เพื่อไทยค้านรีดภาษีทรัพย์สิน-ที่ดิน ซัดประชานิยม แจกเงิน จนหมดงบฯต้องดิ้นหารายได้โปะ


พท.ค้านเก็บภาษีทรัพย์สิน-ที่ดิน ซัดรัฐบาลยิ่งกว่าถังแตก ทำประชานิยม เงินแจกประชาชนจนเกิดปัญหาต้องดิ้นหารายได้โปะ เตรียมออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วย "โอฬาร" ชี้รบ.สอบตกแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จี้เพิ่ม 3 มาตรการกระตุ้น

"กรณ์"เร่งภาษีที่ดินลดเหลื่อมล้ำ

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเดินทางมาเยี่ยมชมงานมหกรรมทางการเงินหรือมันนี่ เอ็กซ์โป 2009 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ถึงแนวทางการพิจารณาจัดเก็บภาษีทรัพย์สินและที่ดินว่า จะดำเนินการตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้ โดยมิติของการจัดเก็บที่สำคัญคือเพื่อสร้างความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม มากกว่าการสร้างรายได้ให้กับรัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดเกณฑ์ในการจัดเก็บ เบื้องต้นจะแบ่งพื้นที่ทำกินของเกษตรกรออกอย่างชัดเจนเพื่อกำหนดระยะเวลาการผ่อนปรนให้กับเกษตรกรที่มีมูลค่าที่ดินไม่มาก ขณะที่การจัดเก็บภาษีทรัพย์สินและที่ดินรกร้างว่างเปล่าจะพิจารณาจัดเก็บในอัตราก้าวหน้า เพื่อผลักดันให้ทรัพย์สินที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในมือคนรวยนำออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวมมากขึ้น

2เดือนเข้าสภา-ส.ส.,ส.ว.หนุน

นายกรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาเท่าที่คุย และทำความเข้าใจกับกลุ่ม ส.ส. และสมาชิกวุฒิสภาทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านก็ได้รับการสนับสนุนจากบางส่วน จากนี้จะเดินสายขอความเห็นเพิ่มเติม และทำความเข้าใจกับองค์กรปกครองท้องถิ่น ก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน แต่จะต้องให้ทันการเสนอเข้าที่ประชุมสภาในสมัยการประชุมหน้า หรืออีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้า

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเข้าร่วมงาน อาเซียน สตาร์ โรดโชว์Ž (ASIAN STARS ROADSHOW) ที่สิงคโปร์ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้พบปะพูดคุยกับนักลงทุน โดยพูดถึงเม็ดเงินส่วนใหญ่จะกระจายไปยังชนบทในปีแรกกับการพัฒนาระบบน้ำให้กับเกษตรกร การพัฒนาระบบคมนาคม โดยเฉพาะถนนไร้ฝุ่น เป็นต้น นักลงทุนสามารถเข้ามาลงทุนในไทยเบื้องต้นได้โดยผ่านผู้ประกอบการ เช่น กลุ่มผู้ผลิตซีเมนต์ หรือหากจะลงทุนโดยตรงนั้นต้องรอจัดตั้งกองทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (Infrastucture Fund) ก่อน นักลงทุนส่วนใหญ่มั่นใจว่ารัฐบาลไทยมีศักยภาพเพียงพอในเรื่องการระดมเงิน เป็นการกู้ภายในประเทศ แสดงให้เห็นว่ามีเงินในระบบเหลือ แต่ไม่มีการใช้

ปชป.ระบุถังแตกตั้งแต่รบ.ก่อน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่โจมตีโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เพราะต้องกู้เงินภายในประเทศเพิ่มอีก 8 แสนล้านบาท ว่า โครงการดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยส่วนรวมทุกภาค เพราะกู้เงินในประเทศเป็นหลักในขณะที่ต้นทุนการลงทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ มีการจ้างงานมากกว่า 2 ล้านตำแหน่ง ผ่านการทำถนน ขุดสระน้ำ สร้างสถานพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องในชนบทให้ดีขึ้น สำหรับข้อวิจารณ์กรณีลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีลงเพราะรัฐจัดเก็บรายได้น้อยลงนั้น ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นผลมาจากรัฐบาลนี้รับช่วงต่อมาจากรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พบว่าเงินคงคลังมีไม่มากอยู่แล้ว

เพื่อไทยเล็งแถลงค้านรีดภาษีที่ดิน

นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมเดินหน้าเก็บภาษีที่ดินและภาษีทรัพย์สินเพื่อหารายได้เข้ารัฐเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ ส.ส.เพื่อไทยจะออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 คัดค้านแนวคิดดังกล่าว หลังก่อนหน้านี้เคยออกแถลงการณ์คัดค้านกรณีรัฐบาลประกาศผลักดันร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าสู่การพิจารณาของสภาไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้เรื่องเงียบหายไปหลังจากนั้น แต่ล่าสุดนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กลับพยายามผลักดันให้เก็บภาษีที่ดินอีก เพราะสถานะการเงินการคลังในขณะนี้ยิ่งกว่าถังแตก ถ้ารัฐบาลใช้งบฯตามปกติ ไม่ทำประชานิยม เที่ยวนำเงินไปแจกจ่ายให้ประชาชนผ่านโครงการต่างๆ มากเกินไป ประเทศชาติจะไม่ประสบปัญหาจนรัฐบาลต้องดิ้นหารายได้มาโปะเพิ่มเติม

เพื่อไทยขู่ยื่นศาล รธน.ตีความ

นายอำนวยกล่าวต่อไปว่า การเก็บภาษีที่ดินจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระเพิ่มเติม เท่ากับเป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนตามมาตรา 41 รัฐธรรมนูญปี 2550 อยากเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนเรื่องดังกล่าว และควรทำประชาพิจารณ์ก่อนจัดเก็บ หากรัฐบาลไม่สนใจเสียงของประชาชน ฝ่ายค้านจะรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐบาลกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ การออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ไม่ใช่ต้องการปกป้องเศรษฐีที่ดิน แต่ต้องการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งครอบครองที่ดิน 187 ไร่เศษใน จ.ตาก และฉะเชิงเทรา คิดเป็นมูลค่า 463 ล้านบาท ปฏิเสธจะให้ความเห็นถึงแนวคิดการเก็บภาษีทรัพย์สินและที่ดิน แต่ได้แนะนำรัฐบาลให้นำที่ดินป่าสงวนเสื่อมสภาพแล้วมาออกเอกสารสิทธิแล้วจัดสรรให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากที่ดินดังกล่าว หรือทำหวยบนดิน หารายได้เข้าประเทศแทน

"โอฬาร"จี้รัฐเพิ่ม3ข้อกระตุ้นศก.

ที่โรงแรมไอแอท รีเจนซี่ หัวหิน นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวบนเวทีสัมมนาเรื่อง "จับชีพจรประเทศไทย" จัดโดยสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ว่ารัฐบาลควรมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก 3 ข้อ คือ 1.ให้ใช้จ่ายนโยบายการคลังในการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น เพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองยังไม่เพียงพอ 2.ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าแทรกแซงค่าเงินบาทตามแนวทางที่ประเทศเกาหลีใต้เคยใช้ได้ผลมาแล้ว วางเป้าหมายค่าเงินบาทในไตรมาสสองควรอ่อนค่าลงอยู่ที่ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันอยู่ที่ 35.34 บาท เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการส่งออกทั้งระบบ 3.เร่งดำเนินนโยบายกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น

อดีตรองนายกฯเผยที่ผ่านมายังสอบตก

"ผมประเมินการดำเนินงานของรัฐบาลชุดนี้ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าสอบตก เพราะสินเชื่อไตรมาสแรกติดลบ 2.04% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสสี่ปีที่แล้วหดตัวจากที่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะขยายตัวได้ 1.25% หาก ธปท.ยังไม่มีแนวทางดำเนินการด้านสินเชื่อ รัฐบาลจะทำอย่างไรเพื่อให้นโยบายสินเชื่อมีเป้าหมายเป็นตัวเลขที่ชัดเจน และให้ระบบธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐดำเนินการให้เกิดผลฟื้นฟูทางเศรษฐกิจได้โดยเร็ว" นายโอฬารกล่าว

"ทนง"ชี้จุดอ่อนอยู่ที่เป็นรบ.ผสม

นายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลต้องทำมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบาย ไทยเข้มแข็งŽ ที่ประกาศใช้ล่าสุด เพราะจุดอ่อนของรัฐบาลชุดนี้ยังเป็นรัฐบาลผสม การตัดสินใจแก้ปัญหาเศรษฐกิจจึงล่าช้า เกิดการคานอำนาจในผลประโยชน์ในรัฐบาลด้วยกันเอง ทำให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่บรรลุผล

นายดุสิต นนทนาคร ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้การบริโภคภาคครัวเรือนชะลอตัวลงเป็นอย่างมาก เห็นได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มในช่วง 3 เดือนของปีนี้หดตัวลงถึง 20.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ยังหวังให้ภาคเอกชนเลือกใช้วิธีการปลดแรงงานเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะเชื่อว่าจะมีคำสั่งซื้อเข้าในปีหน้า แต่ระหว่างนี้ต้องพยุงธุรกิจให้พ้นวิกฤตเศรษฐกิจในปีนี้ไปให้ได้ เพราะขณะนี้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะต่ำสุด

กมธ.เพื่อไทยหนุนหั่นงบฯทหาร

พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร กล่าวถึงกรณีรัฐบาลตัดลดงบประมาณรายจ่ายปี 2553 ของกระทรวงกลาโหม 2 หมื่นล้านบาทซึ่งส่งผลต่อการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพว่า รัฐบาลควรทบทวนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นสายพานลำเลียง รถหุ้มเกราะยูเครน และการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนใหม่ โดยไม่ใช่เลื่อนการจัดซื้อออกไปในปีหน้า แต่ต้องยกเลิกการจัดซื้อทั้งหมด โดยเฉพาะรถหุ้มเกราะ ถือว่าเป็นการย้อมแมวมาขาย ส่วนเครื่องบินกริพเพนมีสมรรถภาพไม่ได้มาตรฐาน ทั่วโลกใช้เครื่องบินดังกล่าวเพียง 56 ลำเท่านั้น นายกรัฐมนตรีควรทบทวนเรื่องนี้ใหม่ อย่าเอาใจกองทัพมากเกินไป แม้ว่ากองทัพมีส่วนช่วยจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม แต่เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้วควรประหยัดงบประมาณในช่วงเวลาที่ประเทศเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขนาดนี้
 
"สมคิด"ให้บูมตลาดในดีกว่าพึ่งส่งออก

ค่ำวันเดียวกัน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวบนเวทีสัมมนาที่หัวหิน เรื่อง "จับชีพจรประเทศไทย" ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังน่าเป็นห่วง ไทยไม่ควรแก่ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียว เพราะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2  ปี จึงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ รัฐบาลยังต้องเผชิญกับความท้าทาย แต่ต้องให้เวลารัฐบาลทำงาน จึงเสนอให้รัฐบาลปรับยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศของไทย ต้องทำงานใกล้ชิดกันระหว่างหน่วยงานรัฐเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รู้สึกเป็นห่วงการพึ่งพิงการส่งออกมากเกินไปจะไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ต้องเบนเข็มสู่การพัฒนาตลาดภายใน ให้มีตลาดรองรับชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงจากภายนอกได้มาก แต่ปัญหาที่ไทยประสบตอนนี้ คืออำนาจซื้อในประเทศไม่เพียงพอจะต้องปรับใหม่ตั้งแต่ปรับกระบวนการผลิต การตลาด ให้เชื่อมโยงกับการพัฒนาท้องถิ่นและการกระจายอำนาจเป็น คลัสเตอร์Ž ให้บูรณาการไปในทางเดียวกัน

หากไม่จำเป็นจะไม่เล่นการเมืองอีก

นายสมคิดกล่าวด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลจัดเก็บรายได้ได้น้อยจึงต้องกู้เงินเพิ่ม คาดว่าหนี้ต่อจีดีพีน่าจะเกิน 60% ในปีหน้า หากจำเป็นต้องก่อหนี้อีก ต้องพิจารณาว่าเงินที่จะใช้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรบ้าง กำหนดทิศทางให้ชัดเจน อย่าเอาโครงการเมกะโปรเจ็คต์ใหม่มาปัดฝุ่น ต้องดูว่าใช้จ่ายอะไรจึงจะแข่งขันกับประเทศอื่นได้ จะต้องฟื้นภาพลักษณ์ของไทยกลับมาให้เร็วที่สุด
 
"ขณะนี้ผมยังไม่คิดลงเล่นการเมือง เพราะถือว่าทำหน้าที่ไปพอสมควรแล้ว หากไม่จำเป็นจริงๆ และไม่ได้ทำประโยชน์อย่างแท้จริงคงไม่เข้าไปรับบทบาทนักการเมือง"อดีตรองนายกฯกล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์