อภิสิทธิ์ชี้มีคนอยากป่วนเมืองมิ.ย.เริ่มอีก

คมชัดลึก :"อภิสิทธิ์"บอกมีคนพยายามทำให้บ้านเมืองไม่สงบ เดือนหน้าเตรียมเคลื่อนไหวอีกรอบ วอนทุกฝ่ายแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ในกรอบของกฎหมาย อย่าให้ความรุนแรงกระทบกับภาพลักษณ์ของบ้านเมือง


ที่โรงแรมพลาซ่าเอทธานี เมื่อเวลา 12.45 น.วันที่ 29 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาหัวข้อเรื่อง “มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นักธุรกิจจะช่วยได้อย่างไร” ซึ่งสมาคมส่งเสริมสถาบันบริษัทไทยจัดขึ้น โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวในช่วงหนึ่งว่า สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่นั้น เป็นการสร้างความมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้น การทำงานของภาครัฐและเอกชน จะต้องทำงานเสริมซึ่งกันและกัน ถ้าไปคิดแทนกันเมื่อไหร่ ก็จะทำให้เกิดปัญหาและไปไม่รอด

 อย่างไรก็ตาม วิกฤติเศรษกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถ้ามองในแง่บวก ก็โชคดีว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้มาจากปัญหาภายในประเทศของเรา แต่หลายคนก็อาจหงุดหงิดว่า ทำไมจึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเรา แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรายังคงต้องเดินนโยบายเศรษฐกิจแบบเปิดเช่นเดิม รัฐบาลได้วางแนวนโยบายในการแก้ปัญหาด้วยโครงการการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มรายได้และการใช้จ่ายในประเทศ เพื่อชดเชยการสูญเสีย ในเรื่องการส่งออกและการท่องเที่ยว

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นักธุรกิจทุกคน สามารถช่วยสร้างบรรยากาศของบ้านเมืองได้ และช่วยกันทำให้ประชาชนเห็นว่า ถ้าบ้านเมืองสงบเรียบร้อย โอกาสที่เราจะสามารถฟันฝ่าวิกฤติได้ก็จะค่อนข้างเร็ว คนจะได้ไม่ตกงานมาก และยังมีโอกาสใหม่ ๆ อยู่ข้างหน้า

 "วันนี้ ดูบ้านเมืองค่อนข้างสงบ แต่บอกได้ว่า คนที่ไม่ต้องการให้เกิดความสงบ ยังมีอยู่ และยังทำงานอยู่ ในเดือนหน้า (มิ.ย.) จะเริ่มต้นเห็นความพยายามอีกครั้งหนึ่ง อยากให้ทุกคนช่วยกัน ไม่ใช่ช่วยรัฐบาลหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ช่วยเรียกร้องความสงบให้กับประเทศเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ ผมบอกมาตลอดว่า ใครที่ไม่เห็นด้วยกับผม อยากวิพากษ์วิจารณ์ผม หรือรัฐบาล ก็ทำได้เต็มที่ แต่อย่าทำผิดกฎหมาย และอย่าใช้ความรุนแรง เพราะกระทบกับภาพลักษณ์ของบ้านเมือง ถ้าประท้วงชุมนุมโดยสงบไม่มีปัญหา จะอธิบายกับประเทศไหนก็ทำได้ง่าย และเป็นการบอกด้วยว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ถ้าชุมนุมแล้วทำผิดกฎหมายเผาบ้านเผาเมืองอย่างนี้ชี้แจงใครไม่ได้"นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า

 หากมีใครคิดจะไปสนับสนุน ให้คนทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเขามีหลักฐานก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ทุกคนมีส่วนร่วมที่จะตัดสินใจว่าจะทำอะไรอย่างไร

 ตอนท้ายนายอภิสิทธิ์ ได้ตอบข้อซักถามของนักธุรกิจรายหนึ่ง ที่ถามว่า จะแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างไร และจะให้นักธุรกิจอธิบายได้อย่างไรว่า ต้องอธิบายโดยอ้างอิงความเป็นจริง และเราต้องยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งส่วนหนึ่งของปัญหาการเมืองใน 4-5 ปี ที่ผ่านมา เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความแตกแยก ซึ่งรัฐบาลก็ต้องการที่จะให้กระบวนการในการหาข้อยุติ ในความเห็นที่แตกต่างผ่านกระบวนการของสภา โดยให้ฝ่ายต่าง ๆ เข้ามาร่วม ซึ่งเขาได้เน้นย้ำว่า กรรมการต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม

 นอกจากนี้บรรดานักธุรกิจยังสามารถยืนยันได้ว่า โดยอุปนิสัยพื้นฐานของคนไทยเรา ไม่ใช่คนที่ชอบความรุนแรง และตรงนี้คิดว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่เขาสำรวจมาว่า ผู้ที่จะต้องโทษมากที่สุดตรงนี้ คือกลุ่มนักการเมือง เพราะนักการเมืองเข้าไปมีส่วนสำคัญ ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น

 "อย่างเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีกำนันรายหนึ่งที่เข้าร่วมประชุมสัมนาที่รัฐสภา ก็ได้พูดชัดเจนว่า ความจริงพวกเขาไม่จำเป็นต้องมาฟังเรื่องการสมานฉันท์ เพราะชาวบ้านเขาไม่อยากทะเลาะกันอยู่แล้ว แต่ขอถามว่า แล้วเมื่อไหร่นักการเมืองจะหยุดเอาประชาชนมาทะเลาะกัน ก็เป็นสิ่งที่ผมคิดว่า ถ้าเราช่วยกันบอกว่า ขณะนี้มีการรณรงค์จากหลายฝ่ายที่จะปลุกและดึงเอาจุดแข็งของคนไทยที่มีอยู่ออกมา และเริ่มทำให้คนที่อยากจะก่อความวุ่นวายและทำให้เกิดความรุนแรงนั้นเป็นคนกลุ่มน้อย" นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า

 ส่วนปัญหาข้อเรียกร้องและข้อคับข้องใจ ที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือยังไม่มีความเป็นประชาธิปไตยนั้น ก็ยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลพร้อมรับฟัง และนำสิ่งเหล่านั้น มาแก้ไขในกระบวนการของสภาให้มากที่สุด ซึ่งอาจจะยังไม่ถูกใจแต่ยืนยันว่า ทุกเรื่องที่มีการร้องเรียนมานั้น เขาให้ความสำคัญ และต้องการให้หมดข้อข้องใจ

 “แม้แต่ตู้คอนเทรนเนอร์ ที่มีอายุเกือบ 20 ปี ที่บ้านแสมสาร จังหวัดชลบุรีนั้น ผมก็ให้เขาพิสูจน์ให้ได้ เพราะไม่ต้องการให้มีเรื่องอะไรคั่งค้างคาใจ เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นว่า เราสนใจและใส่ใจทุกเรื่อง และรัฐบาลให้ความสำคัญกับความเดือดร้อยของประชาชน และรัฐบาลชุดนี้ก็ทำงานให้กับคนทุกคนบนความเสมอภาค ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์