วีระ-ตู่-ณัฐวุฒิ นัดชุมนุมใหญ่


วีระ-จตุพร -ณัฐวุฒิแถลงพร้อมหน้าครั้งแรก ประกาศระดมพลชุมนุมใหญ่สัปดาห์หน้า กำลังหาสถานที่ที่เหมาะสม ยันจุดยืนเดิมเรียกร้องประชาธิปไตยโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่บุกยึด และไม่เล่นใต้ดิน ชี้"ทักษิณ"ไม่ใช่ผู้นำเป็นแค่ผู้ปราศรัย "แม้ว"ออกแถลงการณ์ข้ามประเทศ โวยรัฐบาลสร้างสถานการณ์แล้วใส่ร้ายป้ายสี เรียกร้องประชาชนสู้ต่อไป เชื่อชนะแน่ สภาผู้แทนฯประชุมวันนี้พิจารณาส่ง"จตุพร"ให้ตร.ดำเนินคดีหรือไม่ แกนนำม็อบแดงแห่มอบตัวทั้งกทม. พัทยา เชียงใหม่ เพื่อไทยนำแม่ทหารเกณฑ์แถลง แฉพิรุธผลชันสูตรศพ โชว์เอสเอ็มเอสพลทหารก่อนตาย

-"มาร์ค"จัดงาน5พ.ค.ใส่ได้ทุกสี

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมครม.ว่า ที่ประชุมครม.ให้ความเห็นชอบจัดกิจกรรมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก เนื่องในวันฉัตรมงคล 5 พ.ค. ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้เป็นงานระดับรัฐบาล โดยจะจัดงานช่วงเย็นของวันที่ 5 พ.ค.นี้ เวทีหลักอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า นอกจากนี้ยังมีเวทีย่อยตลอดถนนราชดำเนินจนถึงสนามหลวง ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีและร่วมกันทำกิจกรรมเฉลิม พระเกียรติ ที่จะช่วยทำให้บรรยากาศบ้านเมืองเป็นบรรยากาศของความปรองดอง และผ่อนคลาย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงจะเป็นประธานคณะกรรมการจัดงานนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่างานดังกล่าวจะเน้นให้ประชาชนสวมเสื้อสีน้ำเงินหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนพูดชัดเจนในที่ประชุมครม.ว่างานนี้จะไม่มีเรื่องสีและอยากเชิญชวนประชาชนมาร่วมงานโดยแต่งตัวได้ทุกสี

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงข่าวศูนย์ปฏิบัติการข่าวกรองแห่งชาติ(ศป.ข.) สำนักนายกฯ สรุปแนวโน้มสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่าจะขยายมวลชนและเคลื่อนไหวลักษณะพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)ว่า ในที่ประชุมครม.ไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ แต่ได้รับทราบมติคณะกรรมการประสานงาน 3 ฝ่ายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา และรับทราบการทำงานของคณะกรรมการประ มวลเหตุการณ์ของรัฐบาล ซึ่งจะทำงานต่อไป เพื่อให้ข้อเท็จจริงต่างๆเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงเหล่านั้น

-ต้องจัดการนปช.ขู่ใช้อาวุธ

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข่าวถึงขนาดจะจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาล นายกฯกล่าวว่า อาจมีแนวคิดของบางคนซึ่งแสดงออกอย่างเปิดเผย แต่ตนเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่คงจะไม่เห็นประ โยชน์ของการที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้น ยอมรับว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่อาจมีความคิดรุนแรง แต่ตนมั่นใจว่าไม่สอดคล้องกับพื้นฐานของสังคมไทย และประเด็นที่กลุ่มผู้ชุมนุมให้ความสำคัญนั้น ขณะนี้กลไกของรัฐสภาและรัฐบาลกำลังเดินหน้าสะสางอยู่แล้ว

เมื่อถามว่านายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.ให้สัมภาษณ์บีบีซีว่าจะจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นตัวบ่งบอกว่าแนวคิดไม่เคารพกฎหมายและใช้ความรุนแรงมีอยู่ชัดเจนและมีอยู่จริง และมีบางคนเปิดเผยแล้วซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายแน่นอน เราต้องดำเนินการต่อไป

ต่อข้อถามว่าคิดว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะขยายมวลชนออกไปหรือไม่ นายอภิสิทธ์กล่าวว่า ตนเห็นผู้ชุมนุมและแกนนำบางส่วนปฏิเสธว่าไม่ยึดถือแนวทางนี้ เมื่อถามว่าแกนนำส่วนใหญ่ที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในยุค 6 ต.ค.19 คิดว่าจะมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เท่าที่ฟังแกนนำให้สัมภาษณ์ขณะนี้ไม่ได้ยึดแนวทางความรุนแรง

-"เทือก"ยังมองไม่ชัดท่าทีเสื้อแดง

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลรอดูข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ส่งมาว่าเป็นอย่างไร ส่วนการเคลื่อนไหวต่างๆนั้นมองว่าเร็วเกินไปที่จะสรุปว่ามีมากน้อยแค่ไหน ตนเห็นว่าแนวโน้มต่างๆเริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะขณะนี้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยดี ยังเห็นว่าทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นหัวขบวนนำการเคลื่อนไหวนั้น นายสุเทพกล่าวว่า ตนยังมองไม่ชัดเจนในท่าทีของเสื้อแดง ต้องดูกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้เสื้อแดงผลักดันอดีตคนเดือนตุลาฯมาเป็นแกนนำเคลื่อนไหวแทน นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ได้ติดใจว่าตัวบุคคลจะเป็นใคร แต่ติดตามดูว่ากระบวนการไม่ให้เป็นภัยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง

เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้สถาน การณ์รุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนยังไม่คาดการณ์อะไรไกลขนาดนั้น เพียงแต่มีหน้าที่ติดตามและหาทางป้องกัน ส่วนที่มองว่ากลุ่มเสื้อแดงพยายามทำให้เหมือนความขัดแย้งในอดีตนั้น ตนคิดว่าถ้าใครติดตามสิ่งที่นายกฯนำเสนอต่อสภามีคำตอบชัดเจนว่าจุดยืนของรัฐบาลเป็นหนทางที่จะนำประเทศไปสู่ความสงบเรียบร้อย ฝ่ายต่างๆควรร่วมมือกัน สำหรับความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันหรือเรียกร้องสิ่งต่างๆนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่เคยขัดขวางอยู่แล้ว

-ทหารตายความจริงจะปรากฏ

นายสุเทพกล่าวถึงผลชันสูตรพลิกศพพลทหารอภินพ เครือสุข ทหารเกณฑ์ที่เสียชีวิตในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ภายในร.1 รอ. ซึ่งร.พ. ศิริราชระบุว่ากะโหลกศีรษะแตก โดยต้องมีของแข็งมากระแทกว่า ตนติดตามเรื่องนี้ แต่ไม่อยากพูดจาอะไรที่ทำให้คนรู้สึกว่าโต้ตอบกัน แต่อยากเรียนว่ามีแกนนำนปช.บางคนพยายามพูดจาให้คนสงสัย ไขว้เขวว่าการตายของพลทหารคนนี้เกี่ยวเนื่องกับการที่นายกฯไปพักอยู่บ้านแม่ทัพภาคที่ 1 ตนอยากเรียนว่านายกฯและตน รวมถึงรมต.อีก 2 คนไปพักอยู่บ้านแม่ทัพภาคที่ 1 คืนวันที่ 12 เม.ย. และ 13 เม.ย. และวันรุ่งขึ้นได้ไปทำงานตามปกติ ซึ่งคืนวันที่ 14 เม.ย.เหตุการณ์ก็สงบลง จากนั้นไม่ได้พักที่บ้านนั้นแล้ว และไม่ทราบจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งวันที่พูดกันขึ้น ทราบว่าล้มในห้องน้ำมีเพื่อนทหารไปซื้อยา โดยพลทหารคนดังกล่าวบ่นว่าปวดหัว กระทั่งตอนเช้าไม่ได้สติก็ไปส่งร.พ. ไม่ติดใจ แต่เมื่อมีคนสงสัย ตนสั่งผบ.ตร.แต่งตั้งคณะพิเศษสอบสวนเรื่องนี้ เชื่อว่าความจริงจะปรากฏในที่สุดจะเป็นเรื่องที่ประชาชนเข้าใจได้

นายสุเทพกล่าวอีกว่า ตนอยากเรียนว่าไม่ควรใช้วิธีการสร้างเรื่อง สร้างสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดความเคลือบแคลงโดยไม่เป็นจริง ตนเสียใจที่เกิดเหตุเช่นนี้เพราะไม่ได้ทำบุญตามประเพณี

-ยังไม่รู้"เพ็ญ"อยู่ไหน

"พูดจริงๆ สามัญชนคนธรรมดาทั้งหลายต้องคิดว่าถ้าเป็นการฆาตกรรมจริงๆตามที่คนพรรคเพื่อไทยกำลังพยายามสร้างเรื่องให้คนเข้าใจ ถามว่าทำไม เขาเป็นพลทหารคนหนึ่ง ไม่ได้มีบทบาทอะไรที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยน แปลงในบ้านเมือง หรือมีผลต่อเรื่องที่เขากำลังต่อสู้กันทั้งสิ้น ผมไม่เห็นเหตุผล" รองนายกฯกล่าว

เมื่อถามว่ามีข่าวการจัดตั้งขั้วอำนาจใหม่ที่ไม่ใช่แดง เหลือง หรือพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่เห็น ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย ส่วนที่มีข่าวกลุ่มคนพยายามลอบสังหารผู้นำโดยเข้ามาทางกลุ่มเสื้อแดง ตนให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบติดตามเรื่องนี้ ส่วนกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.บอกว่าจะจับอาวุธสู้นั้นเคยได้ยินที่นายจักรภพพูดและลงในสื่อเมื่อหลายวันก่อน ขณะนี้ไม่ทราบว่านายจักรภพอยู่ที่ไหนหรือพูดอะไรอีกหรือไม่

-"ประวิตร"บินถกเขมร

ที่ท่าอากาศยานทหาร บน.6 ดอนเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยและกัมพูชา ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย ที่เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงวันที่ 17 พ.ค.ว่า ทหารยังทำหน้าที่ผู้ช่วยเจ้าพนักงานเหมือนเดิม ขณะนี้ยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้วคงต้องทำงานกันตามปกติ แต่คงไม่มีปัญหา ขึ้นอยู่กับตำรวจ ถ้าคิดว่าเรื่องใดไม่สามารถดำเนินการได้ คงจะร้องขอมา

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวพ.ต.ท.ทักษิณถือพาสปอร์ตกัมพูชาเดินทางไปประเทศต่างๆ จะขอความร่วมมือเรื่องนี้กับกัมพูชาหรือไม่ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ยังไม่ทราบรายละเอียด เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศต้องดูแล

-"แม้ว"ออกแถลงการณ์

วันเดียวกันทีมงานของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่งเอกสารแถลงการณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านทางนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ระบุหัวข้อว่า "การต่อสู้เพื่อประชาธิป ไตยโดยสันติวิธี" มีเนื้อหาระบุว่า "ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและกลไกของรัฐบาล ได้พยายามจะโยนความผิดให้ผมสำหรับ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการประท้วงทางการเมืองในประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ ยิ่งกว่านั้น ผมถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมว่าเป็นผู้สนับสนุนและเห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง

"ก่อนอื่น ผมขอปฏิเสธข้อกล่าวหาข้างต้นอย่างสิ้นเชิง ตลอดชีวิตของผม ผมเคารพในสันติวิธี เสรีภาพ และความเท่าเทียมกัน ผมทำในสิ่งที่ผมพูด แม้ว่าผมได้ให้กำลังใจกระบวน การเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้เรียกร้องให้ประชาชนชาวไทยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยผ่านทางวิดีโอและทางโทรศัพท์ ผมย้ำตลอดมาว่า การเคลื่อน ไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ต้องเป็นไปด้วยสันติ และกระบวนการต่อสู้ของประชา ชนจะไม่ใช้ความรุนแรง ประชาชนนับหมื่นนับแสนได้ตอบสนองข้อเรียกร้อง และได้พากันชุมนุมประท้วงอย่างสงบและสันติเป็นเวลา หลายสัปดาห์เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมาสู่ประเทศไทย

-ยันไม่ใช้อาวุธ-ยังมั่นใจชนะ

"ผมขอเรียนย้ำต่อพี่น้องชาวไทยว่าการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของเราจะต้องไม่ใช้วิถีของความรุนแรง ผมไม่สามารถสนับสนุนการใช้ความรุนแรง ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า เราจะไม่ใช้อาวุธในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชา ธิปไตย เราต้องสร้างอนาคตของพวกเราผ่านความเข้มแข็งทางความคิดและหลักการอันถูกต้องของพวกเรา และพวกเราต้องอดทนและวางเฉยต่อการยั่วยุต่างๆจากทางภาครัฐ

"ผมขอเรียกร้องคนไทยที่รักสันติทุกคนให้ผนึกกำลังเพื่อบรรลุถึงความปรองดองของคนในชาติและประชาธิปไตยที่แท้จริง ตามที่ผมเคยพูดไว้เราได้ถอยหลังจากการเผชิญหน้าไปหนึ่งก้าว และเราจะไม่ยอมยุติการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยของไทย แม้เราถูกหยุดยั้งโดยภาครัฐ งานของพวกเราก็จะไม่หยุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นคือการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และในท้ายที่สุดนี้ ผมมีความมั่นใจว่าพลังของพี่น้องประชาชนจะต้องชนะและมีชัยด้วยแนวทางสันติ"


-เปิดบัญชีช่วยผู้บาดเจ็บ

เมื่อเวลา 10.45 น.ที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ อดีตส.ว.กทม. พร้อมด้วยตัวแทนจากสมาพันธ์ประชาธิปไตย มูลนิธิวีรชนเพื่อประชาธิปไตย และมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ร่วมกันมอบเงินช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุมวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยนางประทีปกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้บาดเจ็บ 53 ราย จึงเห็นควรช่วยเหลือญาติหรือผู้บาดเจ็บ โดยรวบรวมเงินให้รายละ 3,000 บาท ส่วนผู้รักษาตัวในร.พ. ช่วยเหลือ 5,000 บาท นอกจากนี้พบว่ามีผู้บาดเจ็บกว่า 60 รายที่รักษาตัวในร.พ. แต่ติดต่อได้ เนื่องจากร.พ.โดยเฉพาะของรัฐอ้างกฎระเบียบว่าไม่สามารถให้ข้อมูลการรักษาพยาบาลผู้ป่วยได้ ดังนั้น 3 สมาคมจึงเปิดบัญชีธนาคารเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บผ่านธนาคารกสิกรไทย สาขานางเลิ้ง ประ เภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 062-2-41611-5 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปบริจาคช่วยเหลือ

นางประทีปกล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมผู้บาดเจ็บหลายคนบาดเจ็บจากการใช้กระสุนจริง ไม่ใช่กระสุนซ้อมตามที่รัฐบาลอ้าง ถ้าเป็นกระสุนซ้อมจะไม่ทะลุเข้าถึงขั้วหัวใจของผู้บาดเจ็บบางราย นอกจากนี้ยังมีผู้ร้องเรียนผ่านมูลนิธิ 111 และพรรคเพื่อไทยว่ามีคนสูญหาย 10 ราย จึงอยากให้รัฐบาลแสดงความจริงใจตามหาผู้สูญหายให้เจอ แม้จะพบเป็นกระดูกก็ตาม

-พท.นำแม่ทหารเกณฑ์แถลง

เวลา 12.20 น.ที่พรรคเพื่อไทย ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยน.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส. ชัยภูมิ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค นำนางศิริมนต์ มาเพ็ด แม่ของพลทหารอภินพ เครือสุข แถลงถึงการพิสูจน์ศพพลทหารอภินพ โดยน.พ. สุรวิทย์กล่าวว่า จากการพิสูจน์ศพโดยร.พ. ศิริราช มีข้อน่าสังเกตที่แตกต่างจากการออกใบมรณบัตรที่ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากคอหัก และมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง แต่ผลชันสูตรจากคณะกรรมการตรวจชันสูตรพลิกศพพลทหารอภินพของร.พ.ศิริราช ระบุสาเหตุการตายเกิดจากกะโหลกศีรษะมีรอยแตกด้านหลังและค่อนไปทางซ้ายประมาณ 6 ซ.ม. และไม่พบกระดูกคอหักตามใบมรณบัตร ทั้งนี้หากกระดูกคอหักจะต้องเสียชีวิตทันที ไม่ใช่รอเวลาจนเกิดเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง

น.พ.สุรวิทย์กล่าวว่า ตนในฐานะแพทย์สอบถามคณะกรรมการตรวจชันสูตรฯว่าสาเหตุการตายเกิดจากการกระแทกด้วยของแข็งอย่างรุนแรงหรือไม่ คณะกรรมการตอบว่าใช่ จากนั้นตนสอบถามว่าโอกาสที่คนจะลื่นล้มในห้องน้ำแล้วมีแผลรุนแรงขนาดนี้เป็นไปได้น้อยมากใช่หรือไม่ คณะกรรมการก็ยอมรับ นอก จากนี้ยังมีข้อน่าสงสัยว่าบริเวณหูข้างขวาของผู้ตายมีแผลบริเวณเหนือหู และหูข้างซ้ายมีรอยช้ำ ซึ่งตามปกติคนล้มกระแทกพื้นจะต้องมีรอยช้ำเพียงข้างเดียว รวมทั้งพบบาดแผลที่มือของผู้ตาย ซึ่งตามธรรมชาติของมนุษย์ หากถูกทำร้ายจะต้องยกมือขึ้นมาปิดป้อง ฉะนั้นส่วนนี้จึงทำให้ตนเชื่อว่าสาเหตุการตายไม่ใช่ลื่นล้มแต่เป็นการถูกตีด้วยของแข็ง

-โชว์เอสเอ็มเอสก่อนตาย

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า วันที่ 13 เม.ย. นายกฯไปนอนพักที่บ้านแม่ทัพภาคที่ 1 จากนั้นพลทหารอภินพเหมือนเจอคนชั้นนำ ดารา ศิลปิน ส่งข้อความไปถึงแฟนสาวมีข้อความทั้งหมดว่า "เมื่อคืนนายกฯมานอนบ้านแม่ทัพด้วย วันนี้ความคิดถึงกำลังก่อตัวเป็นก้อนเมฆเพื่อจะลอยไปหาที่รัก LOVE เหมียวที่สุดในโลก ความรักที่ให้ทุกวันมั่นคงเหมือนดวงจันทร์ส่องแสงตลอดทั้งคืน" และช่วงเวลา 20.00 น.วันที่ 14 เม.ย.ยังโทรศัพท์พูดคุยกับแฟนสาวอยู่ แต่เกิดเหตุหลังจากเวลา 20.00 น.ไปแล้ว ซึ่งหลักฐานทั้งหมดนี้ครอบครัวพลฯอภินพได้ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)แล้ว

นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้หากินกับศพตามที่มีข้อกล่าวหา แต่รัฐบาล รวมทั้งนายอภิสิทธิ์และหน่วยงานของรัฐกำลังกลบเกลื่อนหลักฐานที่คนยากคนจนมารับใช้ชาติแต่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ดังนั้นรัฐบาลควรทำความจริงให้กระจ่าง และครอบครัวต้องได้รับการดูแล แต่กลับโทร.ตรวจสอบว่าจะเผาศพเมื่อใด โดยที่ไม่มีผู้ใหญ่ในกองทัพหรือหน่วยงานมาดูแล ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองใหญ่ต้องดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเรียกร้องสิทธิอันพึงมีพึงได้ตามกฎหมาย

-แม่เก็บศพรอข้อเท็จจริง

ขณะที่นางศิริมนต์กล่าวว่า ตอนนี้จะเก็บศพไว้ก่อน ยังไม่ตัดสินใจเผาศพแต่จะเก็บไว้จนกว่าข้อเท็จจริงทุกอย่างจะปรากฏ ทั้งนี้เมื่อทราบผลการชันสูตรศพแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น และไม่ได้ติดใจ เพียงแต่สงสัยและอยากทราบสาเหตุการตายของบุตรชาย เมื่อถามว่าทำไมข้อมูลการให้สัมภาษณ์ถึงคลาดเคลื่อนตอนแรกระบุว่าไม่ติดใจการตายของบุตรชาย นางศิริมนต์กล่าวว่า ตอนนั้นตนตกใจและยังไม่มีสติ แต่ที่มาไม่ได้ต้องการเอาเรื่อง แค่อยากรู้ว่าลูกตายเพราะเหตุอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังเกิดเหตุมีทหารโทร.มาลักษณะข่มขู่เร่งรัดให้เอาศพไปเผาหรือไม่ นางศิริมนต์กล่าวว่า ไม่มีการข่มขู่ แต่มีโทรศัพท์มาสอบถามตนดีๆว่าทำไมเผาศพไปแล้วแต่ยังนำไปพูดที่สภาอีก ตนบอกไปว่าคนที่มาเห็นเขาคงสงสารและเอาไปที่สภา ตอนที่เอามายังไม่ได้เผาจริง ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนเอาศพมา ส่วนที่ระบุว่าลูกชายดื่มเหล้านั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเพราะลูกไม่ชอบดื่มเหล้า

-สังหรณ์ใจเลยเผาศพหลอก

เมื่อถามว่าบุตรชายมีทัศนคติทางการเมืองหรือไม่ นางศิริมนต์กล่าวว่า ไม่มี และไม่ได้อยู่สีอะไรทั้งสิ้นตามประสาคนบ้านนอก เมื่อถามว่าใครเป็นต้นคิดเผาศพหลอก นางศิริมนต์กล่าวว่า คิดกันเองในครอบครัว มันสังหรณ์ใจ

ต่อข้อถามว่าได้พูดคุยกับบุตรชายล่าสุดเมื่อใด นางศิริมนต์กล่าวว่า วันที่ 14 เม.ย.ช่วงเวลา 09.00-10.00 น. บุตรชายถามว่าตนจะมาหาหรือไม่ แต่ปกติตนไม่เคยไปหา มีเพียงแฟนสาวเท่านั้นที่ไปเยี่ยม 1 ครั้ง เมื่อถามว่าบุคคลแรกที่แนะนำให้นำศพไปร้องเรียนคือใคร นางศิริมนต์กล่าวว่า มีผู้อาวุโส แต่ไม่รู้จัก เขาสงสารมาเห็นสภาพการทำศพ มีแต่คนในครอบครัว ตนไม่ทราบว่าผู้อาวุโสคนนั้นเป็นใคร แต่คนๆนั้นเป็นฝ่ายการเมือง เคยเป็นทหารมาก่อนอายุมากแล้ว และเป็นคนในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเสร็จสิ้นสื่อมวลชนพยายามเข้าพูดคุยกับนางศิริมนต์เพิ่มเติม แต่ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ของนางศิริมนต์และผู้ติดตามกันตัวนางศิริมนต์ ไม่ให้ผู้สื่อข่าวสอบถามอะไรเพิ่มเติมก่อนนำขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน

-ดีเอสไอแจงอำนาจสืบสวน

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีดีเอสไอมีหนังสือถึงร.พ.ศิริราช เพื่อขอให้ผ่าชันสูตรพลิกศพพลทหารอภินพ ที่เสียชีวิตในบ้านพักประจำตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ว่า ดีเอสไอใช้อำนาจสืบสวน ตามที่กฎหมายคดีพิเศษฉบับใหม่แก้ไขให้ดีเอสไอมีอำนาจสืบสวนเบื้องต้นได้ก่อนเป็นคดีพิเศษ โดยคดีการเสียชีวิตของพลทหารอภินพยังเป็นอำนาจสอบสวนของตำรวจ แต่ดีเอสไอสามารถสืบสวนได้ก่อนแม้ยังไม่มีอำนาจสอบสวน เพราะญาติของผู้เสียชีวิตร้องเรียนขอให้ตรวจสอบ ซึ่งการสืบสวนตามกฎ หมายคดีพิเศษ หมายถึง การรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด ทำให้ดีเอสไอทำได้ทุกอย่างเพื่อให้สืบสวนคดีพิเศษๆได้ อย่างไรก็ตามเมื่อแรกเกิดเหตุนั้นอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนด้านกฎหมายอำนาจสอบสวนสืบสวนของดีเอสไอ เนื่องจากบางคนพิจารณากฎหมายเก่าขณะที่บางคนพิจารณากฎหมายใหม่

-ร.พ.พระมงกุฎทำตามระเบียบ

พ.อ.พีระพล ปกป้อง โฆษกร.พ.พระมงกุฎ เกล้า กล่าวว่า ร.พ.พระมงกุฎฯรับแจ้งเหตุมีผู้ป่วยในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อเวลา 08.15 น.วันที่ 15 เม.ย. รถพยาบาลฉุกเฉินไปถึงที่เกิดเหตุเวลา 08.30 น. พบพลทหารอภินพ ทหารรับใช้ในบ้านแม่ทัพภาคที่ 1 นอนหมดสติที่พื้นห้อง แพทย์ประจำรถพยาบาลฉุกเฉินตรวจร่างกายเบื้องต้น พบว่าผู้ป่วยไม่หายใจ ม่านตาขยาย จึงช่วยชีวิตด้วยการนวดหัวใจ และนำส่งถึงร.พ.พระมงกุฎฯ ภายในเวลา 10 นาที ทาง ร.พ.นำเข้าห้องฉุกเฉินทันที โดยปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยจนกระทั่งถึงเวลา 09.10 น. ผู้ป่วยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงหยุดปั๊มหัวใจ

"แพทย์สันนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้น ว่า คอหัก เพราะเห็นว่ามีบาดแผลบริเวณคอ แต่ที่ร.พ.พระมงกุฎฯ ไม่มีหน่วยนิติเวชในการชันสูตรศพ แต่ปกติหากมีผู้ป่วยเสียชีวิตผิดธรรมชาติ จะต้องประสานไปยังหน่วยนิติเวช ร.พ.รามาธิบดี เพื่อส่งศพไปชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ซึ่งเป็นการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ขอยืนยันว่าร.พ.พระมงกุฎฯได้ทำตามระเบียบทุกขั้นตอน" โฆษก ร.พ.พระมงกุฎฯ กล่าว

พ.อ.พีระพลกล่าวอีกว่า ต่อมาเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน ทางร.พ.รามาฯแจ้งผลชันสูตรศพของพลทหารอภินพว่า พบกะโหลกศีรษะด้านหลังแตกเป็นทาง มีเลือดออกด้านนอกของเยื่อหุ้มสมอง จากการคลำจากกะโหลกศีรษะพบว่ากระดูกคอดูเหมือนเคลื่อนได้ แต่ผลเอกซเรย์ไม่พบความผิดปกติ ซึ่งขณะผ่าชันสูตรศพมีแพทย์ใหญ่ กองทัพภาคที่ 1 ร่วมอยู่ด้วย ข้อมูลทั้งหมดรายงานผอ.ร.พ.พระมงกุฎฯ และแม่ทัพภาคที่ 1 รับทราบอย่างละเอียดแล้ว

-กฤษฎีกาชี้กม.คุมม็อบไม่ง่าย

คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนของร่างกฎหมายควบคุมการชุมนุมที่ครม.มอบหมายให้ศึกษารายละเอียดว่า ขณะนี้กฤษฎีกาอยู่ระหว่างรอรับเรื่องเป็นทางการจากสำนักเลขาธิการครม. ส่วนรูปแบบต้องศึกษาให้รอบคอบว่าจะนำมาใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ต้องดูเนื้อหาข้อบังคับผู้รักษากฎหมาย และผู้ถูกบังคับทางกฎหมายว่าจะสอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชนหรือไม่ เรื่องนี้ถือว่าไม่ง่าย เพราะก่อนดำเนินการต้องเปิดรับฟังเสียงประชาชนว่ามีความคิดเห็นอย่างไร โดยกฤษฎีกาอาจเปิดเว็บไซต์เพื่อรับฟังความคิดเห็นโดยไม่ถึงขั้นต้องทำประชาพิจารณ์ ส่วนที่ตำรวจอยากให้เร่งพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวนั้น คิดว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานคงต้องการให้มีกลไกรองรับอย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องกังวลการถูกกล่าวหาว่าทำเกินกว่าเหตุหรือใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ อย่างไรก็ตามเห็นว่ารัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องระวังเพื่อไม่ให้เกิดเป็นดาบสองคม

-แรมโบ้นำทีมมอบตัว

วันเดียวกันเวลา 09.30 น.กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่ถูกออกหมายจับรวม 4 คน ประกอบด้วยนายสุพร อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีตส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน นายณรงศักดิ์ มณี หรือเป๋ คลองเตย นายศิรวิทย์ พิมพ์กลาง และนายพีระ พริ้งกลาง พร้อมด้วยนายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความ เข้าพบพล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผบช.น. และโฆษกบช.น. พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผบก.น.1 ที่ห้องประชุมบก.น.1 บช.น.

นายอุดมกล่าวว่า วันนี้มากัน 4 คน ส่วนที่เหลือจะมามอบตัวภายหลัง โดยนายสุพรมีคดีร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าที่กระทรวงมหาดไทย พื้นที่สน.สำราญราษฎร์ และมีหมายจับร่วมกันกับมาตรา 116 และมาตรา 215 การเข้ามอบตัวของนายสุพรใช้ตำแหน่งของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ประกันตัว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเมื่อวันที่ 27 เม.ย.นายอดิศร เพียงเกษ ก็เข้ามอบตัวและได้ประกันเรียบร้อย เหตุที่ไม่มามอบตัวก่อนหน้านี้ เนื่องจากเกรงไม่ปลอดภัย เมื่อเห็นว่าบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ฝ่ายกฎหมายจึงติดต่อผู้ต้องหาทุกคนที่ถูกออกหมายจับเพื่อเข้ามอบตัว และวันนี้ที่พัทยา จ.ชลบุรี ก็เข้ามอบตัวหลายคน ทั้งหมดฝากบอกเจ้าหน้าที่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องตามจับ

-อ้างมาช้าเพื่อความปลอดภัย

นายสุพรกล่าวว่า วันนั้นมากับนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และน.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. แล้วกลับไปเพราะไม่คิดว่าจะมีหมายจับวันนั้น แต่มีหมายตามหลังมาก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน ที่ยังไม่มอบตัวเพราะอยากให้สถานการณ์ปกติก่อน ความปลอดภัยในชีวิตเป็นสิ่งจำเป็น

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ติดต่อนายจักรภพ เพ็ญแข หรือไม่ นายสุพรกล่าวว่า ไม่มี ไม่มีการประ สานงานมา ยืนยันว่าที่ถูกกล่าวหาเป็นการต่อสู้ตามกระบวนการประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุพรใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ประกันตัว ทั้งในคดีที่ทำเนียบ พื้นที่สน.ดุสิต และคดีบุกรุกกระทรวงมหาดไทย พื้นที่สน.สำราญ ราษฎร์ ส่วนอีก 3 คน ใช้เงินสด 5 แสนบาท ประกันตัว


-ตร.ให้ประกันมาตรฐานเดียวกัน

ด้านพล.ต.ต.สุพรกล่าวว่า เมื่อผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเอง ตำรวจก็จะปฏิบัติตามมาตรฐาน คือสอบปากคำและให้ประกันตัว เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และอยากให้ผู้ต้องหาที่เหลือทยอยเข้ามอบตัว

สำหรับ มาตรา 116 ผู้ใดกระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต (1)เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย (2)เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่ก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ (3)เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี

มาตรา 215 ผู้ใดมั่วสุมกัน 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าผู้กระทำผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ บรรดาผู้ที่กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้กระทำผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับรายละเอียดการประกันตัว นายสุพร มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราช สีมา พรรคเพื่อไทย ใช้ตำแหน่งประกันตัว นายพีระ มีน.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ใช้ตำแหน่งประกันตัว ส่วนนายสิรวิชญ์และนายณรงค์ศักดิ์ มีนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ใช้ตำแหน่งประกันตัว โดยเงื่อนไขอนุญาตปล่อยตัวชั่ว คราว คือ 1.ห้ามกระทำการเป็นอุปสรรค หรือเกิดความเสียหายต่อการรวบรวมพยานหลักฐาน 2.ห้ามจัดการ ยุยง ยั่วยุ ปลุกระดม ปลุกปั่น หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น และ3.ห้ามออกนอกราชอาณาจักร

-"อริสมันต์"นำมอบตัวที่พัทยา

วันเดียวกัน พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วยผบ.ตร. รักษาการผบช.ภาค 2 พล.ต.ต. ปราโมช ปทุมวงศ์ รองผบช.ภาค 2 พ.ต.อ.ธีระพล จินดาหลวง รองผบก.ภ.จ.ชลบุรี รักษาการผกก.สภ.เมืองพัทยา และพ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.บางละมุง นำกำลังเจ้าหน้าที่และพนักงานสอบสวนรับแกนนำม็อบเสื้อแดง ที่เข้ามอบตัวที่สภ.บางละมุง คดีทุบรถนายกฯและทำลายทรัพย์สินโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา โดยจัดคอมมานโดและตำรวจ 2 กองร้อยรักษาความปลอดภัย

สำหรับแกนนำที่เข้ามอบตัวประกอบด้วย พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ นายศักดา นพสิทธิ์ นายวรชัย เหมะ นายวัลลถ ยังตรง นายนิสิต สินธุไพร ส.จ.สำเริง ประจำเรือ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นายวัฒนะ เกิดดี พ.ต.อ.สมพร รัฐกาญจน์ โดยมีนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และนายนที สุทินเผือก หรือกรุง ศรีวิไล ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เดินทางมาสังเกตการณ์ด้วย ท่ามกลางคนเสื้อแดงมาให้กำลังใจจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนมอบตัว นายอริสมันต์เชิญแกนนำทั้งหมดมารับฟังการแก้ต่างรูปคดี โดยเน้นกรณีข้อกล่าวหาร่วมกันทำลายรถของนายกฯ โดยระบุว่าข้อเท็จจริงเป็นอุบัติ เหตุ เริ่มต้นจากคนขับรถนายกฯขับรถชนจักร ยานยนต์ของคนเสื้อแดง จึงต้องแจ้งความจับคนขับรถนายกฯด้วยในฐานะต้นเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ภายหลังทั้งหมดเข้ามอบตัว ตำรวจให้ประกันตัว โดยใช้ตำแหน่งส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นหลักประกัน ส่วนนายสุรชัยใช้หลักทรัพย์มูลค่า 5 แสนบาทประกันตัวออกไป โดยมีเงื่อนไขห้ามก่อความวุ่นวาย ยุยง ปลุกปั่น และห้ามออกนอกประเทศ

-จี้เอาผิดม็อบน้ำเงิน

นายอริสมันต์ออกแถลงการณ์ 4 ประการคือ 1.ให้ดำเนินคดีคนขับรถนายอภิสิทธิ์ เนื่องจากขับชนคนเสื้อแดงแล้วพยายามหลบหนี กระทั่งใช้กำลังประทุษร้ายกัน กลุ่มคนเสื้อแดงเพียงแต่ปกป้องสิทธิตัวเองเท่านั้น 2.คนเสื้อน้ำเงินทำร้ายคนเสื้อแดง หลังกลับจากยื่นหนังสือถึงผู้นำอาเซียน วันที่ 10 เม.ย.กลุ่มคนเสื้อแดงบาดเจ็บหลายคน แต่ไม่มีการจับกุมกลุ่มเสื้อน้ำเงินแม้แต่คนเดียว 3.กลุ่มคนเสื้อแดงถูกกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินทำร้ายอีกครั้ง ขณะเดินทางไปหน้าโรงแรมรอยัลคลิฟ ด้วยอาวุธปืน ระเบิด มีด หนังสติ๊ก และอื่นๆ จนบาดเจ็บจำนวนมาก ต่อหน้าตำรวจ ทหาร แต่ไม่ได้จับกุมดำเนินคดีใดๆ และ4.เรียกร้องรัฐบาลจับกุมกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินที่เป็นคนร้าย โดยเชื่อว่าเป็นพวกเดียวกับทหาร ตำรวจ จึงเกิด 2 มาตรฐาน

นอกจากนี้นางจิดาภา ธนหัตถชัย หรือซ้อโอ่ง อายุ 47 ปี ฝากผ้าถุงไปยังนายอภิสิทธิ์ และผู้หญิงเสื้อแดงอีกคนฝากผ้าถุงให้นายสุเทพด้วย

-สภามีวาระถกส่งตัว"จตุพร"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนฯวันที่ 29 เม.ย. มีวาระที่พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงประธานสภา ขออนุญาตเรียกตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงไปดำเนินคดีระหว่างสมัยประชุม โดยระบุว่านายจตุพรกระทำผิดอาญาฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการและร่วมกันกระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา116 (3) และ 215 วรรคสาม ซึ่งศาลอาญาออกหมายจับ

นอกจากนี้การกระทำของนายจตุพรกับพรรคพวกยังก่อให้เกิดสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรืออาจทำให้ประเทศหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศตกอยู่ในภาวะคับขันอันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทั่งรัฐบาลได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 12 เม.ย.

ดังนั้นเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรม ตลอดจนระงับยับยั้งเหตุการณ์ร้ายแรงไม่ให้เกิดขึ้น จึงขออนุญาตต่อสภาผู้แทนฯเพื่อเรียกตัวนายจตุพรมาสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาคดีอาญา และควบคุมตัวในฐานะเป็นผู้ต้องสงสัย ตามพ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 11 (1) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 ต่อไป

-"สุนัย"ประกันตัว2แกนเชียงใหม่

เมื่อเวลา 13.30 น. แกนนำคนเสื้อแดงคือ นายมานะพันธุ์ ไพบูลย์ หรือดีเจ. ป.เป็ด อายุ 40 ปี และนายไพบูลย์ ชูชัย หรือดีเจ.ลุงบุญ อายุ 49 ปี เข้ามอบตัวกับตำรวจสภ.เมืองเชียงใหม่ หลังตำรวจขออนุมัติศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ข้อหาร่วมกันก่อความไม่สงบหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, หยุดหรือจอดรถในลักษณะไม่ปลอดภัยและกีดขวางการจราจร โดยมีนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย ใช้ตำแหน่งส.ส.ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งตำรวจกำหนดวงเงินประกันตัวรายละ 1 แสนบาท

พ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ รองผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า คดีดังกล่าวก่อนหน้านี้มีประธานสี่ล้อแดงและแกนนำเสื้อแดงซึ่งเป็นนักจัดรายการวิทยุชุมชนถูกออกหมายจับรวมกัน 5 คน หากรวม 2 รายนี้ถือว่ามอบตัวแล้ว 4 คน คือนายสิงห์คำ นันติ ประธานสหกรณ์นครเดิน รถล้านนา จำกัด(สี่ล้อแดง) นายธานิน ประดิษฐ พันธ์ หรือดีเจ.ยุ้ย และนายมานะพันธุ์กับนายไพบูลย์ ยังเหลือนายสุพล ศุภางคะรัตน์ หรือดีเจ.อาจารย์สุรพล ซึ่งประสานมาว่าจะเข้ามอบตัวเร็วๆ นี้ โดยอ้างติดภารกิจอยู่ประเทศลาว

-วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิแถลง

เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ห้างอิมพีเรียล ลาด พร้าว ชั้น 6 นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงข่าวแนวทางการเคลื่อน ไหว โดยนายวีระกล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงมารวมตัวกันเพื่อต้องการชุมนุมและเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการโดยสันติวิธี หากประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิป ไตย คนเสื้อแดงต้องเคลื่อนไหวต่อไป ไม่ว่าบุคคลที่เข้าร่วมชุมนุมจะสวมเสื้อสีแดงหรือไม่ก็ตาม หลังจากนี้แกนนำจะประชุมเพื่อหาสถานที่ชุมนุมใหม่ อาจได้ 2-3 วันนี้ อาจนัดหมายชุมนุมสัปดาห์หน้า การชุมนุมครั้งนี้ยังยืนยันจุดยืนเดิมคือ ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เนื้อหาจะสรุปและชำระเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา

นายวีระกล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงช่วงเทศกาลสงกรานต์ถือเป็นวิกฤตของบ้านเมืองและเป็นประวัติศาสตร์ กลุ่มคนเสื้อแดงจึงเห็นว่าควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อชำระข้อเท็จจริงและสะสางเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถยกเทียบเคียงได้กับพฤษภาทมิฬ จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยเฉพาะประเด็นการใช้กำลังทหารติดอาวุธเข้าปราบปรามประชาชน การใช้กำลังทหารครั้งนี้ไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ศาลปกครองเคยบัญญัติไว้ ซึ่งต้องเป็นไปตามขั้นตอนสากล ไม่ว่าจะเป็นการเจรจา การใช้รถฉีดน้ำ การใช้แก๊สน้ำตาและการใช้กระบอง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภาวันที่ 7 ต.ค. 2551 พบว่ามีผู้ยื่นร้องเรียนผู้ดูแลเหตุการณ์ตั้งแต่ระดับนายกฯ ลงมา เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ต้องดำเนินการเช่นนั้น เพื่อไม่ให้เป็น 2 มาตรฐาน

นายวีระกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีมีผู้ตั้งคำถามว่าสถานีดีสเตชั่น เป็นของแกนนำเสื้อแดงนั้น ยืนยันว่าไม่จริง พวกตนเป็นเพียงผู้จัดรายการ ส่วนจะเปิดสถานีได้เมื่อใดสอบถามผู้บริหารสถานีได้รับคำตอบว่ากำลังดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย อาจออกได้เร็วๆ นี้ หรือสัปดาห์หน้า

-ยันไม่เคลื่อนไหวใต้ดิน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวว่าหลังจากนี้กลุ่มคนเสื้อแดงอาจเคลื่อนไหวใต้ดิน นายวีระกล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ใช่ไส้เดือน และเราไม่มีแนวคิดเช่นนั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย หลังจากนี้อาจมีบุคคลเข้าร้องเรียนป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการใช้กำลังทหารปราบปรามประชาชน รวมทั้งอาจมีบุคคลเข้ายื่นศาลปกครองให้ไต่สวนฉุกเฉินกรณีปิดดีสเตชั่น

นายจตุพรกล่าวว่า หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศยุติการชุมนุม เจ้าหน้าที่ออกหมายจับบุคคลที่ไม่ทราบชื่อหลายราย จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บุคคลที่ถูกออกหมายจับดังกล่าวมีบางส่วนเป็นทหารที่แทรกซึมเข้ามา อย่างเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยพบทหารแทรกซึมเข้ามา 9 นาย ส่วนใหญ่พยายามสร้างสถานการณ์ ส่วนกรณีมีผู้เสียชีวิตย่านนางเลิ้ง 2 ราย เบื้องต้นพบว่าภายในงานศพมีแต่พวงหรีด ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงยืนยันว่าไม่หากินกับคนตาย แต่จะต่อสู้เพื่อคนตาย

-2มาตรฐานทั้งสภา-พธม.

นายจตุพรกล่าวอีกว่า กรณีรองผบ.ตร.ยื่นประธานสภาขอตัวตนมาดำเนินคดีนั้น ที่ผ่านมาตนเตรียมพร้อมตลอด วันที่ 29 เม.ย.ตนอยากให้ประธานสภานำเข้าที่ประชุมเพื่อขอให้ลงมติ พรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลไม่ต้องมายกมือให้ หากมีมติให้ตนเข้ามอบตัวก็พร้อมเพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานกับพรรคประชาธิปัตย์หากโดนแบบตนบ้าง อยากตั้งคำถามนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพถึงคดีที่น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ฟ้องร้องอยู่นั้น ขณะนี้ประธานสภายังไม่บรรจุเรื่องเข้าวาระประชุมแต่อย่างใด

นายจตุพรกล่าวต่อว่า การสร้างเงื่อนไขประ กันตัวแกนนำคนเสื้อแดง พวกเราไม่ขัดข้อง แต่อยากตั้งคำถามอีกว่าเมื่อครั้งแกนนำพันธมิตรถูกออกหมายจับข้อหาบุกทำเนียบ ตำรวจให้ประ กันตัวโดยไม่มีเงื่อนไข และแกนนำพันธมิตรยังกลับไปชุมนุมต่อได้ทันที หากยังทำ 2 มาตร ฐานก็จะยิ่งตอกย้ำกระบวนการยุติธรรมของไทย

-แฉบิ๊กทหารกดดันแม่คนตาย

ขณะที่นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้นายกฯยังพยายามปิดบังข่าวสารในประเทศ เพื่อให้ข่าวที่ออกมาไปในทางเดียวกัน ปิดสื่อที่เป็นฝ่ายตรงข้าม แต่มีข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่รัฐบาลไม่สามารถปิดได้คือ นายอภิสิทธิ์นั่งบนเก้าอี้นายกฯบนกองเลือดประชาชน สื่อที่ยังไม่ได้ถูกตัดสินว่าถูกหรือผิด รัฐบาลควรให้เสรีภาพ จึงขอเรียกร้องรัฐบาลคืนสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนด้วยการคืนดีสเตชั่นและวิทยุชุมชนที่ถูกปิด หากรัฐบาลไม่ยอมปฏิบัติก็ต้องปิดเอเอสทีวีและสื่อที่เชียร์รัฐบาลด้วย

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า การเสียชีวิตของพลทหารอภินพ ภายในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ในส่วนของคดีขอให้เป็นเรื่องของตำรวจ ส่วนการชันสูตรศพขอให้เป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญ แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากพลทหารอภินพเสียชีวิต มีท่าทีของนายทหารระดับสูงพยายามกดดันและเกลี้ยกล่อมให้เผาศพ มีนายทหารยศพล.ต.สั่งนายทหารโทร.ไปหาแม่ผู้ตาย โดยใช้เบอร์ 089-946-68-- เพื่อพยายามกดดันและให้เผาศพผู้ตายทันที โทร.ไปหาแม่ผู้ตายหลายครั้งโดยเฉพาะวันที่ 25 เม.ย. หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการข้อมูลการใช้โทรศัพท์ข่มขู่แม่พลทหารที่เสียชีวิต กลุ่มคนเสื้อแดงพร้อมมอบให้

-3แกนนำทรท.ปฏิเสธนำม็อบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 25 เม.ย.ทำไมแกนนำคนเสื้อแดงจึงไม่ไปร่วมชุมนุมที่สนามหลวง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ช่วงเวลานั้นแกนนำทุกคนเพิ่งได้ประกันตัวมา ประกอบกับมีอาการอ่อนล้าจากการถูกควบคุมตัวและอยากพบครอบครัว รวมถึงเคารพคำสั่งศาล จึงตัดสินใจไม่ไปร่วมชุมนุม ขณะนี้กำลังปรึกษากับทนายถึงเรื่องเงื่อนไขของศาล

เมื่อถามว่ารูปแบบของการชุมนุมช่วงสัปดาห์หน้าจะเป็นอย่างไร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จะชุมนุมเพื่อชำระและสรุปเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะไม่เคลื่อนการชุมนุมไปปิดล้อมสถานที่ต่างๆ เมื่อถามถึงพ.ต.ท.ทักษิณกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่ผู้นำสูงสุดของคนเสื้อแดง เป็นเพียงผู้ปราศรัยผ่านวิดีโอลิงก์เท่านั้น หากตั้งประเด็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่าเป็นการทำเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าประเมินผิด

ต่อข้อถามว่ามีกระแสข่าวว่าอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 3 คน จะมาเป็นแกนนำเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งใหม่ นายจตุพรกล่าวว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลอ้างขึ้นมา ซึ่งทั้ง 3 คนได้ปฏิเสธแล้ว

-ทหารเจ้าของเบอร์รับโทร.จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมายเลขโทรศัพท์ที่นายณัฐวุฒิอ้างว่าเป็นเบอร์ที่นายทหารนายหนึ่งได้รับคำสั่งจากนายทหารยศพล.ต.โทร.ไปข่มขู่แม่ของพลทหารที่เสียชีวิตนั้น ผู้สื่อข่าวได้ทดลองโทร.ติดต่อไปยังหมายเลขดังกล่าว ปรากฏว่าเป็นของนายทหารนายหนึ่ง สังกัดหน่วยใน จ.แพร่ พื้นที่ภูมิลำเนาเดียวกับพลทหารที่เสียชีวิต สอบถามนายทหารคนดังกล่าวเบื้องต้นทราบว่า ได้โทร.ติดต่อแม่ของพลทหารที่เสียชีวิตจริง โดยพยายามติดต่อไปช่วงวันที่ 24-25 เม.ย. เนื่องจากการประชุมร่วม 2 สภา นำเรื่องดังกล่าวไปเป็นประเด็นทางการเมือง จึงได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้โทร.ไปหาแม่ของพลทหารที่เสียชีวิตเพื่อช่วยเหลือ และขอปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขู่แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การแถลงข่าวของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้ ถือเป็นการแถลงข่าวร่วมกันครั้งแรก หลังเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวหลังสลายการชุมนุมบริเวณรอบทำเนียบ ทั้งนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาให้กำลังใจจำนวนมาก บางส่วนเข้าสวมกอดและขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

-"เทือก"ปธ.ประชุมจัดงานใหญ่

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก โดยมีรมต.กระทรวงต่างๆ พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานต่างๆ ร่วมประชุมกว่า 2 ช.ม.

นายสุเทพเปิดเผยถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยว่า รับรองว่างานครั้งนี้ปลอดภัยแน่ นอน ตนให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่าหมื่นคนดูแล

"ผมจะยอมพลาดหลายครั้งในชีวิตนี้ได้อย่าง ไร" รองนายกฯ กล่าว

-5 พ.ค.ถ่ายทอดสดทั่วประเทศ

ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า วันที่ 5 พ.ค. นี้ รัฐบาลจัดกิจกรรมระหว่างเวลา 17.00-24.00 น. โดยนายกฯ จะเป็นประธานเวลา 20.00 น. ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ รัฐบาลเน้นเรื่องอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยประชาชนที่มาร่วมงาน ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจและเหล่าทัพจะจัดทำแผนปฏิบัติงานโดยละเอียด ทั้งนี้ จะประชุมเตรียมการอีกครั้งวันศุกร์ที่ 1 พ.ค. เวลา 14.00 น. ระหว่างนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต. ประจำสำนักนายกฯ จะชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับงานให้ประชาชนทราบทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

-ชี้ปลุกผีคอมมิวนิสต์ตกยุค

พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีแนวคิดเคลื่อนไหวแบบพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศ (พคท.) ในอดีต ว่า เชื่อว่าคงทำไม่ได้ เพราะบ้านเมืองเปลี่ยนยุค เปลี่ยนสมัยแล้ว อีกทั้งแนวคิดดังกล่าวคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ใครที่มีแนวคิดดังกล่าวคงตกยุค

ผู้สื่อข่าวถามว่านายจักรภพ เพ็ญแข ระบุจะเคลื่อนไหวลงใต้ดินและอาจใช้กองกำลังติดอาวุธ ปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า อยากถามว่าจะทำได้แค่ไหน แต่เท่าที่ประเมิน ทำไม่ได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย เพราะไม่ต้องการใช้ความรุนแรง คิดว่าสิ่งที่นายจักรภพพูดเป็นแค่การหลอกลวงประชาชน

-ยังไม่รู้แม้ว-เพ็ญอยู่ไหน

ขณะที่นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระ ทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการติดตามตัวนายจักรภพว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศยังดำเนินการอะไรไม่ได้ เพราะต้องรอหมายจับจากตำรวจก่อน ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ถ้าพำนักอยู่ประเทศไลบีเรียจริงคงเป็นปัญหา เนื่องจากไลบีเรียไม่มีสถานเอกอัครราชทูตไทย ถ้าทราบว่าอยู่ที่ไหน เราพร้อมประสาน ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่มีรายงานชัดเจนว่าทั้งพ.ต.ท.ทักษิณและนายจักรภพอยู่ที่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่าต่างชาติเชื่อมั่นสถานการณ์ทางการเมืองในไทยหรือยัง และยังห้ามนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยหรือไม่ นายวีระศักดิ์กล่าวว่า ประเทศส่วนใหญ่ไม่ห้ามคนมาเที่ยวประเทศไทย เพียงแต่ให้ระวังตัว เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ยังคงเตือนโดยขอให้หลีกเลี่ยงสถานที่ชุมนุม ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศประสานสถานทูตและสถานกงสุลต่างๆ ทั่วโลก ให้สร้างความมั่นใจ เมื่อสถานการณ์ต่างๆ สงบลงแล้ว เชื่อว่าต่างประเทศรอดูสถานการณ์สักระยะ จากนั้นคงเข้าสู่ภาวะปกติ

นายวีระศักดิ์กล่าวถึงความคืบหน้าจัดประชุม สุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาว่า ตอนนี้รอประสานเรื่องวันของผู้นำทั้ง 16 ประเทศ ซึ่งสัปดาห์นี้จะรู้ว่าจะใช้สถานที่ใดจัดประชุม และสัปดาห์หน้าจะทาบทามและประสานกับประเทศต่างๆ เชื่อว่าประเทศต่างๆ คงไม่ได้สนใจว่าจะใช้สถานที่ใดจัดประชุม แต่ต้องการความมั่นใจเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยมากกว่า ดังนั้นต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้น

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์