ทักษิณทาบนักธุรกิจ-บิ๊กทหารคุมเพื่อไทย


ภูมิใจไทยเอาคืน ปชป.ขวางนโยบาย "ถาวร" ให้เช่าที่ดินไร่ละ 10 บาท "น้องเนวิน" ชี้แค่คิดก็ขาแหย่เข้าคุกแล้ว เตือนซ้ำรอย ส.ป.ก.4-01 "สุเทพ" หย่าศึก "พรทิวา-กอร์ปศักดิ์" แจงเบรก "เช่ารถเมล์-ข้าว" ไม่ใช่ดึงอ้อยออกจากปากช้าง ด้าน 40 ส.ว.เขย่าขวัญรัฐ ต้านเช่ารถเมล์ ขู่ยื่นถอดถอนทั้งคณะ นายกฯ รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ "รักเมีย ไม่นอกใจ" ขณะที่ 22 ส.ส.ปชป.ยื่นนายกฯ เพิกถอนที่ดินอัลไพน์ "ทักษิณ" ทาบเพื่อน ตท.10 นั่งหัวหน้าเพื่อไทย

ปัญหาความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล อันสืบเนื่องมาจากการติดเบรกหลายโครงการที่รัฐมนตรีในสังกัดพรรคภูมิใจไทยเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ทั้งโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน และโครงการระบายสินค้าเกษตร รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย กับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้แกนนำรัฐบาลต้องเร่งหาทางสมานรอยร้าว ขณะที่มีรายงานว่าพรรคภูมิใจเริ่มขวางโครงการที่เป็นของพรรคประชาธิปัตย์แล้วเช่นกัน


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงาน รมว.มหาดไทย และแกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับนโยบายการจัดสรรที่ดินทำกินของพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย (มท.3 ) ในฐานะกำกับดูแลกรมที่ดิน เสนอให้จัดสรรเช่าที่สาธารณะเพื่อทำการเกษตร ไร่ละ 10 บาท เนื่องจากขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ใช้แผนที่ที่ดินคนละฉบับ ดังนั้น เห็นว่าต้องมีการคุยตกลงเพื่อใช้แผนที่ฉบับเดียวกันก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาทำโครงการนี้ให้เป็นนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างที่นายชวรัตน์เดินทางไปเปิดสาขาพรรคที่ จ.เชียงราย ได้ไปพบกับนายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลย์วุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน ที่เดินทางไปร่วมงานด้วย


นายศักดิ์สยามกล่าวว่า นายชวรัตน์ได้บอกไปว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้อย่างมาก เพราะจะทำให้เกิดการบุกรุกที่ป่าสงวน เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งตอนนั้นนายเนวิน ชิดชอบ พี่ชายตนเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องนี้มาแล้ว


“ผมกำชับอธิบดีกรมที่ดินให้ทบทวน ไม่ให้สานต่อนโยบายนี้ เรื่องนี้จะหาทางคุยกับนายถาวรถึงแนวทางที่เหมาะสม เราไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เพราะอะไร เรื่องนี้จะให้นายอนุวัฒน์ ทำเรื่องการตรวจสอบแผนที่ทั่วประเทศให้ชัดเจนเสร็จก่อน เพราะได้มีการอนุมัติงบประมาณในการจัดทำโครงการสำรวจที่ดินไว้แล้ว 2,500 ล้านบาท โดยผลักดันเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด เพื่อจะทำโครงการนี้ได้ ให้แต่ละกระทรวงก็อยากเอาเรื่องนี้ไปทำเอง เพราะงบประมาณมีเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามถ้า มท.3 ยืนยันจะทำเรื่องนี้โดยไม่ตรวจสอบแผนที่ใหม่ รัฐบาลก็เท่ากับขาเข้าคุกไปข้างหนึ่งแล้ว และประชาธิปัตย์จะตาย เพราะเรื่องที่ดินอีกครั้งเหมือนกรณีส.ป.ก.4-01“ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ระบุ


ภท.ปรับเนื้องานให้โปร่งใสแก้ข้อครหา


นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแลปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กับนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ว่า เรื่องนี้นายกฯ ตอบไปแล้ว ขณะนี้โครงการต่างๆ ของพรรคภูมิใจไทย อาทิ โครงการรถเมล์ 4,000 คัน ที่ถูกชะลอนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นโครงการใหญ่ ต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ต้องมีอุปสรรค เพราะต้องดูเรื่องต่างๆ ให้ละเอียด ซึ่งเราต้องปรับเนื้องานให้โปร่งใส เพื่อพยายามสกัดข้อครหาให้ได้


สุเทพเคลียร์เกาเหลา "กอร์ปศักดิ์-พรทิวา"


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ควบคุมการระบายสินค้าเกษตร ตามที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม มอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการว่า ได้เชิญคณะกรรมการมาร่วมประชุมในเวลา 18.00 น. วันที่ 27 พฤษภาคม ที่ห้องทำงานของตน ถ้าทุกอย่างลงตัว เรื่องก็อาจจะจบวันนี้


เมื่อถามว่า วางแนวการพูดคุยอย่างไรเพื่อให้เป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เพราะมีข่าวออกมาตลอดว่านายกอร์ปศักดิ์และนางพรทิวามีความขัดแย้งกัน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นเรื่องของความขัดแย้ง แต่ยอมรับว่าอาจมีความเห็นแตกต่างกันบ้างเป็นปกติ ซึ่งจะพยายามให้ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสพูดคุยกันให้มากขึ้น เชื่อว่าการพูดคุยกันด้วยเหตุผล ทำให้ได้แนวทางที่ดีของแต่ละคน แต่ละฝ่าย และจะได้ผลสรุปเป็นที่ยอมรับกันได้ของทุกฝ่าย


ต่อข้อถามว่า การที่วางตัวนายสุเทพมาแก้ไขเรื่องนี้ เพราะต้องการลดแรงเสียดทานในพรรคร่วมรัฐบาล มากกว่ามุ่งเรื่องแก้ปัญหาเรื่องสินค้าเกษตรใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า “ผมมันประเภทยาสามัญประจำบ้านอยู่แล้ว เป็นอะไรก็ใช้ได้ ปวดหัว ตัวร้อนก็ทาได้ ถูได้ ไม่มีปัญหา เชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น ประสานรอยร้าวได้ ทุกอย่างต้องดี ผมรับรองว่าดี และจะได้มาตรการแนวทางที่ผมเชื่อว่ามีเหตุ มีผล และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี ผมไม่ค่อยมีปัญหา”


ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดรอยร้าวในรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพปฏิเสธแข็งขันว่า "ไม่มีหรอกครับ ไม่มีรอยร้าว ไม่มีความรุนแรงอะไรทั้งสิ้น ผมรับรองได้ ผมพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคได้ ไม่มีปัญหา"


เมื่อถามย้ำว่า จะสามารถทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจได้ด้วยความสบายใจหรือไม่ว่าตรงนี้เป็นการตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมจริงๆ ไม่ใช่รายการ "ดึงอ้อยออกจากปากช้าง" นายสุเทพยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ ไม่มีอ้อย ไม่มีช้างครับ มีแต่ข้าว มัน และข้าวโพด” 


เมื่อถามว่า ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ประเมินว่ายังวางใจได้ว่าจะไม่มีลูกงอแงไปกระทบถึงการประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อโหวตเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ และ พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท นายสุเทพ กล่าวว่า สบาย ไม่มีปัญหา ทราบดีว่า พรรคร่วมรัฐบาลเหล่านั้นเข้าใจในการทำงานดี แต่ละคนมีประสบการณ์ในการทำงานกันมา


"พรทิวา"ยันพาณิชย์ทำถูกต้องแล้ว


ต่อมาเวลา 18.00 น. นายสุเทพ ในฐานะประธานคณะกรรมการชุดพิเศษเพื่อพิจารณาเเนวทางการระบายสินค้าเกษตร (ข้าว) ได้เรียกนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เเละนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจเเละสังคมเเห่งชาติ เข้าประชุม


นางพรทิวาให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า มาให้ข้อมูลทางวิชาการต่อที่ประชุม ส่วนประเด็นข้อเสนอของนายกอร์ปศักดิ์ ที่เสนอให้กรมการค้าต่างประเทศ ควรเป็นผู้ดำเนินการระบายข้าวแทนองค์การคลังสินค้านั้น ยืนยันว่า โดยปกติกรมการค้าต่างประเทศก็อยู่ในองค์ประกอบของคณะกรรมการทุกชุดในการระบายสินค้าเกษตร และการกำหนดยุทธศาสตร์ดำเนินการ ก็ถูกกำหนดโดยกรมการค้าต่างประเทศอยู่แล้ว ขณะที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นฝ่ายปฏิบัติในการดูแลสินค้า และตรวจเช็กสต็อกสินค้าเท่านั้น


ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงพาณิชย์ยืนยันแนวทางเดิมที่ดำเนินการมาหรือไม่ นางพรทิวา กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาไม่ได้ทำผิด และการประมูลก็โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ แต่ในวันนี้ที่มีปัญหา อยากถามว่าในวันนั้นหากมองว่ากระทรวงพาณิชย์ขายถูก ทำไมจึงไม่มีข้อโต้แย้ง แต่มาวันนี้กลับออกมาพูด


สำหรับประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้ที่ชนะการประมูลได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดอย่างมากนั้น รมว.พาณิชย์ กล่าวยืนยันว่ากระบวนการโปร่งใส ไม่ได้เอื้อให้บริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่ประเด็นปัญหาในวันนี้ คือ หากโครงการล้มขึ้นมา ใครที่ดีใจที่สุด นั่นก็คือผู้ที่ประมูลไม่ได้ อย่างไรก็ตามพร้อมที่จะให้เพิ่มราคา หากมีผู้ที่เสนอราคาที่สูงกว่า


“ราคาตลาดย้อนหลัง 1.6 หมื่นบาทต่อตัน ขณะที่ราคาที่กระทรวงพาณิชย์ขายต้องไม่ต่ำกว่า 1.4 หมื่นบาทต่อตัน จึงอยากถามว่าหากตั้งราคา 1.6 หมื่นบาทต่อตัน ใครจะซื้อ เพราะมีสินค้าในตลาดให้เปรียบเทียบ 2 อย่าง คือ สินค้าของรัฐที่เป็นสินค้าเก่าเก็บค้างปี กับสินค้าใหม่ที่อยู่ในตลาด จึงอยากถามว่าคนจะเลือกซื้อราคาไหน” รมว.พาณิชย์ กล่าว


นางพรทิวา กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นเรื่องการเสียผลประโยชน์ย่อมมีทั้งกลุ่มที่ได้และเสีย ซึ่งก็จะออกมาในรูปแบบนี้อยู่แล้ว แต่จะต้องมองว่า เป็นเรื่องของผู้ที่เสียประโยชน์ ส่วนที่มีข้อกังขาว่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าฝ่ายใดจะเสียหรือได้ประโยชน์


เมื่อถามว่านายกอร์ปศักดิ์ กับกระทรวงพาณิชย์มีความเห็นที่แตกต่างกัน จะมีแนวทางหาข้อยุติได้อย่างไร รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ยังมีคณะกรรมการย่อยอีก 3 คณะ ที่จะหาข้อยุติได้ และไม่ใช่ประเด็นที่จะมาทะเลาะกัน แต่ถ้าหากว่า ครม.ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง ก็จำเป็นต้องมาคุยกัน


มอบ"พรทิวา"ตั้งกก.ระบายสินค้า


เมื่อเวลา 19.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์คุมสินค้าเกษตร และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ร่วมกันแถลงข่าวหลังประชุม โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที


นายสุเทพ แถลงว่า ตนพร้อมด้วยนางพรทิวา นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง สภาพัฒน์ และตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมประชุมตามที่ ครม.มอบหมาย โดยได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์การทำงานด้านการระบายสินค้าเกษตร แทนที่รัฐบาลเคยรับจำนำไว้และได้ข้อสรุปว่า รัฐบาลจะเดินหน้าระบายสินค้าเกษตรได้อย่างราบรื่น คือ 1.รมว.พาณิชย์ จะไปตั้งคณะทำงานชุดพิเศษเพื่อทำงานเกี่ยวกับการระบายสินค้าเกษตรโดยเฉพาะ โดยมีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธาน 2.คณะทำงานชุดนี้จะยกร่างยุทธศาสตร์การจำหน่ายและระบายสินค้าเกษตร ซึ่งประกอบด้วย เวลาในการระบายสินค้าเกษตรที่เห็นว่าเหมาะสม ราคากลางที่จะจำหน่าย จากนั้นจะเสนอให้คณะอนุกรรมการด้านการตลาด ที่มี รมว.พาณิชย์เป็นประธาน จากนั้นจะต้องเสนอให้ประธานนโยบายสินค้าเกษตรนั้นๆ อีกครั้ง เพื่อดำเนินการระบายสินค้าตามยุทธศาสตร์


ด้านนางพรทิวากล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์เห็นชอบกับหลักเกณฑ์ และต้องไปดูว่าจะทำอย่างไรให้เข้ากับหลักเกณฑ์ที่มีรายละเอียดเยอะ แต่สิ่งที่เคยทำไว้แต่เดิมนั้นต้องปรับปรุงให้เข้ากับหลักเกณฑ์ในวันนี้ ส่วนการประมูลสต็อกข้าวก็ต้องกลับไปดูเพื่อให้เข้ากับหลักเกณฑ์ ส่วนจะเปลี่ยนตัวผู้เข้าประมูลข้าวหรือไม่ ขอเรียนว่า ยังไม่ไปถึงขั้นนั้น ต้องไปดูรายละเอียดเพื่อให้เข้ากับหลักเกณฑ์ในวันนี้ก่อน
 
เมื่อถามว่ามั่นใจว่าการระบายสินค้าเกษตรจะมีความโปร่งใสหรือไม่ นางพรทิวา กล่าวว่า ที่ประชุมยอมรับกันทุกคน แต่กรมการค้าต่างประเทศมีความชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว และไม่มีสิ่งที่บางฝ่ายคิดกันไปเอง

กอร์ปศักดิ์ไม่ติดใจพรทิวาเชื่อทำงานได้


ด้านนายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้จะทำงานม้วนเดียวจบ โดยที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำกรอบรายละเอียดเพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.อีกครั้งในสัปดาห์หน้า


เมื่อถามว่า ยังติดใจการชี้แจงของนางพรทิวาในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ติดใจ ส่วนนางพรทิวาจะติดใจตนหรือไม่ต้องไปสอบถามนางพรทิวาเอง แต่การประชุมวันนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงตอบคำถามได้ดี เชื่อว่าการทำงานครั้งนี้น่าจะไปได้ดี


ส่วนกรณีที่เอกชนจะฟ้องกระทรวงพาณิชย์ที่ไม่ระบายสต็อกข้าว 2.6 ล้านตันนั้น รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ คณะกรรมการชุดนี้เข้ามาทำหลักเกณฑ์การทำงานใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นก็อยู่ที่กระทรวงพาณิชย์จะจัดการต่อไป

นายกฯเชื่อแก้ปัญหาได้ข้อยุติ


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงไปดูเรื่องปัญหาการระบายข้าวและการรับจำนำสินค้าเกษตร ว่า นายสุเทพจะพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะได้ข้อยุติ เพื่อให้ทันต่อการอนุมัติของ ครม.ในวันพุธที่ 3 มิถุนายน ซึ่งจะได้บริหารจัดการได้และไม่กระทบกับการเก็บรักษาสินค้าตัวอื่น


เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยเสนอโครงการที่มีวงเงินจำนวนมากและปูทางทางการเมืองเอาไว้ ทำให้เกิดคำถามจากสังคม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่าไปมองอย่างนั้น ทุกโครงการที่เสนอเข้ามาและมีการทบทวนกันอยู่ในขณะนี้ เราต้องยอมรับว่าเคยปฏิบัติกันมา เช่น การระบายสินค้าเกษตรปีที่แล้ว ทำกันแบบนี้และเสียหายมาก ซึ่งคิดว่าน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ จึงต้องมาทบทวนกัน ยืนยันว่าเราต้องเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

ทูลเกล้าฯ ชื่อรมช.เกษตรฯคนใหม่แล้ว


นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ รมช.เกษตรและสหกรณ์คนใหม่ ว่า ดำเนินการไปแล้ว ในเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติก็สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบหมดแล้ว ปัจจุบันเราใช้ระบบที่ให้เจ้าตัวรับรองคุณสมบัติหลายๆ เรื่องด้วย


นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เย็นวันนี้ (27 พ.ค.) จะเดินทางไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ครบ 57 ปี ที่บ้านพักของนายชาญชัย ย่านถนนอักษะ ซึ่งยืนยันว่าไม่มีนัยทางการเมืองอะไร ในเมื่อนายชาญชัยเกิดวันนี้ เขาก็เลี้ยงฉลองกันวันนี้ ไม่มีนัยอะไร


วันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็จัดงานวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 62 ปี ที่บ้านพักย่านบางบอน โดยช่วงเช้าได้ร่วมกับครอบครัวและคนใกล้ชิด ตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป ที่บ้านพัก และช่วงเย็นมีงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยมีสมาชิกพรรคเพื่อไทย พ่อค้า ประชาชนมาร่วมงานจำนวนมาก


พท.แฉได้ประโยชน์ส่วนต่างประมูลข้าว


นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีต รมว.พาณิชย์ แถลงถึงกรณีที่ ครม.เลื่อนพิจารณาการประมูลข้าวออกไปเป็นสัปดาห์หน้า ว่า พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสงสัยการเร่งระบายข้าวของรัฐบาล ที่อ้างว่าข้าวอยู่ในสภาพที่จำเป็นต้องระบายว่า จะเห็นได้ว่าข้าวส่วนใหญ่เป็นข้าวปี 2551/2552 ซึ่งไม่จำเป็นต้องเร่งระบายออก เพราะยังมีข้าวปี 2547 และปี 2548 ซึ่งเหลืออยู่ไม่มากนั้น จำเป็นที่จะต้องเร่งระบายออกก่อน โดยราคาข้าวในตลาดนั้น ขณะนี้ขายกันอยู่ที่ราคาตันละ 2.1 หมื่นบาท แต่ราคาประมูลในขณะนี้กลับอยู่ที่ราคาเพียง 1.4 หมื่นบาท ต่างกันถึง 7,000 บาท ใครได้ประโยชน์จากราคาส่วนต่างตรงนี้ ทำให้ประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่ที่เกษตรกร


นายวิรุฬกล่าวอีกว่า หากมีการประมูลใหม่รัฐบาลจะได้ราคาที่สูงกว่านี้ นอกจากนี้ข้าวนาปีก็กำลังจะออกมาใหม่ หากรัฐบาลไม่เร่งระบายข้าวออกสู่ต่างประเทศแล้ว ข้าวก็จะอยู่ในประเทศเป็นส่วนมาก ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวตกต่ำ เพราะข้าวล้นตลาดอย่างแน่นอน จึงอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ อย่าทำแล้วก็ต้องเวียนกลับมาทำใหม่อีก รวมทั้งให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับเกษตรกรเป็นหลัก ไม่ใช่ตกอยู่กับผู้ประกอบการหรือคนกลาง ดังนั้นพรรคเพื่อไทยขอเสนอให้มีการประมูลกันใหม่ รวมทั้งขอให้เช็กสต็อกด้วยว่า ข้าวทั้งหมดมีคุณภาพจริงอย่างที่รัฐมนตรีพูดหรือไม่ หรือมีเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น


นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลบอกว่าต้องเร่งระบายข้าวออกเพราะกลัวว่าจะเสื่อมคุณภาพนั้น เป็นการพูดเท็จ นอกจากนี้ การระบายข้าวออกก็มีอยู่หลายวิธี โดยเอากลไกตลาดมาช่วยพยุง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลไม่ต้องเสียเงินเพื่อรับจำนำมากมาย


"การที่รัฐบาลชะลอโครงการนี้ แล้วให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เข้ามาร่วมดำเนินการเรื่องนี้ คงไม่ใช่การเข้ามาประสานเพื่อให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไป แต่ผมเป็นห่วงว่าจะเป็นการต่อรองเรื่องเงินทองมากกว่า" นายไพโรจน์ กล่าว และยืนยันว่าจะเดินหน้าตรวจสอบต่อไป พร้อมทั้งท้ารัฐบาลให้ออกโทรทัศน์ดีเบตเรื่องนี้กับตัวเอง


ส.ว.ต้านเช่ารถเมล์-ขู่รัฐระวังถูกถอด


เมื่อเวลา 09.35 น. คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ร่วมกับคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้จัดเสวนา “คำถามของประชาชน กับรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน” โดยเปิดให้ประชาชนและกลุ่มองค์กรต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์และเสนอความคิดเห็น อาทิ กลุ่มเครือข่ายป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาคประชาชน ตัวแทนจากสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) สหภาพองค์กรขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยผู้เข้าร่วมเสวนาทั้งหมดเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้โครงการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจาก ครม.


นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ส.ว.ปทุมธานี ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ กล่าวว่า ได้คัดค้านโครงการดังกล่าวมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเห็นว่าเสนอราคาที่สูงเกินจริงมากไป การนำเงินภาษีประชาชนขนาดนั้นไปเช่า แทนที่จะเป็นการจัดซื้อเพื่อให้รถตกเป็นมรดกแผ่นดิน เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง หากรัฐบาลยังมุ่งมั่นจะเอาให้ได้ก็เป็นห่วง ครม.ทั้งคณะอาจถูกประชาชน 2 หมื่นคน เข้าชื่อยื่นถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่งได้


นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะแค่กลุ่ม 40 ส.ว.เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย แต่จากการสอบถาม ส.ว.ทั้ง 150 คน ก็ไม่มีใครเห็นด้วยกับโครงการนี้ ส.ว.ทุกคนจะร่วมกันตรวจสอบ และโครงการนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ หาก ครม.ให้ผ่านก็ถือว่าการทำหน้าที่ของ ส.ว.ล้มเหลว และหากประชาชนเข้าชื่อยื่นถอดถอนมา ก็เชื่อว่า ส.ว.ทุกคนจะทำเรื่องนี้ให้เป็นประวัติศาสตร์แน่นอน


ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะเปลี่ยน ขสมก.จากองค์กรรัฐวิสาหกิจ แปลงสภาพไปสู่การเป็นบริษัทของเอกชนผู้ให้เช่ารถเมล์ ซึ่งตัวเลขงบประมาณก็ผิดปกติชัดเจน โดยข้อมูลจากสันติบาลพบว่ามีผลประโยชน์ไปตกในกระเป๋าผู้เกี่ยวข้องถึงคันละ 1.5-2 ล้านบาท ลองเอาไปคูณ 4,000 คันดู โครงการนี้ไม่มีอะไร นอกจากเข้ามาถอนทุน คนที่เป็นนอมินีก็ต้องทำตามที่นายสั่ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง


"รสนา"ชี้ไม่ล้มโครงการ-รัฐล้มเองแน่


น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ อยากให้ กทม.และ ขสมก. ควรทำงานร่วมกันในการเลือกเส้นทางใหม่ ไม่ใช่ ขสมก.ออกมาทำเพียงฝ่ายเดียว และควรให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมเพื่อตอบสนองการใช้ของประชาชน สำหรับการเช่ารถทั้ง 4,000 คันนี้ เชื่อว่ามีค่าคอมมิชชั่นแน่นอน จึงอยากถามว่า พวกคุณได้กันกี่เปอร์เซ็นต์ จากการพูดคุยกับประชาชนมา ขณะนี้เขาเอือมระอา ขนาดเด็กยังรู้เลยว่าโครงการเช่าครั้งนี้ทำไปไม่มีประโยชน์ แต่นักการเมืองเขาได้ประโยชน์ จึงพยายามและดื้อจะให้เกิดโครงการนี้ให้ได้


ส.น.ส.รสนากล่าวอีกว่า พวกเราเข้าใจว่ารัฐบาลต้องอาศัยองค์ประกอบพรรคร่วมค้ำยัน แต่ขณะนี้บ้านเมืองมีความเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจตกต่ำ แต่กลับมาเดินหน้าจะจัดซื้อโครงการที่ไร้สาระ ไร้เหตุผล เห็นแก่ส่วนแบ่ง ตรงนี้ประชาชนยอมรับไม่ได้ และยังทราบว่าขณะนี้มีรถจำนวนหนึ่งจอดรออยู่ที่ลาดกระบังและคลองเตย ซึ่งประกอบเสร็จแล้วพร้อมใช้ หากเราไม่ซื้อเขาก็เจ๊ง ขอบอกว่า หากโครงการนี้ไม่ล้ม รับรองว่ารัฐบาลล้มเองแน่


"เฉลิมชัย"แจง"ชวน"อ้างถูกปล่อยข่าว


นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังมีกระแสข่าวเกี่ยวโยงว่า ตนและกลุ่มเพื่อน ส.ส.ภาคกลางออกมาเรียกร้องให้มีการปรับ ครม.ว่า ได้เข้าพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงของที่มาที่ไปทั้งหมดแล้ว  ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นมีคนไปปล่อยข่าว โดยแอบอ้างใช้ชื่อตนว่าเป็นกลุ่ม 40 ส.ส. ซึ่งข่าวที่ปล่อยออกมาก็มาจากคนในพรรค และเรื่องก็เกิดจากมีคนเอาข่าวทั้งหมดออกมายำเป็นข่าวเดียวกัน ทำให้กลายเป็นคนที่ติดอยู่ในแห พอมีข่าวทุกข่าวก็เลยพุ่งมาที่ตน ยืนยันว่า ตนเล่นการเมืองแบบเปิดหน้าไม่เคยเรียกร้องต่อรองตำแหน่งกับใคร กล้าพูด กล้ารับ ไม่เป็นอีแอบปล่อยข่าวแน่นอน


"แม้ว"ทาบนักธุรกิจ-บิ๊กทหารคุมพท.


รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แจ้งถึงความคืบหน้าการทาบทามบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนปัจจุบัน ที่จะลาออกก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ดำเนินการทาบทามด้วยตัวเอง โดยหนึ่งในนั้นเป็นนักธุรกิจชื่อดัง และเป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อให้แกนนำพรรครับทราบจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เพราะกลัวว่านักธุรกิจรายดังกล่าวจะถูกโจมตี


"พ.ต.ท.ทักษิณยังโทรศัพท์ไปทาบทาม พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ให้มารับตำแหน่งดังกล่าวด้วยถึง 3 ครั้ง แต่ พล.อ.อ.สุเมธยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ" แหล่งข่าวกล่าว


"สุเมธ"รับบารมีไม่ถึงแต่พร้อมช่วยงาน


ด้านพล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี กล่าวถึงกรณีมีชื่อถูกเสนอเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า มีคนที่มีบารมีกว่าตนจำนวนมาก แต่ตนพร้อมจะทำงานช่วยพรรคเพื่อไทยทุกอย่าง และจะให้เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น โดยจะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ หากเกษียณก็พร้อมจะเล่นการเมือง แต่หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้ไปช่วยงานในพรรคก็พร้อมลาออกทันที อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่มาทาบทาม


เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 10 หรือไม่ พล.อ.อ.สุเมธ กล่าวว่า พูดคุยกันตลอด ซึ่งทุกคนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือกัน เพราะเพื่อนทุกคนเห็นพ้องกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนดี เราพร้อมที่จะช่วยงาน

พท.งดประชุมเลือกหัวหน้าพรรค


เมื่อเวลา 13.00 น. ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเป็นประธาน ซึ่งมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี นายคณวัฒน์ วสินสังวร รองหัวหน้าพรรค น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรค พร้อมคณะได้ประชุมหารือใช้เวลา 1 ชั่วโมง โดยที่ประชุมมีมติให้งดการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ออกไป 
 
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ยังไม่เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่เพราะ ส.ส.ในพรรคไม่มีคุณสมบัติพอที่เป็นหรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มว่า ไม่เกี่ยว แต่พรรคมองว่า หากมีการยุบสภาเกิดขึ้น ที่สำคัญผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคต้องมีคุณสมบัติ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ดีกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้


"สดศรี"ชี้"สนธิ"อาจวืดหัวหน้าพรรค


นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการจัดตั้งพรรคของกลุ่มพันธมิตรว่า เวลานี้ มีแต่การคาดการณ์กันว่า คนที่เคยต้องคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย จะมาขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองและดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่เท่าที่ทราบยังไม่มีการยื่นขอจดจัดตั้งพรรคตอนนี้ โดยขอไปศึกษากฎหมายก่อน


ส่วนในประเด็นการเป็นบุคคลล้มละลายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นั้น ความหมายตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 11 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 102 ที่ห้ามบุคคลล้มละลาย หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต เป็นกรรมการบริหารพรรคหรือหัวหน้าพรรคการเมือง หมายถึงบุคคลที่รับโทษอยู่ในระหว่างช่วงเวลา 3 ปี ที่ศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายจะมาเป็นดำรงตำแหน่งเหล่านี้ไม่ได้ แต่หากพ้นจาก 3 ปีไปแล้ว ก็ถือว่า ปลอดจากการล้มละลายแล้ว สามารถดำรงตำแหน่งได้ ทั้งนี้ บุคคลล้มละลายทุจริตนั้น ศาลจะสั่งไว้ในคำพิพากษาเลย ถ้าไม่มีระบุไว้จะไปตีความขยายไม่ได้


เมื่อถามว่า แกนนำพันธมิตรมีปัญหาเรื่องคดีอาญา นางสดศรี กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 102 (4)ใช้คำว่า ต้องคำพิพากษาให้จำคุก และถูกคุมขังอยู่ โดยหมายของศาล ส่วน(5) เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีในวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ


"ทั้งสองวรรคนี้ มีความสำคัญว่า กรรมการบริหารพรรค หรือหัวหน้าพรรคต้องไม่ถูกคำพิพากษาให้จำคุก ซึ่งในที่นี้ คงไม่ใช่ต้องถึงที่สุด ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเหมือนกันว่า ระหว่างที่เป็นหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค ต้องไม่ถูกคำพิพากษาให้จำคุก หรืออยู่ระหว่าง

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์