ชัยแย้งโพลต้านแก้รธน.ชี้ส.ส.ถูกริดลอน ประชาปัดพูดดูดปชป.ชัยสิทธิ์แจงสายเลือดต้องช่วยแม้ว


"ปู่ชัย" แย้งผลโพลต้านแก้รธน.ชี้ส.ส.ถูกลิดรอนต้องเรียกร้องสิทธิ คาดสิ้นปีเห็นร่าง "อภิสิทธิ์" ให้ฟังเสียงปชช. "ดิเรก" ยัน "สมานฉันท์" ไม่ถูกบีบ "เสธ.อู้" ชี้ไม้สุดท้ายทำประชามติ "ชัยสิทธิ์"ชี้สายเลือดต้องช่วย"แม้ว" "ประชา" ปัดพูดดูดคน ปชป."ชัยสิทธิ์"ชี้สายเลือดต้องช่วย"แม้ว"

"ปู่ชัย" แย้งผลโพลต้านแก้รธน.

นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ถึงผลโพลที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่แน่ใจการทำงานของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเห็นว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนักการเมือง ว่า ต้องเข้าใจว่าคนที่เข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง อย่างไรก็ตาม เมื่อคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ สรุปผลการศึกษามาแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะรับเลย จะต้องกลั่นกรองอีกครั้ง ต้องรับฟังเสียงของสื่อและประชาชน โดยอาจจะทำประชามติ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญรอบรู้มีความคิดความอ่านและมีความ สามารถทุกคน

"การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เปรียบเหมือนไก่มันที่อยู่ในเล้า มันก็ต้องกินข้าวเปลือกเป็นธรรมดา เมื่อ ส.ส.ถูกลิดรอนสิทธิเขาก็ต้องเรียกร้องสิทธิของเขาแต่ต้องฟังเสียงของประชาชน"  นายชัย กล่าว และว่า คาดว่าคณะกรรมการสมานฉันท์ฯจะสามารถสรุปได้ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ตามกรอบ 45 วัน จากนั้น ตนจะนำความเห็นไปหารือกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะประธานวุฒิสภา และผู้หลักผู้ใหญ่ที่สามารถยึดโยงมาเป็นที่ปรึกษา และเป็นคนที่สามารถให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในมือแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่าบุคคลเหล่านี้จะหนีไปเสียก่อน

คาดสิ้นปีได้เห็นร่างฉบับใหม่

นายชัยกล่าวว่า ภายในสิ้นปี 2552 คาดว่า จะเห็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปเป็นร่าง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเคยใช้เวลาแก้ถึง 2 ปี แต่เชื่อว่าการแก้ไขครั้งนี้น่าจะเสร็จเร็วกว่า เรื่องนี้อาจต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมร่วมของรัฐสภา เพื่อรับฟังความคิดเห็นอีกครั้ง แล้วค่อยดูแนวโน้มว่าจะทำอย่างไรต่อ

ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะขับเคลื่อนให้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เคยเสนอมา นายชัยกล่าวว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจได้นำข้อเสนอของประชาชนไปเสนอให้คณะกรรมการสมานฉันท์ฯพิจารณาร่วมกันไปด้วย " ตอนแรกก็ไม่มา พอกฎหมายออกมาแล้วยังตามมาด่าอีก ไม่รู้จะทำยังไง พอสภาให้ผ่านก็จะมาโวย"

เมื่อถามว่า กังวลการทำงานของคณะกรรมการแก้ไขวิกฤตทั้งสองคณะจะเป็นการทำงานที่เสียเปล่า เหมือนเป็นการซื้อเวลาให้รัฐบาลหรือไม่ นายชัยกล่าวว่า คณะกรรมการทำงานเต็มที่และไม่ได้ซื้อเวลาให้รัฐบาล แต่จะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น และเชื่อว่าการได้คุยกันระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาลจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

"อภิสิทธิ์" ให้ฟังเสียงประชาชน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ผลการสำรวจความเห็นประชาชนที่ระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ที่จะนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ และทุกพรรคการเมืองควรจะรับฟัง ต้องยอมรับว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ประชาชนยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ขณะเดียวกัน ความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องเศรษฐกิจอยู่ในใจของประชาชนมากกว่า ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่คณะกรรมการต้องพยายามทำความเข้าใจเหตุผลความจำเป็นในการแก้ไขแต่ละเรื่อง และมีความชัดเจนว่าที่แก้ไขนั้นประโยชน์ที่ตกกับส่วนรวมคืออะไร

ส่วนที่มองกันว่าข้อเสนอแก้ไขของนักการเมืองสวนทางกับประชาชนนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่าเพิ่งรีบไปสรุปอย่างนั้น และคณะกรรมการก็ต้องฟัง

"ดิเรก" ยัน "สมานฉันท์" ไม่ถูกบีบ

นายดิเรก ถึงฝั่ง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ กล่าวว่า คณะกรรมการสมานฉันท์ฯไม่ใช่ผู้แก้รัฐธรรมนูญ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ซึ่งเป็นเรื่องของสภาที่จะต้องเสนอแก้ไข คณะกรรมการสมานฉันท์ฯมีหน้าที่เพียงรวมรวมความคิดเห็นแล้วสรุปเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยจะยึดเรื่องการสร้างความสมานฉันท์เป็นหลัก

เมื่อถามว่า สังคมไม่มั่นใจกรรมการที่เป็นนักการเมือง เพราะเกรงว่าจะทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง นายดิเรก กล่าวว่า โจทย์ที่ตั้งไว้คือ การสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นคู่กรณี คือนักการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล หากไม่เอาคู่กรณีมาเป็นกรรมการคงแก้ไขไม่ตรงประเด็น หรือเอาแต่นักวิชาการฝ่ายเดียว ก็จะไม่ได้รับการยอมรับจากฝ่ายการเมือง ดังนั้น เมื่อทุกฝ่ายมาร่วมเป็นคณะกรรมการก็แสดงความคิดเห็นกันให้ตกผลึก เพื่อหาแนวทางสมานฉันท์ให้กับบ้านเมือง

"ที่นายประเสริฐ ชิตพงษ์ ส.ว.สงขลา ประธานคณะอนุกรรมการเพื่อการปฏิรูปการเมือง อึดอัดกับการทำงานเพราะการเมืองบีบนั้น ได้โทรศัพท์สอบถามกับนายประเสริฐแล้ว ซึ่งนายประเสริฐบอกว่า ไม่ได้หมายความอย่างนั้น" นายดิเรกกล่าว และว่า ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ไม่มีใครมาชี้นำให้ทำแบบนั้นแบบนี้ และยืนยันอีกครั้งว่า กรรมการชุดนี้ไม่ทำงานเพื่อซื้อเวลาให้กับรัฐบาล แต่ต้องการทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ปัญหาให้กับบ้านเมือง

"เสธ.อู้" ชี้ไม้สุดท้ายทำประชามติ

ด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีการเมืองบีบการทำงานของว่า การทำงานของคณะอนุกรรมการได้ศึกษาแต่ประเด็นหลักที่ทุกพรรคเห็นตรงกันว่ามีปัญหา โดยยึดหลักว่า ควรปรับปรุงให้มีความเป็นประชาธิปไตย มีความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากขึ้น เพียงแต่ยังมีความเห็นต่างในรายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งคณะอนุกรรมการเปิดรับฟังความเห็นจากพรรคการเมืองก่อน เพราะเป็นคู่กรณีโดยตรง ยังไม่ปิดกล่องเพราะยังเปิดรับความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะจากประชาชน คณะอนุกรรมการจะรวบรวมประเด็นเหล่านั้น ให้ที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ได้ร่วมกันพิจารณาอีกที ถ้ามีเสียงแตกมากก็ยังมีอีกไม้ที่จะตัดสินคือการทำประชามติ ยืนยันว่าไม่มีแรงบีบจากมาพรรคการเมืองหรือนักการเมือง และไม่มีผลต่อการทำงานของคณะกรรมการ

"ยงยุทธ" พร้อมเป็นหัวหน้าต่อ

นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย วันที่ 31 พฤษภาคมนี้ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ว่า เหตุผลเดิมคือต้องการทำตามความต้องการของ ส.ส. ที่อยากมีผู้นำฝ่ายค้านในสภา แต่พอเอาเข้าจริงคนที่เหมาะสม เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ก็ปฏิเสธ ขณะที่ ส.ส.อื่นๆ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมี ส.ส.ให้การสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน จึงมีความเห็นกลับไปที่จุดเดิมว่า โครงสร้างเดิมก็ดีอยู่แล้ว

"ถ้าดูจากข้อมูลความต้องการของ ส.ส.ที่รวบรวมได้จากแบบสอบถาม ส่วนใหญ่ประสงค์จะช่วยงานพรรคในส่วนคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองมากกว่า โดยแทบไม่มีผู้เสนอตัวมาเป็นกรรมการบริหารพรรค โดยขอดูความชัดเจนในส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 237 ก่อน เนื่องจากเกรงว่าอาจจะต้องถูกเว้นวรรค" นายคณวัฒน์กล่าว

นายคณวัฒน์กล่าวว่า ส.ส.ส่วนใหญ่เห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารในขณะนี้ ซึ่งได้พูดคุยกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว ได้ระบุว่าพร้อมรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. และยินดีที่จะทำหน้าที่ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง

เล็งยกเลิกประชุมใหญ่ 31 พ.ค.

นายคณวัฒน์กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะมีการเสนอข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสอบถาม ส.ส. ให้คณะกรรมการบริหารพรรคทราบ รวมทั้งสอบถาม ส.ส.ในแต่ละภาคอีกครั้งหนึ่งว่ายังประสงค์จะส่งตัวแทนภาคเข้าเป็นกรรมการบริหารหรือผู้บริหารพรรคในระดับรองหัวหน้าพรรคอยู่อีกหรือไม่ ถ้าหารือกันแล้วถ้าไม่มีวาระอื่นๆ เร่งด่วนก็จะยกเลิกการจัดการประชุมใหญ่วิสามัญในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้

"เป็นไปไม่ได้ที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ จะมาทำงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะเมื่อนายกอร์ปศักดิ์ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องพ้นจากสถานะ ส.ส.ทันที ดังนั้น ถ้ามาก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถึงแม้จะมีการยุบสภา ผมก็ไม่คิดว่านายกอร์ปศักดิ์จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย" นายคณวัฒน์กล่าว

"ประชา" ปัดพูดดูดคน ปชป.

ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นระบุนายประชาให้สัมภาษณ์ว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่เป็นเพชรเม็ดงามที่หลุดมือมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์เมื่อมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าไม่ได้พูดอย่างที่สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นนำไปเสนอเลย โดยช่วงเช้าวันที่ 23 พฤษภาคม มีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นเป็นผู้ชายโทรศัพท์มาขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็ให้สัมภาษณ์ไป และใช้โทรศัพท์อัดเสียงการสัมภาษณ์เอาไว้ด้วย

"ยืนยันได้ว่าไม่ได้พูดตามที่สำนักข่าวดังกล่าวนำเสนอเลย ทั้งเรื่องหัวหน้าพรรคที่เป็นเพชรเม็ดงาม ซึ่งหลุดมือมาจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยผมได้อธิบายไปว่า นายยงยุทธ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้นก็ทำหน้าที่ได้ดี แต่เสียอยู่ที่นายยงยุทธไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ปิดสภา จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งรีบเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งไม่ใช่ว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีเพชรดีในมือ เพราะเรานั้นมีเพชรดีอยู่ในมือแล้ว เป็นมือหนึ่งทางเศรษฐกิจ การค้า การคลัง ที่เปิดชื่อออกมาทุกพรรคการเมืองจะต้องพยักหน้ายอมรับทั้งหมด ซึ่งเพชรดีอย่างนี้ไม่มีใครอยากให้หลุดมือแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดตัวเท่านั้น" นายประชากล่าว และว่า เมื่อทุกอย่างเข้าสู่เวลาเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนสนามแห่งความขัดแย้งเป็นสนามการค้า สนามการต่อสู้ทางเศรษฐกิจ และจะปิดตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ รับรองว่าประชาชนมีหวังแน่

"ชัยสิทธิ์"ชี้สายเลือดต้องช่วย"แม้ว"

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงกรณีที่มีชื่ออยู่ในแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า คนนามสกุลชินวัตรต้องเกี่ยวข้องตลอด มีผลกระทบตลอด แต่ไม่เป็นไร คงเป็นธรรมชาติ ส่วนจะได้เป็นหรือไม่ คงแล้วแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ

"เป็นห่วงว่า ในยามเขาลำบาก เราอยากช่วย แต่ถ้าเขาไม่ให้ช่วยก็คงไม่เข้าไปยุ่ง เดี๋ยวจะไปหาเสี้ยนเปล่าๆ แต่เราเป็นห่วง ไม่ว่าจะเสื้อแดง ส.ส.เพื่อไทย หรือไทยรักไทยเก่า มีปัญหาอะไรโทร.หาผมหมด หนีไม่ออก เพราะเรานามสกุลชินวัตร อยากให้สู้เขาได้ และกอบกู้ขึ้นมา เพราะเพลี่ยงพล้ำไปเยอะแล้ว กลัวว่าพรรคจะแตกเสียก่อน" พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ใจจริงอยากเข้ามาช่วยใช่หรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า หนีไม่ออก โดยสายเลือดต้องช่วย

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์