บทวิเคราะห์: 6 เงื่อนไขปิดล้อม´ทักษิณ´ ทุกแนวรบ

กรุงเทพธุรกิจ

17 สิงหาคม 2549 18:51 น.
การออกอาการ อารมณ์ คำพูด ไม่อยู่กับร่องกับรอย ของ"ทักษิณ" เพราะเขารู้ว่ากำลังตกในแนวรบที่ถูกปิดล้อมเกือบทุกด้าน ต้องคอยดูว่าเขาจะแหวกไปได้อย่างไร เพราะยุทธศาสตร์ฝ่ายตรงข้ามคือ"สยบ" ไม่ยอมให้เป็น"เสือติดปีก" มีเงิน พร้อมอำนาจทางการเมืองอีกต่อไป

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : * ประชุม ประทีป
-------------------
จับอาการ อารมณ์ คำพูด ไม่อยู่กับร่องกับรอยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงสองสัปดาห์แห่งการทัวร์นกขมิ้น ครม.สัญจร ภาคอีสาน และภาคเหนือ เต็มไปด้วยความสับสน กังวล ขุ่นเคือง และครุ่นแค้น เหตุเพราะว่า ขณะนี้แนวรบทุกด้านกำลังถูกปิดล้อม

แนวรบที่หนึ่ง แนวรบภายในพรรคไทยรักไทย นับแต่ เสนาะ เทียนทอง เสี้ยนหนามออกไป แต่มุ้ง,วัง ที่ยังอยู่ก็เป็นที่ระแวงของ"ทักษิณ" อย่างสูง กระทั่ง เปิดเกมสั่งให้จัดทำบัญชีให้คนเหล่านั้นไปอยู่ในบัญชีที่ 2 ของพรรค คือมีสิทธิ์เป็นรัฐมนตรี แต่ไม่มีสิทธิ์ลง ส.ส. หวังสกัดกั้นการแปรพักตร์ จะตีจากไปอยู่พรรคอื่น แม้ว่าจะมีการเลื่อนวันเลือกตั้งจาก 15 ตุลาคมนี้ ก็ตาม

จากคลื่นใต้น้ำ ก็เป็นคลื่นผิวน้ำและระลอกสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยบทของ พินิจ จารุสมบัติ หัวหน้าวังพญานาค ที่ประกาศจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี ขอเป็นแค่ ส.ส. และโยนหินถามทางให้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ว่าจะวางมือทางการเมือง

สำหรับบทนิ่มๆ ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้าวังน้ำยม ยิ่งน่าไม่ไว้วางใจสำหรับ"ทักษิณ" ต่อหน้าไม่มีขัดข้อง ให้สัมภาษณ์สื่อไม่มีเงื่อนไขในพรรค และจะดำเนินงานตามนโยบายของพรรคก็ตาม

แต่นี่คือการเปิดฉากกดดัน "ทักษิณ" นั่นเอง

แนวรบที่สอง อันเนื่องจากการปล่อยข่าว สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะวางมือการเมือง ทางภาคธุรกิจต่างออกมาแสดงความรู้สึกเสียดาย ซึ่งส่งแรงกดดันไปถึง"ทักษิณ" ด้วย

ถามว่าในภาวะ "คนในอยากออก คนนอกไม่อยากเข้า" เช่นนี้ พรรคไทยรักไทยจะมีใครอยู่ในบัญชีรัฐมนตรี พอเป็นหน้าตา และสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจได้แค่ไหน

แนวรบที่สาม คือคดีที่ วิลเลียม ไลล์ มอนซัน ชาวอเมริกัน อดีตหุ้นส่วน "ทักษิณ-พจมาน" ร่วมทุนธุรกิจเคเบิลทีวี "ไอบีซี" ตั้งแต่ปี 2530 ได้ยื่นฟ้องกลับข้อหาแจ้งความเท็จ หลังจากชนะคดีแพ่ง และศาลอาญาประทับรับฟ้อง พร้อมนัดไต่สวนนัดแรก วันที่ 19 มิ.ย.49 และจะพิจารณาคดีอีก วันที่ 18 , 25 กันยายน และ 2, 9 ตุลาคม จากนั้นจะพิพากษาตัดสินวันที่ 16 ตุลาคมนี้ หากมีความผิดจริง มีโทษสูงสุดคือจำคุกถึง 7 ปี

แนวรบที่สี่ นอกจาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ไล่ตรวจสอบการเสียภาษีย้อนหลังของครอบครัวชินวัตร ที่ขายหุ้นชินคอร์ป มูลค่า 7.3 หมื่นล้านบาท และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ไฟเขียวให้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบส่วนโครงสร้างหุ้น บริษัท กุหลาบแก้ว ที่เข้ามาซื้อหุ้น บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ฯ สัดส่วน 41.1% ก่อนที่บริษัท ซีดาร์ จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น และพยายามจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ เพื่อเลี่ยงหลบกฎหมาย

แต่นักกฎหมายฟันธงว่า ความผิดได้สำเร็จแล้ว จึงมีมูลเข้าข่ายความผิด มาตรา 36 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หากผลลัพธ์ออกมาผิด จะสะเทือนฐานการเงินของพรรคไทยรักไทยอย่างแน่นอน

แนวรบที่ห้า การเกิดของ กกต.ชุดใหม่ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ และรื้อโครงสร้างอำนาจ กกต.ส่วนกลาง และกกต.จังหวัดใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะกระทบต่อพรรคไทยรักไทยอย่างแน่นอน เป็นต้นว่า อาจมีคนย้ายพรรคทัน 90 วัน

แนวรบที่หก ฐานมวลชนที่ยกระดับความคิดทางการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พปป.) ที่ปรับกลยุทธ์จัดหน่วยจรยุทธ์ในพื้นที่ ต้านการลงพื้นที่ของ"ทักษิณ" ทุกหนทุกแห่ง ทำให้ใจเสีย และจัดมวลชนมาขัดขวาง ภาพก็ออกมาไม่สวย

เครือข่ายภาคประชาชนต่างๆ ก็ใช้มาตรการประชาลงทัณฑ์ (โซเชี่ยล แซงชั่น) กระหนาบทักษิณ ทุกทาง ในสื่อ ในเว็บไซต์ และเปิดเวทีเสวนาวิชาการตัดกำลังด้วย

ที่น่าแหยง คือการเคลื่อนไหวของทหาร ที่รับรู้กันว่าได้ไฟเขียวจาก และรับสัญญาณจากผู้มากบารมี ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า ศึกนี้ต้องสกัด"ทักษิณ" ไม่ให้อ้างเสียงประชาชนจากการเลือกตั้งอีก

มองทางสู้ของ "ทักษิณ" แม้ปากจะอ้างสมานฉันท์ แต่วิธีการกลับดำเนินไปตามการชี้นำของกุนซือสายบู๊มาตลอด นอกจากเดินสายเข้าหาคนรากหญ้า เพื่อปลุกใจนาย ปลอบใจตัวเองแล้ว ข่าวการแทรกแซงเพื่อบล็อกโหวตเลือกกกต. และ ป.ป.ช. จะจริงหรือไม่จริงไม่รู้ แต่เป้าวิจารณ์คือรัฐบาลรักษาการอย่างช่วยไม่ได้

ยิ่งล่าสุด ลิ่วล้ออย่าง เทพพนม ศิริวิทยารักษ์ ในนามประธานเครือข่ายประชาชนภาคอีสานพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจกองปราบปราม ให้ดำเนินคดี คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

โดยอ้างว่าเชิญเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร 5 คน ไปให้คำชี้แจงกรณีการเสียภาษี ของบริษัทแอมเพิลริชฯ ขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปฯ ให้กับลูกๆ ของ"ทักษิณ" ก็เสียหายทางการเมือง

หากจะสู้ นอกจากชูตัวเองเป็นเบอร์ 1 ปาร์ตี้ลิสต์ แล้วจะยังต้องหาตัวชูโรงใหม่ๆ ให้ได้ครบ และเข้าตาพอจะกลบภาพลบของตัวเองที่สร้างไว้ ให้ภาคธุรกิจยอมรับให้ได้

ต้องคอยดูว่า "ทักษิณ" จะแหวกวงปิดล้อมนี้ไปได้อย่างไร เพราะยุทธวิธีครั้งนี้คือ ปิดล้อมทุกแนวรบ

เพื่อบรรลุยุทธศาสตร์คือ "สยบทักษิณ" ไม่ยอมให้เป็น"เสือติดปีก" มีเงิน พร้อมอำนาจทางการเมืองอีกต่อไป

แต่จะต้องทำให้เขาเป็น "เสือลำบาก" ในกับดักวงล้อม ที่ยากจะหนี นอกจากยอมถอย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์