาชน เนื่องมาจากผู้นำทางการเมืองที่รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐบาล มิได้วางตนเป็นกลางอย่างแท้จริง แต่กระทำการแอบอิงสถาบันหลักของบ้านเมือง ปล่อยให้มีการนำกำลังทหารของชาติ ซึ่งมีไว้เพื่อป้องกันและช่วยพัฒนาประเทศ มาแสดงพลังสนับสนุนสถานภาพทางการเมืองส่วนบุคคล จนทำให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก


“จากเนื้อหาของฎีกาดังกล่าว จึงอยากถามนายบวรศักดิ์ ว่าฎีกาของพวกท่าน เป็นฎีกาประเภทใด จะเป็นฎีกา การเมือง หรือ ฎีกาโกลาหล อย่างที่ท่านเรียกฎีกาของประชาชนที่กำลังจัดทำอยู่ในขณะนี้หรือไม่ การที่ประชาชนร่วมกันยื่นทูลเกล้าฯ กล่าวถึงความทุกข์แสนสาหัส จากปัญหาเศรษฐกิจ มีการยึดอำนาจโดยเผด็จการ จัดตั้งรัฐบาลไม่ชอบธรรม และได้กล่าวถึงความมุ่งหวังให้เกิดความสามัคคีในชาติ นอกเหนือจากขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการทูลเกล้าฯถวายฎีการ้องทุกข์ ขอพระบรมราชานุเคราะห์ และฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษในฉบับเดียวกัน จึงน่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อองค์พระมหากษัตริย์ได้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิมที่เรียกว่าโบราณราชประเพณี”นายพิชิตระบุ


นายพิชิตระบุว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา259 บัญญัติว่า เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าจะทูลเกล้าฯถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ ขอรับพระราชทานอภัยโทษ จะยื่นต่อรมว.ยุติธรรมก็ได้  คำว่า ก็ได้คือ กฎหมายไม่บังคับให้ยื่นผ่านรมว.ยุติธรรมเท่านั้น นอกจากนี้คำขอถวายฎีกาของประชาชน ยังไม่มีถ้อยคำใดคัดค้านคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแต่อย่างใด เนื้อหาฎีกายังได้ยืนยันมุ่งหวังให้เกิดความสามัคคี สมานฉันท์ในชาติ และวรรคสุดท้ายของคำขอถวายยอมรับว่าสุดแต่พระบรมราชวินิจฉัย ดังนั้น หากนายกฯ รมว.ยุติธรรม รมว.มหาดไทย และบุคคลในรัฐบาลตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย หากเห็นแตกต่างในประการใด ควรจัดทำบันทึกถวายความเห็น ไม่ควรที่จะใช้วิธีการใดๆเพื่อระงับการทูลเกล้าฯให้สถานการณ์เลวร้าย ทำให้เกิดการเผชิญหน้าและขยายขอบเขตปัญหาออกไปไม่สิ้นสุด 


พท.ขู่แฉหลักฐานฟันมหาดไทย


นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เรื่องการถวายฎีกา เป็นเรื่องของคนเสื้อแดง ขณะนี้รวบรวมได้แล้วกว่า 6 ล้านชื่อ พร้อมเข้ายื่นถวายฎีกาในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ แต่ ณ วันนี้มีขบวนการต่อต้านสิทธิของประชาชนโดยรัฐบาลเป็นผู้อยู่เบื้องหลังด้วยการสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศตั้งโต๊ะให้ประชาชนลงชื่อเพื่อคัดค้านการถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง ตนมีหลักฐานที่จะดำเนินการกับรัฐบาลในเรื่องนี้ โดยวันที่ 9 สิงหาคม จะแถลงข่าวและแสดงหลักฐานให้ประชาชนรับทราบ


แดงพิษณุโลกชุมนุมไล่ "ชวรัตน์"


ส่วนที่ท่าอากาศยานจังหวัดพิษณุโลก กลุ่มคนเสื้อแดงพิษณุโลก 51 กว่า 30 คน นำโดยนายภานุกฤต พัชรอารี รวมตัวกันเมื่อเวลา 07.00 น. พร้อมเปิดเครื่องขยายเสียงปราศรัยบนรถยนต์ด้านหน้าประตูทางเข้า-ออกของท่าอากาศยาน กล่าวโจมตีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล พร้อมป้ายข้อความต่อต้าน หลังทราบว่า นายชวรัตน์เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ จ.สุโขทัย และได้เข้าพักที่โรงแรมอมรินทร์ลากูน จ.พิษณุโลก เมื่อคืนวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา และเตรียมเดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยเครื่องบินเที่ยวบินทีจี 161 พิษณุโลก-กรุงเทพฯ ออกจาก จ.พิษณุโลก เวลา 07.45 น. แต่การชุมนุมครั้งนี้ไม่พบตัวนายชวรัตน์แต่อย่างใด เนื่องจากคณะของนายชวรัตน์ได้ใช้เส้นทางลัดผ่านกองบิน 46 เข้าสนามบินแทน



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์