นายกรัฐมนตรีพอใจ 6 เดือน แก้ปัญหาประเทศผ่านจุดเลวร้ายไปแล้ว

นายกรัฐมนตรีพอใจ 6 เดือน แก้ปัญหาประเทศผ่านจุดเลวร้ายไปแล้ว

ทำเนียบฯ 6 ส.ค.-นายกรัฐมนตรี นำทีม ครม.ร่วมแถลงผลงานในรอบ 6 เดือน ยืนยันทุ่มเททำงานเพื่อความสุขประชาชน ชี้จุดเลวร้ายทางเศรษฐกิจผ่านพ้นไปแล้ว เดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยอมรับปัญหาการเมือง การประท้วงไม่มีวันหมด แต่รัฐบาลรับฟังและพร้อมคลี่คลาย ยึดกฎหมายเป็นหลัก ปฏิเสธให้คะแนนรัฐมนตรี บอกว่าจะปรับ ครม.เมื่อถึงเวลาเหมาะสม เปิดเว็บ www.pm.go.th เพิ่มช่วงทางสื่อสารกับประชาชน


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานรัฐบาลในโอกาสบริหารงานครบ 6 เดือน (มกราคม-มิ.ย. 2552) โดยมีคณะรัฐมนตรีเข้าร่วม ขาดเพียง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ติดภารกิจ


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเข้ามารับหน้าที่ในช่วงที่ประเทศประสบภาวะวิกฤติทางการเมืองและวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงมาก เมื่อเทียบกับวิกฤติครั้งอื่น ๆ ที่เคยประสบมาในประวัติศาสตร์ รัฐบาลได้ทุ่มเททำงานอย่างหนัก ยึดมั่นผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน มีเป้าหมายให้ประชาชนมีความสุขในการทำงาน รัฐบาลยึดเอานโยบายที่แถลงต่อสภาฯ มาดำเนินการ แปลงเป็นกว่า 100 มาตรการ งานสำคัญที่รัฐบาลได้ดำเนินการจนประสบความสำเร็จแล้วใน 6 เดือนแรก คือ โครงการเรียนฟรี 15 ปี มีเด็กได้รับประโยชน์ถึง 12 ล้านคน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 500 บาท/เดือน มีผู้สูงอายุใช้สิทธิ 3,500,000 คน โครงการประกันราคาพืชผลเกษตรกร มีเกษตรกรได้ประโยชน์กว่า 1,500,000 ครัวเรือน โครงการต้นกล้าอาชีพช่วยเหลือคนว่างงาน ขณะนี้มีผู้ผ่านการอบรมแล้วกว่า 200,000 คนทั่วประเทศ ได้สร้างงานกว่า 140,000 คน และอีก 20,000 คน ในโครงการชะลอการเลิกจ้าง รวมถึงการให้เงินสนับสนุน อสม.ทั่วประเทศเกือบ 1 ล้านคน ที่ได้ค่าตอบแทนคนละ 600 บาท/เดือน แม้ว่ามาตรการเหล่านี้ยังไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ แต่สามารถช่วยเหลือประชาชนพร้อมไปกับการบรรเทาและแก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่ง


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดทำแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เพื่อวางรากฐานสำหรับประเทศไทย ทั้งเรื่องการขนส่ง การคมนาคม ระบบราง โลจิสติกส์ จะมีการลงทุนครั้งใหญ่ของรถไฟ ปรับปรุงรางเดิม วางระบบรางคู่ มีเป้าหมายในการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และเชื่อมโยงกับประเทศจีนในอนาคต เพื่ออำนวยความสะดวก และเปิดเส้นทางค้าขายระหว่างกัน ส่วนระบบถนน จะมีโครงการถนนไร้ฝุ่น ถนนปลอดภัย ทุกชุมชน นอกจากนี้รัฐบาลกำลังจะยกระดับคุณภาพของโรงเรียนอีกกว่า 8,000 แห่ง มีการปรับปรุงห้องสมุดกว่า 1,700 แห่ง ยกระดับสถานีอนามัยมาเป็นโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพระดับตำบลทั่วประเทศ


“ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้ใช้เวลาพอสมควรในการสื่อสารกับต่างประเทศเพื่อทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ภายในประเทศ จนขณะนี้ผมมั่นใจว่าได้ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว และกำลังกลับเข้าสู่การฟื้นตัวอย่างแท้จริง รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมสำหรับเศรษฐกิจหลังการฟื้นตัวแล้ว สิ่งที่สัญญาไว้ รัฐบาลได้ทำแล้ว และยังมีอีกหลายเรื่องที่สัญญาว่าจะทำ และจะทำให้เห็น ซึ่งจะเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเรื่องการเมืองนั้น ตนทราบดีว่า ความขัดแย้งทางการเมืองและความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง ไม่มีทางหมดไป เพราะเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของสังคมทั่วไป แต่รัฐบาลได้ดำเนินการปกป้องสถาบันหลักของชาติ และเร่งสร้างความสมานฉันท์ ด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ไม่ใช่ทำในลักษณะที่จะตกเป็นเหยื่อของคนที่ต้องการเห็นความขัดแย้ง ขยายวงไปสู่สถาบันต่าง ๆ ทำให้เกิดความวุ่นวายไม่จบ อะไรที่เป็นสิทธิเสรีภาพที่พึงมีตามรัฐธรรมนูญ สามารถทำได้ แต่ถ้าทำผิดกฎหมาย ทำความเดือดร้อนให้กับส่วนรวม รัฐบาลพร้อมที่จะใช้กฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด จริงจัง ซึ่งเหตุการณ์เมื่อเดือน เม.ย. ยืนยันได้เป็นอย่างดี


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอสัญญาว่ารัฐบาลจะทำงานหนัก ทำงานแข่งกับเวลามากขึ้น จะทำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องโครงสร้างมากขึ้น และจะยังคงยึดถือประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ หลักการประชาธิปไตย และความซื่อสัตย์สุจริตเป็นธงนำในการทำงานต่อไป โครงการใดที่มีข้อครหา รัฐบาลจะสะสางทุกปัญหาอย่างจริงจัง


นายกรัฐมนตรี ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน กรณีที่ยังคงมีการประท้วงเกิดขึ้นว่า ตนไม่ทราบว่าหมายถึงกลุ่มไหน แต่ต้องยอมรับว่าการชุมนุมประท้วงเรียกร้องไม่หมด เพราะปัญหากับการบริหารบ้านเมืองอยู่คู่กัน แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือ หากมีความเดือดร้อน บอกกล่าวรัฐบาล เรารับฟังเสมอ และมีหลายกลุ่ม อาทิ เกษตรกรที่เคยชุมนุมเรียกร้องให้แก้ปัญหาเรื่องที่ทำกิน ก็มานั่งทำงานกับรัฐบาล กำลังจะหาคำตอบใหม่ เช่น การออกโฉนดชุมชน


เมื่อถามว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ให้คะแนนกระทรวงไหนมากสุด และไม่พอใจการทำงานของกระทรวงใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน แต่ประเมินตลอด และหากมีอะไรที่เห็นว่าปรับปรุงได้ ก็แจ้งกันเป็นการภายใน และให้กำลังใจทุกคนในการทำงาน แต่ว่าคนที่จะตัดสินเรื่องนี้ดีที่สุดคือประชาชน ส่วนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ถือเป็นเรื่องปกติในวิถีทางประชาธิปไตย แต่ว่าปรับแล้วต้องมีประสิทธิภาพดีขึ้น


นายกรัฐมนตรี ยังแนะนำเว็บไซต์ www.pm.go.th ว่า ตนพยายามเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับพี่น้องประชาชน ซึ่งจะมีทั้งการนำเสนอผลงานต่าง ๆ ความเคลื่อนไหว รวมทั้งเปิดโอกาสให้สามารถแสดงความคิดเห็น และเข้ามาคุยกับตนได้ และทุกสัปดาห์จะมีการเปิดโอกาสให้ตั้งคำถามและมีการลงคะแนนว่าอยากให้ตอบคำถามไหนมากที่สุด และจะเข้ามาตอบทุกสัปดาห์เช่นเดียวกัน โดยเว็บไซต์นี้เป็นการเพิ่มเติมจากช่องทางที่มีอยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์