เยาวเรศชี้เลือกล่วงหน้าสกลฯไม่ปกติทักษิณโฟนอินช่วย

คมชัดลึก :รัฐมนตรี , ส.ส.พรรคภูมิใจไทยเดินหน้าช่วย “พิทักษ์” หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สกลนคร เขต 3 เปลี่ยนกำหนดการไม่ให้ชน “เพื่อไทย” กันเสื้อแดงป่วน อธิบดี พช., สถ.ร่วมสังเกตการณ์ "เนวิน" ดอดสังเกตการณ์จับผิด พท. “ชวรัตน์” ย้ำไม่เคยให้ ขรก.ช่วย โวกระแสตอบรับดี แต่แหยงสวมหมวกสองใบไม่กล้าเวทีปราศรัยไทย "สาทิตย์" ปัดล็อบบี้ทีวีแบนงานดาราร่วมเวทีเสื้อแดง


(19 มิ.ย.) นางเยาวเรศ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างการช่วยผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.จังหวัดสกลนคร พรรคเพื่อไทย หาเสียง ที่วัดทุ่งมนศิริพลเรือน อำเภอเจริญศิลป์ ว่า มีความรู้สึกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ค่อยปกติ มีความชอบมาพากล เนื่องจากการเลือกตั้งล่วงหน้ามีจำนวนผู้มาใช้สิทธิสูงผิดปกติ แม้ว่าตนจะเป็นน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่ได้มาเป็นตัวแทน มาในฐานะผู้หญิงด้วยกัน จากการลงพื้นที่เห็นว่าได้รับเสียงตอบรับดีมาก ชาวอีสานยังคงคิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้พูดฝากอะไรเป็นพิเศษ ก็คุยกันตามปกติ ส่วนตัวไม่ลงเล่นการเมือง แต่อาจจะเกี่ยวข้องกับการเมืองบ้าง

 สำหรับบรรยากาศการหาเสียงนั้น ได้มีกลุ่ม ส.ส.หญิง พรรคเพื่อไทย และอดีต ส.ส.ของพรรคไทยรักไทย นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย มาช่วยหาเสียงด้วย ซึ่งนายพร้อมพงศ์ ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก

"ทักษิณ"โฟนอินสกลนคร ฝากดูแลผู้สมัครเพื่อไทย

ขณะที่พื้นที่ ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดน จ.สกลนคร มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปช่วยผู้สมัครพรรคเพื่อไทยหาเสียง พร้อมเปิดเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลควบคู่ไป ที่ลานวัดสว่างภูมิดล ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน โดยมีแกนนำ นปช.มาร่วมปราศรัย อาทิ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง

ต่อมาเมื่อเวลา 17.20 น.ได้มีการต่อสายโทรศัพท์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเนื้อหากล่าวถึงความคิดถึงที่มีต่อคนอีสาน รวมถึงสถานที่ต่างๆ และร้านอาหารในจังหวัดสกลนครที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยมาชิม ก่อนจะฝากให้ประชาชนช่วยดูแลผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ระบุชื่อ พร้อมบอกว่าหากชนะการเลือกตั้งเขาจะกลับมา ซึ่งใช้เวลาการพูดคุยประมาณ 20 นาที

ภท.ขนลูกพรรคช่วย "พิทักษ์" หาเสียงเลือกตั้งสกลฯ

บรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สกลนคร เขต 3 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคได้ส่งนายพิทักษ์ จันทศรี อดีตรองประธานองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ลงสมัคร ซึ่งได้หมายเลข 1 ในการลงสมัคร ว่า วันนี้ (19 มิ.ย.) เมื่อเวลา 06.30 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรมว.มหาดไทย เดินทางมาถึงยังสนามบินอุดรธานี พร้อมกับนางพรทิวา นาคาศัย เลขาธิการพรรค และรมว.พาณิชย์ , นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม โดยแวะรับประทานอาหารเช้า

 ก่อนที่จะออกเดินทางไปยัง อ.ส่องดาว จ.สกลนคร เพื่อลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ซึ่งกำหนดการเดิม จะมีการลงพื้นที่ อ.สว่างแดนดิน ในเวลา 08.30 น. แต่เนื่องจากมีข้อมูลว่า พรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่หาเสียงในเขตเดียวกัน ทางพรรคภูมิใจไทย จึงเปลี่ยนแปลงกำหนดการเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกัน เนื่องจากเชื่อว่าการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาร่วมเดินขบวนด้วย ทีมงานจึงได้จัดให้มีการเดินหาเสียงที่บริเวณตลาดและเทศบาล ต.ส่องดาวแทน ขณะที่การลงพื้นที่หาเสียงในครั้งนี้ พบว่า นายมานิต วัฒนเสน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) นายไพรัตน์ สกลพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน (พ.ช.) มาร่วมสังเกตการในระหว่างการหาเสียงในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ยังมีรถตู้ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน แต่ที่ด้านหน้ากระจกรถมีบัตรผ่านประตู ตรากระทรวงมหาดไทย ขณะที่ประตูด้านหน้ามีสติ๊กเกอร์รูปหมีพูห์ แปะทับตรากระทรวงมหาดไทยไว้

 โดยการหาเสียง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. ที่ร้านอาหารอุ้ยแหลว ต.ส่องดาว อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ซึ่งเป็นร้านของนายธงชัย ไชยรบ นายกเทศบาลตำบลส่องดาว ว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย โดยทีมงานของพรรคได้จัดปราศรัยย่อย มีชาวบ้านประมาณ 100 คนสนใจมาร่วมฟัง ขณะที่ตลาดเทศบาลตำบลส่องดาว ที่ห่างจากจุดปราศรัยของพรรคภูมิใจไทย ประมาณ 100 เมตร พบว่ามีกลุ่มเสื้อแดง สวมเสื้อมีข้อความว่า “แดงทั้งแผ่นดิน” ประมาณ 20 คน มายืนสังเกตการด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอย่างใกล้ชิด จากนั้นเวลา 10.20 น. นายชวรัตน์ หัวหน้าพรรค นางพรทิวา เลขาธิการพรรค นายโสภณ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรค และ รมช.มหาดไทย นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม และ นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางมาถึง ขณะที่นายมานิต นพอมรวดี รมช.สาธารณสุข เดินทางล่วงหน้ามารอและนั่งคุยกับชาวบ้านอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นนายชวรัตน์ จึงนำทีมเดินพบปะชาวบ้านแบบถึงตัว พร้อมทั้งแจกใบปลิวพรรค ซึ่งระหว่างนั้นมีชาวบ้าน เข้ามอบหมวกสานให้กับนางพรทิวา และขอถ่ายรูปคู่ด้วย

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเดินหาเสียงก่อนที่จะเดินไปถึงตลาด ตำรวจได้เคลียร์กลุ่มเสื้อแดงที่อยู่ก่อนหน้าออกไปจากพื้นที่แล้ว ทีมงานของพรรคภูมิใจไทยจึงได้เดินแจกใบปลิวตามบ้าน โดยทีมงานต้องพานายชวรัตน์เข้าหาชาวบ้าน เนื่องจากนายชวรัตน์ ไม่เคยลงพื้นที่หาเสียงมาก่อน ซึ่งนายชวรัตน์เพียงแต่ยิ้มให้กับชาวบ้านและแจกใบปลิวให้ โดยไม่ได้พูดอะไร ทั้งนี้ นายชวรัตน์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ ของพรรค ก็ได้เดินเข้าหาเสียงกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิด
 
 ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างทางเดินหาเสียง ปรากฏว่านายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย ได้ผ่านมายังจุดที่ นายชวรัตน์ พาลูกทีมหาเสียง ซึ่งก่อนหน้านั้น นายเนวินได้ไปสังเกตการการปราศรัยของพรรคเพื่อไทยมาก่อนแล้ว จากนั้นคณะหาเสียงได้เดินไปยังอาคารสำนักงานเทศบาลตำบลส่องดาว และรัฐมนตรีในโควต้าของกลุ่มเพื่อนเนวิน ได้ขึ้นไปหารือกันบนชั้น 2 ของอาคาร มีเพียงนางพรทิวา และนายมานิต กลุ่มมัชฌิมา ยื่นรออยู่ด้านล่าง

 อย่างไรก็ดี ขณะที่พรรคภูมิใจไทย อยู่ที่เทศบาลตำบลส่องดาว ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยอยู่ที่วัดป่าโน่นสะอาด ซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึง 200 เมตร รถหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยจึงได้เปิดเครื่องขยายเสียงหันไปทางเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยด้วย

 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับกำหนดการหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย นั้น ในวันที่ 20 มิ.ย.จะลงพื้นที่หาเสียงที่ อ.บ้านม่วง อ.เจริญศิลป์ อ.คำตากล้า อีกในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งซ่อม 21 มิ.ย. ซึ่งพรรคจะนำนโยบาย 1 หมู่บ้าน 1 ลานกีฬา , 1 สถานีอนามัย 1 รถพยาบาล , 1 ตำบล 1 ทุนเรียนแพทย์, 1 ตำบล 1 ชลประทาน, ถนนปลอดฝุ่น, กองทุนยังชีพฉุกเฉินสำหรับอาชีพอิสระ, อาหารกลางวันนักเรียนฟรี มาใช้หาเสียงด้วย

“ชวรัตน์”ย้ำไม่เคยให้ขรก.ช่วยหาเสียง
 
 นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการลงพื้นที่หาเสียงในเขต อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ว่า ดูจากที่ได้ไปเยี่ยมเยียนชาวบ้าน ถือว่ากระแสของพรรคเป็นที่น่าพอใจ ชาวบ้านก็อยากเลือกพรรคใหม่ และเราก็มีสโลแกนในการโฆษณา ชักชวนคนหนุ่มสาวที่มีพลังกาย พลังใจมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจากการลงพื้นที่ตนคาดว่าคะแนนเสียงสนับสนุนน่าจะเกิน 50 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งตนค่อนข้างมั่นใจว่าจะสูงกว่าพรรคเพื่อไทย แต่คะแนนคงไม่ทิ้งขาดลอย

 เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่จะมีการปรับยุทธศาสตร์อีกหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ต้องขยันขึ้น และเจาะพื้นที่ให้มากกว่าเดิม ส่วนสาเหตุที่ตนไม่ได้ปราศรัยใหญ่นั้น เพราะพรรคเคยมีการปราศรัยหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้มาเป็นเดือน

 เมื่อถามว่าหากหัวหน้าพรรคไม่ได้ขึ้นปราศรัยจะมีผลต่อคะแนนนิยมหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะแล้วแต่กลยุทธ์ของแต่ละพรรค เมื่อถามว่าสาเหตุที่ไม่ได้ขึ้นปราศรัยเพราะสวมหมวกสองใบหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้งได้พูดไว้ว่าไม่ห้ามแต่ให้ผู้แทน หรือผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหาเสียง

 เมื่อถามว่ามีการโจมตีว่าพรรคภูมิใจไทยใช้กลไกกระทรวงมหาดไทยให้ข้าราชการช่วยหาเสียง นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่เหมาะสมในการนำข้าราชการมาช่วยพรรคใดพรรคหนึ่ง ข้าราชการเป็นคนของรัฐไม่ใช่คนของพรรค

 เมื่อถามว่าจะมีการจับตาอะไรเป็นพิเศษในคืนก่อนวันเลือกตั้ง นายชวรัตน์ กล่าวว่า “ผมไม่ทราบเพราะผมไม่มีประสบการเรื่องคืนหมาหอน” เมื่อถามว่าปัจจัยอะไรที่จะทำให้พรรคเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ นายชวรัตน์ กล่าวว่า พรรคชูนโยบาย 9 ข้อ โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง

 ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ถ้าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยแพ้ ทางพรรคต้องกลับมาวิเคราะห์ว่า เรามีข้อบกพร่องจุดไหน หรือประชาชนไม่เข้าใจนโยบายของพรรคภูมิใจไทยเรื่องใดบ้าง หรือชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นจุดขายได้อยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันนี้ ยังไม่มีการนับคะแนน ก็เชื่อว่ากระแสของพรรคก็น่าจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งนี้ บรรยากาศในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย มีการใส่ร้ายป้ายสีพรรคภูมิใจไทยมากเกินไป แต่ปัญหาที่ตนกังวลที่สุด คือการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนที่สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย กับกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้น อยากขอร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงกลับฐานที่มั่น และให้ประชาชนสกลนครตัดสินใจในการเลือกตั้งเองดีกว่า และขอให้ กกต.ดูแลการเลือกตั้งให้เต็มที่ ไม่ให้เกิดการทุจริต

ภท.วางตัวส.ส.คุมพื้นที่เลือกตั้งสกลฯ

ขณะเดียวกันพรรคภูมิใจไทยได้แบ่งพื้นที่ในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.สกลนคร โดยไม่มีการปราศรัยใหญ่เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ให้รัฐมนตรีที่เป็นกรรมการบริหารพรรคขึ้นเวทีปราศรัย แต่มีการแบ่งจุดให้รับผิดชอบ โดยนายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น รับผิดชอบอำเภอเจริญศิลป์ นายศุภชัย โพธิสุ รมช.เกษตรฯ รับผิดชอบอำเภอบ้านม่วง นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม รับผิดชอบอำเภอส่องดาว นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย รับผิดชอบอำเภอสว่างแดนดิน และนายสุชาติ โชคชัยวัฒนาการ ส.ส.มหาสารคาม รับผิดชอบอำเภอคำตะกล้า โดยมีการตั้งเป้าให้ส.ส.แต่ละคนทำคะแนนในพื้นที่ให้มากที่สุดเพื่อเอาชนะพรรคเพื่อไทยให้ได้

"สาทิตย์"ปัดล็อบบี้ทีวีแบนงานดาราร่วมเวทีเสื้อแดง

 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเมธี อมรวุฒิกุล อายุ 38 ปี ดารานักแสดง ถูกออกหมายจับกรณีร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุนายสาทิตย์ ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ให้พิจารณาดาราไปร่วมขึ้นเวทีเสื้อแดง ว่า เห็นข่าวแล้วแปลกใจ เพราะไม่รู้จักดาราคนนี้ และไม่ทราบว่านายเมธีมีหมายจับในคดีดังกล่าว ที่สำคัญตนหรือรัฐบาล ไม่ได้ทำหนังสือเพื่อขอความร่วมมือจากสื่อต่าง ๆ อย่างที่เป็นข่าว เพราะไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องทำ และไม่ว่าจะเป็นดาราหรือบุคคลอาชีพใด ก็มีสิทธิเคลื่อนไหวทางการเมือง ตามกรอบของกฎหมาย แต่ถ้าไปทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปดำเนินการ

 “รัฐบาลไม่ต้องการไปกลั่นแกล้งใคร กรณีคงเป็นการเข้าใจผิดและอาจเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แต่การพูดเช่นนี้ก็ทำให้ผมเสียหาย แต่คงไม่ฟ้องร้อง เพียงแต่อยากให้เข้าใจว่าไม่ได้มีการไปสั่งการ หรือขอร้องอะไร นายเมธีคงพูดออกมาจากความรู้สึก ไม่ได้พูดมาจากข้อเท็จจริง อาจจะมีใครไปให้ข้อมูลที่ผิดพลาดก็ได้” นายสาทิตย์ กล่าว

นายกฯเปิดงาน"ประชุมเมืองไทยภูมิใจช่วยชาติ"

เมื่อเวลา 14.45 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ” และกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "ประชุมเมืองไทย ช่วยสร้างเศรษฐกิจชาติ" ซึ่งจัดโดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เพื่อขานรับนโยบายของรัฐบาลให้จัดการประชุมในเมืองไทยเพื่อ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมธุรกิจการจัดการประชุมและการท่องเที่ยว

 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณสสปน. ที่มีความคิดจัดโครงการเช่นนี้ขึ้น เป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันนโยบายรัฐบาลเพื่อบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจ สู่การพัฒนาของประเทศที่ยั่งยืนต่อไป

 อย่างไรก็ตาม วิกฤติการณ์เศรษฐกิจครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เกิดจากภายนอก จากระบบสถาบันการเงินในอเมริกาที่ลุกลามไปทั่วโลก แม้วิกฤติจะคลายลงไปและมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ผลกระทบเรื่องของการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ในภูมิภาคเอเชีย เอเชียตะวันออกเฉียงได้และประเทศไทยยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลขทางเศรษฐกิจเราติดลบในไตรมาสแรก อีกทั้งภาครัฐเองก็จัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าเป้าถึง 2 แสนล้านบาท จึงมีผลกระทบต่อเนื่องในเรื่องของการจ้างงาน

 ดังนั้น ในช่วงแรกที่รัฐบาลได้เข้ามา จึงได้เร่งผลักดันโยบายต่างและจัดงบฯกลางปี งบเพิ่มเติม เพื่อช่วยประชาชนผ่านโครงการต่าง ๆ เช่นการดูแลคนตกงาน โครงการช่วยพยุงฐานะของประชาชน ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ปกครอง ผ่านหลายโครงการ

 “แต่สิ่งหนึ่งเราได้ตระหนักตั้งแต่ต้น ผลกระทบที่มีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญมาตลอด ที่ทำรายได้เข้าประเทศมากมายมหาศาล และยังมีธุรกิจที่ต่อเนื่อง โรงแรมร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก การเดินทาง ที่สำคัญการท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่จ้างงานคนจำนวนมาก ไม่ได้มีสัดส่วนเรื่องของการใช้ทรัพยากรนำเข้า ดังนั้นเมื่อได้รับผลกระทบที่รุนแรงจึงส่งผลกระทบรุนแรงด้วย”นายกรัฐมนตรี กล่าว
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลเข้ามาจึงได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่จะช่วยได้คือส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยทำกิจกรรมในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะภาคราชการขอให้ปรับแผนเรื่องของการจัดการประชุมสัมมนา อบรมมาทำในประเทศให้มากที่สุด และต้องการที่จะให้การทำเช่นนี้กระจายเรื่องของระยะไม่กระจุกตัว ไม่ใช่แค่ช่วงปลายปีงบประมาณฯเท่านั้น และนอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการลดหย่อนภาษีให้กับภาคเอกชนที่จัดอบรมสัมมนาในประเทศด้วย

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากการดำเนินการส่วนนี้แล้ว ยังมีนโยบายเฉพาะในการสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะภายหลังเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศให้การฟื้นฟูการท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อระดมฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนการท่องเที่ยว ดังนั้น การที่คิดโครงการนี้เป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้วย และมีส่วนสำคัญในการที่จะทำให้สังคมตื่นตัวมาก ในด้านศักยภาพของเมืองไทยในการจัดกิจกรรมทั้งหลาย

 “สิ่งที่มีอยู่ในประเทศของเรา โดยเฉพาะธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะประเพณีวัฒนธรรม และอุปนิสัยใจคอเป็นทุนที่มีคุณค่ามหาศาล หากเรารู้จักดึงออกมาใช้ให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งรัฐบาลยังมุ่งเน้นความหลากหลายในกิจกรรมที่ยั่งยืน อาทิ การรักษาธรรมชาติ การกระตุ้นให้มีการท่องเที่ยวแนวใหม่ในเชิงอนุรักษ์ สิ่งเหล่านี้จะมีส่วนส่งเสริมให้การท่องเที่ยวมีการขยายตัวไปได้ จากนี้ไปงานที่สสปน.จะเดินการจะต้องได้รับการตอบสนองจากภาครัฐและเอกชนจึงจะประสบความสำเร็จได้ และรัฐบาลจะหามาตรการอื่น ๆ มาส่งเสริม อาทิการหาวันหยุด เพราะช่วงใดที่มีวันหยุดยาวก็เอื้อให้มีการกิจกรรมต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อไป”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมเป็นเจ้าภาพปฏิรูปประเทศ

 ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่ อาคารศูนย์ศึกษาสาทรธานี มหาวิทยาลัยรังสิต คณะเศรษฐศาสตร์ และศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับหนังสือพิมพ์มติชน สถานีวิทยุ อสมท. และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง “ก้าวข้ามวิกฤตด้วยการปฏิรูปประเทศไทย” มี นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิป) รัฐบาล พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา นายคณิน บุญสุวรรณ คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการใหญ่ ธ.ก.ส. นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมสัมมนา

 ทั้งนี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่า ควรให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพ ในการปฏิรูปประเทศไทย และเสนอให้ตั้งสภาปฏิรูปประเทศไทย เพื่อปฏิรูปประเทศ และร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับสมานฉันท์ โดยต้องปฏิรูปคนและปฏิรูประบบ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อมุ่งเน้นประโยชน์ของนักการเมือง ไม่สามารถทำให้ก้าวพ้นวิกฤติไปได้

 นอกจากนี้ ยังเห็นว่า โครงสร้างทางอำนาจ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง พร้อมยกกรณีล่าสุด ที่ กกต.วินิจฉัยให้ ส.ว. 17 คน พ้นสมาชิกภาพ เนื่องจากถือหุ้นในกิจการสื่อสาร และกิจการของรัฐ และยังจะมีการพิจารณากรณีของ ส.ส.ตามมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล อาจจะมีการยุบสภ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์