บิ๊กจิ๋ว แขวะระบอบทักษิณ การันตี ป๋าเปรม ไม่คิดล้มรัฐบาล

เลิกอ้าง19ล.เสียงได้แล้วแนะอีกวิธีดับไฟขัดแย้ง


บิ๊กจิ๋ว เผย ป๋าเปรม เปรยไม่คิดล้มรัฐนาวาแม้ว สวมบทอาจารย์ยำใหญ่ระบอบทักษิณไม่เป็น ปชต. แท้จริง ติงเลิกปากไว-หลงคารมคนเป่าหู หยุดอ้าง 19 ล้านเสียงได้แล้ว แนะเรียนรู้วิธี นิพพาน ดับไฟขัดแย้ง พูดเป็นนัย ทำไมทหารไม่ปฏิวัติ พร้อมจับตาจันทร์นี้มีม็อบใหญ่ ย้ำผู้นำต้องชี้นิ้วห้ามลูกน้องเปิดฉากนองเลือด ระบุ นายใหญ่ เว้นวรรคไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของบ้านเมือง ด้าน ทรท. เผยลูกพี่งดเดินสายช่วยลูกพรรคหาเสียง

ชี้ ก.ย. ต้องบินไป ตปท. เป็นว่าเล่น ฝ่าย ก.ม. โต้ ปชป. สร้างข่าวขนม็อบ 3 เขตละพันคนบุกเมืองกรุง แจงนำหัวคะแนนมาอบรมป้องกันผิด ก.ม.เลือกตั้งเท่านั้น ขณะที่ มาร์ค ถกผู้นำอินโด-ติมอร์ ซ้อมรับเก้าอี้ว่าที่นายกฯ ส่วน ฝ่าย สุชน ตัวจริงเล่นลิ้น พ.ร.ฎ.ปิดสภา แถมขู่ห้ามวิจารณ์กระทบเบื้องสูง อ้างตาใสไม่ได้เร่งทำคลอด กกต. ด้าน กมธ.ฯ ไม่สนเดินหน้าคุ้ยประวัติตามกำหนดไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ ศาลรธน. รับตีความปัญหาคุณสมบัติว่าที่ ป.ป.ช. แล้ว ชวน เตือน ตร. ระวังเจอข้อหาละเว้นหน้าที่ฐานให้คนทำร้ายม็อบ

"บิ๊กจิ๋ว" เผย4รากฐานปชต.

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่สถาบันพระปกเกล้า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายในหัวข้อ "ประสบการณ์ทางการเมืองของข้าพเจ้า" ให้นักศึกษาหลักสูตรวิทยาลัยการเมือง การปกครอง สถาบันพระปกเกล้า รุ่น 10 ฟังตอนหนึ่งว่า สาเหตุที่ทำให้คนไทยต้องหนีเข้าป่าในอดีต เพราะถูกบีบคั้นทางจิตใจ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอำนาจรัฐ และการปกครองที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งตนได้ค้นพบว่าการปกครองบ้านเมืองต้องประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือ

1.อธิปไตยต้องเป็นของปวงชน อดีตนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้อำนาจอธิปไตยกลายเป็นของคนส่วนน้อย เพราะบริษัทใหญ่ ๆ อาทิ ปตท. และทีพีไอ ได้กำไรปีละหลายหมื่นล้านบาท ถ้ามีอย่างนี้ 10 บริษัทเท่ากับผลผลิตของชาติก็หมดไปแล้ว ถือเป็นการปกครองที่ไม่เป็นธรรม 2.เสรีภาพทางความคิดของบุคคลต้องสมบูรณ์จริง ๆ 3.ต้องปฏิบัติตามตัวบทกฎหมาย และ 4.รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งหมดนี้ต้องประกอบกัน ไม่ใช่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งประชาธิปไตย แต่ไม่มีองค์ประกอบอื่นก็ถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย


อ้าง "ป๋าเปรม" ไม่คิดล้มรบ.


พล.อ.ชวลิต กล่าวต่อว่า 20-30 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองเรามีการปกครองที่ไม่เป็นธรรม จึงเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา จากวันนั้นจนถึงวันนี้ประเทศต้องตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ คือ มีการปฏิวัติ แก้รัฐธรรมนูญ ตั้งรัฐบาล และปฏิวัติอีกถึง 21 รอบ สิ่งที่ห่วงคือการใช้เงินในการเลือกตั้งจนเกิดเป็นนิสัย ไม่มีผู้ริเริ่มที่จะไม่ใช้เงิน มันจึงต้องกำหนดกติกาเสียใหม่เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง สมัยตนไม่มีการใช้เงินซื้อตำแหน่งรัฐมนตรี

"น่าสงสาร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่ตกเป็นเป้ามากที่สุด เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมาผมได้นำดอกไม้ไปกราบอวยพรท่าน ท่านได้พูดว่าจะไปคิดล้มกันทำไมรัฐบาล คนดี ๆ เขาเยอะ แต่ก็มีเหมือนกันที่ท่านบอกว่ารัฐบาลควรแก้ไขอะไร ซึ่งคิดว่าทำไมคนไทยถึงไม่หันหน้าเข้าหากัน" อดีตนายทหารลูกป๋า

ระบุ จากนั้นนักศึกษาคนหนึ่งได้ตั้งคำถามว่า นายกฯ ไม่ค่อยรับฟังคำพูดคนอื่น และทำไมผู้นำประเทศไม่มีจิตสำนึกในการเสียภาษี พล.อ. ชวลิต ตอบว่า ถ้านายกฯ มีอะไรไม่ดีก็บอกไป ตรง ๆ เชื่อว่าท่านคงรับฟัง และนำไปแก้ไข ตอนนี้เขาอาจไม่รู้ เพราะไปเชื่อใครบางคน และควรจะเบรกในเรื่องพูดเร็วไปนิดด้วย

ฉะ "แม้ว" ทำผิดหลายอย่าง

ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ยอมลาออกนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ท่านคงมีเหตุผล ทุกคนที่เป็นผู้นำต้องมีความรับผิดชอบพิเศษมากกว่าคนอื่น ส่วนเรื่องการเสียภาษี นายกฯ เคยพูดว่าไม่จำเป็นต้องเสียภาษี ดังนั้นจึงอยากให้ดูว่าระบบเป็นอย่างไร เรามักจะไปชี้ที่คนเลย ตนคิดว่าให้ 100 ทักษิณ ถ้าอยู่ในระบอบเผด็จการอย่างนี้ก็รับไม่อยู่ ลองอดทนอีกนิด ตน ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีแผนอะไรมากกว่านั้น ท่านคงจะเสียสละเงินเพื่อประโยชน์แผ่นดินมากกว่าเงินที่เสียภาษีก็ได้

"พ.ต.ท.ทักษิณ ทำผิดหลายอย่าง ความยิ่งใหญ่ของบุคคลและองค์กรอยู่ที่พลังประชาชน นายกฯ มักพูดถึง 19 ล้านเสียง แต่วันนี้ผมกลัวว่านายกฯ จะมองอะไรผิดไป พรรคไทยรักไทยไม่นิยมการจัดตั้งสาขาพรรคซึ่งเป็นการนำความคิดไปสู่ประชาชน อาจเป็นเพราะท่านเป็นนักการตลาดชั้นหนึ่งก็ได้" อดีตนายกฯ ระบุและกล่าวถึงการทำงานในปัจจุบันว่า ยังไม่ได้คิดและไม่คิดจะสังกัดอะไร แต่จะเขียนหนังสือและรับบรรยายพิเศษ พล.อ.เปรม ขอไว้ ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิต ไม่ได้ขยายความว่า พล.อ.เปรม ขออะไรไว้


ปูดวันจันทร์นี้มีเคลื่อนไหว


พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้ลาออกจากการเป็น ผอ.ศูนย์การแก้ไขปัญหาความยากจน เพราะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ ซึ่งมีกระบวนการที่พวกท่านลืมไปว่าทำไมทหารไม่ปฏิวัติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.อ.ชวลิต พูดถึงเรื่องดังกล่าวได้หยุดนิ่ง และกล่าวต่อไปว่า วันนี้ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ระบบการเมืองการปกครองโดยกลุ่มนายทุนโลกการค้าเสรี วันนี้ผู้ใช้แรงงานไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวสร้างความปกครองอย่างเป็นธรรม และวันจันทร์นี้เห็นว่าจะมีการเคลื่อนไหว

พล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์ก่อนการบรรยายกรณีนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ระบุว่าวันเกิดปีนี้จะปิดบ้านว่า คงจะไม่ปิดบ้าน เพราะมีลูกศิษย์มากมายที่อยากจะไปกราบอวยพร ส่วนการที่มีกลุ่มผู้สนับสนุนและคัดค้าน พ.ต.ท. ทักษิณ ออกมาปะทะกันนั้นถือเป็นธรรมดาของพัฒนาการทางการเมือง เป็นบททดสอบของสังคมไทย เพราะเมืองไทยผ่านเหตุการณ์หนักกว่านี้มาแล้ว แต่ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้นำที่จะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่ใช่เป็นความรับผิดชอบของตำรวจฝ่ายเดียว

แนะผู้นำศึกษาวิธี "นิพพาน"

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาคำพูดของผู้นำเป็นการเติมเชื้อไฟความขัดแย้ง อดีตนายกฯ กล่าวว่า ต้องให้ไปอ่านวิธีเข้าสู่นิพพานที่ต้องมีความอดทน ทั้งนี้ผู้นำสามารถพูดได้แต่ต้องพูดอย่างสร้างสรรค์ อย่าพูดในลักษณะท้าทาย เพราะพูดแล้วจะยิ่งทำให้ตีกันหนัก ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เว้นวรรคทางการเมืองนั้น ตนคิดว่ายังมีทางออกอีกมาก

ไม่ใช่หนทางนี้ทางเดียว การเลือกตั้งก็ถือเป็นอีกทางออกหนึ่ง แต่ไม่ถึงที่สุด เพราะต้องตอบให้ได้ว่าขณะนี้ปัญหาของชาติคืออะไร อย่างไรก็ตามบุคคลก็มีส่วนที่เป็นต้นเหตุของปัญหา แต่ต้องดูที่ระบบด้วย เพราะคนเคลื่อนไหวไปตามระบบ ตอนนี้เรื่องสำคัญคือการเมืองการปกครองที่ไม่เป็นธรรม


เผยคิว "แม้ว" ก.ย.บินไปนอก


ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่น ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขา ธิการพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการเลือกตั้งภายหลังพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับในวันที่ 24 ส.ค. ว่า ได้ย้ำกับผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนว่าต้องทำตามกฎหมาย และคิดว่าคนไทยทุกฝ่ายควรจะต้องหันหน้าเข้าหากัน เพราะทุกฝ่ายก็เรียกร้องความสงบจึงควรสมาน ฉันท์เอาไว้ เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีแผนจะลงไปช่วยลูกพรรคหาเสียงหรือไม่ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ในช่วงนั้นนายกฯ จะเดินทางไปต่างประเทศ ตั้งแต่เดือน ก.ย. จะมีการประชุมต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

ที่พรรคไทยรักไทย คณะทำงานฝ่ายกฎหมายและการเมือง นำโดยนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง นายวิรัตน์ ตยางคนนท์ ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายวิชิต กล่าวว่า ภายหลัง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งมีผลใช้บังคับพรรคจึงกำหนดให้มีการสัมมนาฝ่ายกฎหมายประจำตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคทั่วประเทศในช่วงต้นเดือน ก.ย. นี้

โต้ระดมหัวคะแนนชนม็อบ

นายวิรัตน์ กล่าวตอบโต้กรณีพรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งให้อดีต ส.ส. ระดมคนเขตละ 3,000 คนมาชนม็อบในกรุงเทพฯ ว่า ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการสั่งการให้ว่าที่ผู้สมัครเตรียมระดมแกนนำเพื่อเข้ามาอบรมและรับทราบนโยบายพรรคสำหรับนำไปใช้หาเสียงเท่านั้น คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์มักเก่งในเรื่องไม่สร้างสรรค์และทำให้สังคมสับสน

ร.ท.กุเทพ กล่าวเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองเข้าสู่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และขอให้ผู้ที่พยายามจะสร้างสถานการณ์รุนแรง ลอบทำร้าย หรือให้ร้ายผู้นำประเทศ เพื่อต้องการทำลายการเลือกตั้งขอให้หยุดการกระทำ รวมทั้งขอให้พรรคประชาราชยุติการให้ข่าวว่าจะมีการเลื่อนวัน เลือกตั้งออกไป ส่วนกรณีม็อบไล่นายกฯ นั้น ตนคิดว่าผู้นำประเทศควรต้องได้รับเกียรติ ไม่ใช่ไม่ชอบใครก็มาตะโกนด่าโดยไม่คำนึงว่าจะส่งผลถึงเกียรติของผู้นำประเทศในสายตาสังคมโลก


"สมคิด" ยันประชานิยมเจ๋ง


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ บรรยายพิเศษในหัวข้อ "มองอนาคตการลงทุนไทย" ว่า ปัจจุบันมีการลงทุนถึง 7 แสนล้านบาท มีการจ้างงานถึง 4 ล้านตำแหน่ง การส่งออก 3.3 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะถึง 4 ล้านล้านบาทแน่นอน ที่ผ่านมาทุกคนมีส่วนร่วมที่จะพัฒนาและช่วยให้อุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศก้าวหน้า จึงถือว่าเศรษฐกิจไทยผ่านพ้นวิกฤติตกต่ำมาแล้ว

รองนายกฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลพรรคไทยรักไทยไม่ได้หวังนำตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจต่าง ๆ มาเป็นบรรทัดฐาน แต่พรรคไทยรักไทยต้องการให้คนไทยและสังคมไทยเท่าเทียมกัน เป็นสังคมที่มีความสุข เป็นสังคมที่ยั่งยืน รวมถึงเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็งและเกิดความ เชื่อมั่นอยู่ที่การพัฒนาระบบสังคมแบบพอเพียง คนไทยพึ่งตนเองและมีพลัง สร้างรายได้ลดรายจ่าย ความเจริญสู่ชนบท สังคมที่เกื้อกูลกัน สิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายของพรรคที่ได้ดำเนินการมา 4-5 ปี ดังนั้นอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีประชานิยม เพราะประชานิยมของพรรคทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข

"มาร์ค" เสวนาวิชั่นอาเซียน

ที่โรงแรมมูเลีย เสนายัน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเสวนาในหัวข้อ "การคาดคะเนและการตอบสนองต่อวิกฤติการณ์ เราได้รับบทเรียนอะไร และอาเซียนมีความพร้อมหรือไม่ต่อวิกฤติการณ์ครั้งต่อไป" ซึ่งจัดโดยนิตย สาร เอเชีย อิงค์ ว่า การสร้างความเข้มแข็งของอาเซียนต้องสร้างจากรากฐาน ภูมิภาคนี้มีข้อได้เปรียบและจุดแข็งอยู่มาก โดยอาเซียนมีความสามารถในการปรับตัวและฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ในหลาย ๆ ครั้ง แต่ขณะเดียวกันอาเซียนยังไม่สามารถรวมตัวกันอย่างแน่นแฟ้น

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แนวทางสำคัญที่ต้องผลักดัน คือ การสร้างความร่วมมือในระดับประชาชน ทั้งในแง่โอกาสทางเศรษฐกิจ ความสงบเรียบร้อย รวมถึงการมีสังคม และวัฒนธรรมที่หลากหลาย หากทำได้จะเป็น ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับความพึงพอใจจากความร่วมมือของกลุ่มประเทศอาเซียน


ถกผู้นำโชว์กึ๋น "ว่าที่นายกฯ"


นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า พอใจที่ได้เข้าร่วมการประชุมระดับอาเซียน และได้มีโอกาสนำเสนอปัญหา นอกจากนี้ยังได้พบปะผู้นำของอินโดนีเซียและติมอร์ตะวันออก ทำให้ผู้นำทั้งสองประเทศทราบถึงความตั้งใจดีของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียมีแนวคิดพัฒนาประชา ธิปไตยควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สอดคล้องกับแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ที่เน้นพัฒนาการศึกษา การสร้างความสมานฉันท์ และช่วยประชา ชนที่ด้อยโอกาสอย่างมีเป้าหมาย ไม่เป็นภาระในทางเศรษฐกิจ

ส่วนการหารือกับนายกรัฐมนตรีติมอร์ตะวันออกนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเสนอว่าไทยต้องการเข้าไปทำประมงในติมอร์ตะวันออก โดยอาจใช้วิธีการร่วมทุนและแบ่งปัน ผลประโยชน์ ซึ่งนายกฯ ติมอร์ตะวันออกตอบรับว่ามีความเป็นไปได้สูง รวมทั้งธุรกิจก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ไทยมีความเชี่ยวชาญด้วย "คาดว่าไม่ช้าติมอร์ฯ จะเข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งเรายืนยันถึงความร่วมมือสนับสนุนที่จะมีให้กันต่อไปในวันข้างหน้า"

พ.ร.ฎ.มีผล-ไม่โวเรื่อยเปื่อย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า คงต้องดูความเหมาะสมว่าจะนำข้อมูลการหารือดังกล่าวแจ้งต่อรัฐบาลหรือไม่ แต่เบื้องต้นจะประสานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงจาการ์ตา เพื่อแจ้งให้ทราบว่าการทำประมงในติมอร์ตะวันออกนั้นมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ รวมถึงจะแจ้งต่อกระทรวงการต่าง ประเทศ เพราะเป็นหน่วยงานที่สามารถใช้ข้อมูลและโอกาสที่ได้ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ

เมื่อถามว่า การร่วมเวทีระดับนานาชาติจะช่วยลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ไม่เป็นที่รู้จักในเวทีต่างประเทศหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความจริง ต่างประเทศรับรู้บทบาทและการทำงานของพรรคมาโดยตลอด ซึ่งงานนี้ในปี 2547 ก็เคยมาร่วมประชุมแล้วครั้งหนึ่ง ต่อข้อถามว่าจะแสดงวิสัยทัศน์ในเวทีอื่น ๆ อีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูกรอบการเลือกตั้ง เพราะวันที่ 24 ส.ค. ถือว่าพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งมีผลใช้ บังคับแล้ว และคงต้องติดตามการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ด้วย


"ชวน" รอคนภาคอื่นตาสว่าง


นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ระบุว่า พ.ต.ท. ทักษิณ จะลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 และจะพิจารณาเว้นวรรคหรือไม่หลังรู้ผลเลือกตั้งว่า ส่วนตัวไม่เคยสนใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเว้นวรรคหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของพรรคไทยรักไทย แต่ต้องบอกว่าตลอดเวลา 4-5 ปีที่พรรคไทยรักไทยบริหาร บ้านเมืองมีวิกฤติ มีความแตกแยก ปัญหาทุจริตมากมาย

และปัญหาการแทรกแซงข้าราชการจนฝ่ายทหารออกมาพูดพร้อม ๆ กันหลายคน ส่วนการลงสมัครของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงไม่มีผลอะไรต่อพรรคประชาธิปัตย์ แต่เชื่อว่าเมื่อคนภาคอื่น ๆ นอกเหนือจากภาคใต้รู้ความจริงมากขึ้นก็จะทำให้การตัดสินใจของประชาชนเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร

"อยู่ดี ๆ ถ้าทำถูกต้อง ผมไม่คิดว่าใครจะมาไล่ ถ้าทำถูกต้องคงไม่มีใครวิจารณ์มากมาย รัฐบาลทำงานก็ต้องมีปัญหา เพราะปัญหากับรัฐบาลเป็นของคู่กัน แต่ปัญหาต้องไม่เกิดจากรัฐบาลสร้างขึ้น อย่างปัญหาภาคใต้รุนแรงขึ้นเพราะผลพวงความผิดพลาดของรัฐบาล" นายชวน ระบุ

"สุชน" โยน ครม. ชงปิดสภา

ที่รัฐสภา นายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงที่มาของพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมในวันที่ 31 ส.ค. นี้ว่า เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ตนได้ทำเรื่องเสนอ ครม. เพื่อขอให้เสนอร่าง พ.ร.ฎ. เปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 15 ส.ค. และต่อมาวันที่ 9 ส.ค. ตนได้ทำเรื่องขอปิดประชุมสมัยวิสามัญตามไป ส่วนขั้นตอนการทูลเกล้าฯ เป็นหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)

ดังนั้นเมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยกำหนดวันปิดสมัยประชุมมาแล้วก็ขอร้องว่าอย่าวิพากษ์วิจารณ์ ส.ว. ก็ไม่มีสิทธิ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและเป็นอำนาจของ ครม. สำหรับการสรรหา กกต. นี้วุฒิสภาก็ต้องการให้เสร็จเร็ว

ส่วนกรณีคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติและความประพฤติของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต. เป็นห่วงว่าจะเสร็จไม่ทันก่อนปิดสมัยประชุม รักษาการประธานวุฒิสภา กล่าวว่า คณะกมธ.ฯ ได้รับฉันทานุมัติให้พิจารณาไม่เกิน 20 วัน ซึ่งไม่มีใครไปก้าวก่ายได้อยู่แล้ว อย่าไปมองว่าตนไปบีบคณะกมธ.ฯ แต่อยู่ที่ดุลพินิจว่าจะทำให้ทันวันก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 29-30 ส.ค.ได้หรือไม่ ทุกคนต้องชั่งใจ ใช้ความรอบคอบ และทำให้ดีที่สุด ถ้าพ้นกำหนดก็ต้องเริ่มต้นกระบวนการเสนอขอพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมอีกครั้ง


กมธ. ยันทำงานตามกำหนด


นายสุนทร จินดาอินทร์ รักษาการ ส.ว. กำแพงเพชร ในฐานะประธาน กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ เปิดเผยว่า คณะกมธ.ฯ ต้องทำงานไปตามกรอบเวลา 20 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 3 ก.ย. โดยในวันที่ 29 ก.ย. จะเชิญผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็จะทำรายงานเสนอประธานต่อไป ยืนยันว่าคณะกมธ.ฯ จะทำงานให้เร็วและดีที่สุดเพื่อให้ได้ กกต.ที่ดีที่สุดทั้ง ห้าคน ไม่ใช่ทำเร็วแล้วรุ่งริ่ง ส่วนจะทันเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค. หรือไม่นั้นเป็นปัญหาของ กกต.ชุด ใหม่ที่ต้องเข้าไปจัดองคาพยพภายในเพื่อทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างแท้จริง

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ รักษาการ ส.ว.กรุงเทพฯ เลขานุการคณะกมธ.ฯ กล่าวว่า จะเชิญนายรองพล เจริญพันธุ์ เลขาธิการ ครม. มาชี้แจงกรณีระบุว่าวุฒิสภามีหนังสือไปยัง ครม. เพื่อขอ พ.ร.ฎ.ปิดประชุมเมื่อวันที่ 18 ส.ค. เพราะเท่าที่ตรวจสอบกับสำนักประชุม สำนักประธานวุฒิสภา และเลขาธิการวุฒิสภาแล้วได้รับการยืนยันว่าไม่มีหนังสือดังกล่าวออกไปจากวุฒิ สภา เพราะหากเป็นไปตามที่นายรองพลระบุเท่ากับเป็นการบีบเวลาการทำงานของคณะ กมธ.ฯ ให้พิจารณาได้ไม่เกิน 15 วัน ถ้าเป็นจริงตนจะขอลาออกจากตำแหน่งเลขานุการคณะ กมธ.ฯ ด้วย

รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะกมธ.ฯ แจ้งว่า กมธ.ฯ หลายคนได้แสดงความไม่พอใจนายสุชนที่ไม่ยอมแจ้งให้ทราบถึง พ.ร.ฎ.ปิดประชุม และบางส่วนได้เตรียมหามาตรการรองรับหากนายสุชนทำหนังสือนัดประชุมวุฒิสภาในวันที่ 30 ส.ค. เพื่อเลือก กกต.

ปชป.จี้ "สุชน" เคลียร์สังคม

นายจิระสิทธิ์ กุญชร ณ อยุธยา ผอ. สถาบันนิติศาสตร์เพื่อสังคม ยื่นหนังสือต่อนายวัลลภ เพื่อเรียกร้องให้วุฒิสภาตรวจสอบประวัติว่าที่ กกต. เพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง โดยระบุว่า เป็นห่วงวุฒิสภาจะเลือกบุคคลที่มีประวัติด่างพร้อยในชีวิตราชการมาเป็น กกต.

ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้นายสุชนสร้างความกระจ่างให้สังคมรับทราบถึง พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมวุฒิสภา เพราะการกำหนดวันล่วงหน้าเหมือนเป็นการกดดันให้คณะกมธ.ฯ ต้องพิจารณาให้เสร็จก่อน 20 วัน ซึ่งทำให้ดูเหมือนมั่ว ๆ ปิดสมัยประชุม

ส่วน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง คณะทำงานฝ่ายกฎหมายและการเมืองพรรคไทยรักไทย เห็นว่า เมื่อพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค. ก็ขอให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เชื่อว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะมี วิจารณญาณในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามพรรคไม่ขอวิจารณ์ก้าวล่วงกรณีนายสุชนไม่แจ้งวันปิดสมัยประชุมให้รักษาการ ส.ว. ทราบล่วงหน้า


กกต.ไร้หัวเตรียมงานเลือกตั้ง


ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กกต. ว่า ภายหลังพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในวันที่ 15 ต.ค. มีผลใช้บังคับ ซึ่ง กกต. จะต้องกำหนดวันรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อตามมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรม นูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. โดยการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นหน้าที่ของ กกต.กลาง ส่วนการรับสมัคร ส.ส. ระบบเขตเป็นหน้าที่ของ กกต.ประจำจังหวัด

นายสถาพร สันติบุตร รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธานการประชุม ร่วมกับตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาฯ สำนักนายกรัฐมนตรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณา แนวทางปฏิบัติในการรับสมัคร ส.ส. ตลอดจนปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไข หากไม่มีการเลื่อนวันเลือกตั้งหรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ คาดว่าจะสามารถเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อในวันที่ 5-7 ก.ย.นี้ แต่จะเปลี่ยนสถานที่รับสมัครจากสนามศุภชลาศัยไปเป็นอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพ (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง

ศาลฯ รับตีความว่าที่ป.ป.ช.

อีกด้านหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้รับคำร้องของประธานรัฐสภาที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 5 คน ว่าดำรงตำแหน่งอธิบดีหรือเทียบเท่าหรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งหน่วยงานที่บุคคลทั้งห้าสังกัดและสำนักงาน ก.พ.

ชี้แจงเป็นหนังสือภายในวันที่ 4 ก.ย. นี้ จากนั้นคณะตุลาการฯจะประชุมเพื่อกำหนดประเด็นพิจารณา เชื่อว่าจะพิจารณาคำร้องแบบต่อเนื่อง ไม่ล่าช้า และต้องรอดูมติของคณะตุลาการฯ ว่าจะแทรกคำร้องนี้เข้าพิจารณาก่อนคำร้องให้ยุบ 5 พรรคการเมืองหรือไม่ นอกจากนี้ก่อนการพิจารณาคำร้อง นายสุธี สุทธิสมบูรณ์ และ พล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโช ตุลาการฯ ได้ขอถอนตัวจากการพิจารณา เนื่องจากอาจถูกคัดค้านในเรื่องมีส่วนได้เสีย


มท.สั่งผู้ว่าฯ ดูเเลม็อบทั่วปท.


ส่วนความเคลื่อนไหวความวุ่นวายม็อบไล่-ม็อบเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐ มนตรี เปิดศึกวิวาทกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล เช้าวันเดียวกัน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีรายงานข่าวกระทรวงมหาด ไทยทำหนังสือเวียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้สกัดกั้นการชุมนุมต่อต้านนายกฯ ว่า คงไม่ใช่ลักษณะนั้น แต่เป็นการสั่งการในภาพ รวม เพื่อให้ผู้ว่าฯ ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในจังหวัดในฐานะที่เป็นผู้ว่าซีอีโอ

ที่ต้องดูแลการชุมนุมการประท้วงต่าง ๆ ให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และปัญหาอะไรที่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่เข้าใจ หรือยังไม่รู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องทำความเข้าใจ ถือว่าเป็นการซักซ้อมไม่ให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ส่วนการวิจารณ์ว่าเป็นการใช้กฎหมายมาข่มขู่ประชาชนหรือกลุ่มผู้ชุมนุม หรือลิดรอนสิทธิเสรีภาพนั้นคงจะไม่ใช่ เนื่องจากประชาชนทุกคนรู้กฎหมายดี ขอให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย

ยอมตัดนิ้วหากบ้านเมืองสงบ

ที่ จ.พิษณุโลก นายบุญเลิศ เรืองทิม แกนนำกลุ่มสันติประชาธิปไตยเพื่อประชาชน จ.พิษณุโลก พร้อมประชาชนกว่า 500 คน รวมตัวกันที่ลานหน้าพระบรมรูปสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เพื่อทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปเเช่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพวก พร้อมทั้งนำเลือดหมาดำมาเทสาปเเช่งด้วย โดยนายบุญเลิศ ประกาศว่า หากกลุ่มต่อต้านต่าง ๆ หรือนายกรัฐมนตรีเเก้ปัญหาบ้านเมืองให้สงบลงได้ ตนจะยอมตัดนิ้ว 1 นิ้ว เพื่อมอบให้เเก่นายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามกลุ่มจะทำการขัดขวางต่อต้านกลุ่มที่ทำการอันเป็นการขัดต่อระบอบประชาธิปไตยทุกรูปแบบ

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เซ็นทรัลเวิลด์เป็นการประท้วงด้วยการตะโกน หากเจ้าหน้าที่เห็นว่าผิดก็ต้องจับกุมดำเนินการตามกฎหมาย แต่ไม่มีสิทธิที่จะจัดคนเข้ามาเพื่อทำ ร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง การที่ตำรวจระบุว่าจำเป็นต้องดูแลความปลอดภัยของนายกฯ เป็นเรื่องถูกต้อง แต่ต้องไม่ลืมว่าส่วนหนึ่งต้องช่วยดูแลความปลอดภัยประชาชนด้วย อยากเตือนตำรวจว่าการปล่อยปละให้คนทำร้ายประชาชนเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีความผิดตามกฎหมายอาญา และมีอายุ ความถึง 20 ปี


มท.2 แจงโยกย้ายคลองหลอด


อีกเรื่องหนึ่ง นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายสมชาย สุนทรวัฒน์ รมช.มหาดไทย แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ โดยเฉพาะรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีอาวุโสแต่ถูกมองข้ามว่า นายสมชายคงจะไปเจอรองผู้ว่าฯ ที่มีอาวุโส แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งในการพิจารณาแต่งตั้งจะพิจารณา 2 อย่าง คือ เงินเดือนและการครองตำแหน่ง บางคนขึ้นมารับตำแหน่งแล้วแต่เงินเดือนยังน้อยกว่านายอำเภอ ขณะที่บางคนขึ้นมาดำรงตำแหน่งปีแรก แต่ได้รับเงินเดือนมาก เพราะฉะนั้นการพิจารณาแต่งตั้งต้องดูจาก 2 ปัจจัย

รมช.มหาดไทย ยอมรับว่า การแต่งตั้งโยกย้ายทุกครั้งมักมีการวิพากษ์วิจารณ์ตลอดเวลา แต่ถ้าจะให้เกิดความเป็นธรรมต้องพิจารณาจาก 2 ปัจจัยดังกล่าว เมื่อถามว่านายสมชายไม่พอใจถึงขนาดพูดว่าการแต่งตั้งขึ้นอยู่กับว่าเป็นเด็กของใคร นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นคำถามที่ถามปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนก็เจอคำถามแบบนี้เช่นเดียวกัน แต่พอมีความรู้เก่าจึงชี้แจงได้

จเรทหารยันการเมืองล้วงลูก

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.มนตรี ศุภาพร จเรทหารทั่วไป กระทรวงกลาโหม ออกแถลงการณ์ชี้แจงสื่อมวลชน กรณีให้สัมภาษณ์เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ว่ามีการแทรกแซงทางการเมือง เนื้อหาโดยรวมระบุว่า จเรทหารฯ ได้รับการร้องเรียนเรื่องการเมืองแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายทหารหลายระดับและมีหลักฐานที่ชัดเจน

จึงเป็นหน้าที่ของตัวเองที่ต้อง ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจปัญหาของกองทัพ เนื่องจากพฤติการณ์ดังกล่าวทำให้ขวัญกำลังใจของทหารตกต่ำ หากปล่อยไว้ต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อกองทัพ นอกจากนี้การให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เพื่อปรามนักการเมืองและกำลังพลจำนวนหนึ่งที่กำลังวิ่งเต้นให้หยุดพฤติกรรม พร้อมกันนี้ พล.อ.มนตรี ได้ยืนยันในแถลงการณ์ด้วยว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในขบวนการต่อต้านการเมืองใดทั้งสิ้น.


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์