นายกฯเผยอาจทำประชามติก่อนปล่อยผี แย้มมีช่องทางอื่นช่วย พท.ยืนกรานใช้ร่างคปพร.โละรธน.50


นายกฯยันต้องนำปมนิรโทษกรรมการเมืองมาคุยกันบนโต๊ะ อาจทำประชามติก่อนปล่อยผี แย้มน่าจะมีช่องทางอื่นช่วยผู้ถูกตัดสิทธิ ประธานวิปเสนอดึงคนที่สังคมยอมรับมาร่วมวงศึกษา เพื่อไทยยืนกรานชงร่าง "คปพร."โละ รธน.50 ให้แก้บางมาตราก่อนแล้วเลือกตั้ง


นายกฯแยกคดีการเมือง-อาญา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.11) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 เมษายน ว่า ได้ขอให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เชิญทุกฝ่ายมาหารือเรื่องการแสวงหาทางออกทางการเมือง  ไม่ว่าจะเป็น การปฏิรูปการเมือง การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือการสร้างความสมานฉันท์ ฯลฯ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายน่าจะเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อปรับฐานการเมืองให้ทุกฝ่ายยอมรับกฎกติกาต่างๆ ก่อนแสวงหาทางออกทางการเมืองในขั้นต่อไป เพราะถ้ายังไม่ชำระสะสางกันในเรื่องนี้ การเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาพื้นฐานได้ เพราะจะทำให้ย้อนกลับไปอยู่ในสถานการณ์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา  

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนแนวคิดในการนิรโทษกรรมความผิดทางการเมือง ซึ่งมีการสะท้อนความคิดเห็นต่าง ๆ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นสิ่งที่สมาชิกรัฐสภาทุกคนพึงรับฟังและหาคำตอบต่อไป ตนจะไม่ชี้นำอะไร เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพรรคการเมืองหนึ่งซึ่งเสนอความเห็นมาพร้อมๆ กับพรรคการเมืองอื่น อย่างไรก็ตาม มองว่าประเด็นความผิดทางการเมืองเอามาวางบนโต๊ะได้ ส่วนจะทำหรือไม่ ต้องพูดจากันด้วยเหตุผล อาจมีกระบวนการถึงขั้นต้องทำประชาพิจารณ์ หรือประชามติก็ได้ แต่อยากย้ำว่าต้องแยกเรื่องความผิดทางการเมืองกับความผิดทางอาญาออกจากกัน เรื่องความผิดทางอาญาไม่ควรพูดถึงเลย ต้องตัดออกไป บางคนบอกว่ากฎหมายไม่ดี ไม่สมบูรณ์ อยากแก้ไข แต่ปัญหาคือพอแก้ จะมีทั้งคนที่ได้และเสียประโยชน์ จะมีเสียงวิจารณ์ว่าแก้เพื่อตนเองหรือไม่ เป็นปมที่ค้างมา 2 ปีแล้ว เหตุที่มีการชุมนุมกันทั้งปี 2551 ก็เริ่มต้นจากจุดนี้ ดังนั้นจึงต้องหาความพอดี

ไม่ใช่นิรโทษแต่มีช่องทางอื่นช่วย

"ถ้าอยากจะทำจริงๆ อะไรเป็นระบบที่ถูกต้อง ก็ไปให้ถึงจุดนั้น แต่อย่าคำนึงว่าทำอันนี้อันนั้นเพื่อคืนสิทธิให้ใคร ไม่ควรตั้งเป้าว่าคนเหล่านี้ควรได้รับการคืนสิทธิ คนเหล่านี้ควรดองเอาไว้ เอาความเป็นธรรมก่อน บางทีมันอาจจะไม่ใช่การนิรโทษกรรมก็ได้ มันมีช่องทางอื่นอีกตั้งเยอะ เช่น อาจแก้กฎหมายแล้วมีบทเฉพาะกาลที่เขียนโดยให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ตอบคำถามสังคมได้ แต่ไม่ขอพูดตรงนี้ เดี๋ยวจะหาว่าชี้นำ ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือปี 2550 ผมพร้อมฟังทุกฝ่าย" นายกฯกล่าว

เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการทำประชามติ หรือประชาพิจารณ์เรื่องการนิรโทษกรรมว่า ยังไม่ทราบว่าจะทำเฉพาะประเด็นนิรโทษกรรม หรือทำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะคณะทำงานจะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง เพียงแต่บอกว่าหากประเด็นใดที่มีความเห็นหลากหลาย ต้องฟังความเห็นให้รอบด้าน และมีวิธีการหาข้อยุติให้เป็นที่ยอมรับของคนทุกฝ่าย

ปชป.เสนอ4ฝ่ายร่วมปฏิรูป

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์  สมุทธรักษ์  โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงท่าทีของพรรคต่อเหตุการณ์ปัจจุบันว่า ภายหลังการประชุมร่วม 2 สภา ขั้นตอนต่อไป จะเป็นจะต้องให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม อย่างน้อย 4 ส่วน คือ รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล ,สถาบันนิติบัญญัติ ,สถาบันประชาธิปไตยและองค์กรอิสระ และภาคประชาชน  รวมถึงภาคส่วนที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

วิปดึงคนที่สังคมรับร่วมปฏิรูป

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า ในวันที่ 27 เมษายน วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภาจะหารือถึงประเด็นที่แต่ละฝ่ายมองว่ามีปัญหา รวมทั้งการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองเพื่อเสนอให้ประธานรัฐสภาลงนามแต่งตั้ง จากนั้น วิปทั้ง 3 ฝ่ายจะหารือถึงตัวบุคคลที่จะมาเป็นคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองต่อไป ทุกขั้นตอนจำเป็นต้องใช้ความรอบคอบอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการสรรหาตัวบุคคลที่จะมาเป็นคณะกรรมการฯ ต้องมาจากทุกภาคส่วน และต้องเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย สำหรับระยะเวลาศึกษาและแก้ไข เห็นว่าควรเร่งรีบ เพราะวิกฤตขณะนี้รอเวลาไม่ได้แล้ว

นายชินวรณ์กล่าวว่า ส่วนที่นายกรัฐมนตรีให้เวลา 2 สัปดาห์แก่พรรคร่วมรัฐบาล ในการศึกษาประเด็นปัญหาเพื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ในฐานะวิปรัฐบาลหน้าที่รวบรวมความคิดเห็นของทุกพรรคการเมือง จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ซึ่งพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นการนิรโทษกรรมหรือการยกเลิกมาตราที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรค เป็นสิทธิที่แต่ละพรรคจะเสนอแก้ไขประเด็นใด แต่ทั้งหมดจะต้องผ่านกระบวนการที่บริสุทธิ์ใจ เพื่อทำให้สังคมยอมรับว่าไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ทำเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ

พท.ชงร่างคปพร.โละรธน.50

นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค เปิดเผยถึงกล่าวถึงการเสนอประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งจะประชุมร่วม 3 ฝ่ายในวันที่ 27 เมษายนนี้ว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าต้องการแก้ไขในประเด็นใดบ้าง จะเริ่มพูดคุยในวันที่ 27 เมษายนนี้ พรรคจะเสนอให้นำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ แต่คิดว่าพรรคการเมืองอื่นอาจเสนอแตกต่างออกไป เช่น ให้แก้ไขในบางมาตราที่จำเป็นก่อนเพื่อนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งใหม่ หากเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรแก้ไขบางมาตรา พรรคเพื่อไทยก็ยอมรับได้ หากจะมองว่าการเสนอให้นำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับคืนมาหมายถึงการแก้ไขทั้งฉบับ ความหมายก็ยอมรับว่าใช่ ขณะนี้มีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่เสนอโดยคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ (คปพร.)ค้างพิจารณาในสภาอยู่แล้ว อาจนำผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 และผลศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการฯ มาพิจารณาประกอบด้วย

แก้บางมาตราก่อนแล้วเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากแก้ทั้งฉบับจำเป็นต้องตั้ง ส.ส.ร.3 หรือไม่ นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า สามารถให้สภาเป็นผู้ดำเนินการตามมาตรา291 ได้ แต่ก็จะมีปัญหาว่าองค์การภาคประชาชนอาจไม่เห็นด้วยดังนั้นต้องเปิดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมด้วย หรือวิธีการแก้ไขอีกแนวทางหนึ่งคือแก้บางมาตราที่เป็นปัญหา แล้วจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว แล้วให้สภาชุดใหม่มาดำเนินการแก้ไข การยอมรับก็จะมีมากขึ้น สำหรับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น พรรคเพื่อไทยจะไม่เป็นผู้ริเริ่มในชั้นนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาไปแล้ว ที่เหลือคือรอดูความคิดเห็นของพรรคการเมืองอื่น

เด็กปชป.จี้นายกฯยุบ

นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ทำครั้งนี้เพื่อชาติไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว พูดแล้วไม่รู้ว่าวันต่อไปจะได้พูดต่อไปหรือเปล่า ขอร้องนายกฯเป็นครั้งสุดท้ายถ้าเห็นแก่ประเทศชาติจริงๆ ถ้าไม่ยุบสภา คณะรัฐมนตรี ส.ส.อาจมีการสูญเสีย ขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายและจะไม่พูดอีกแล้ว ทั้งนี้ในวันที่ 7–12 พฤษภาคมนี้ จะไปบวช แต่ไม่ให้ใครรู้ว่าบวชที่ไหน 

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์กรณีวิป 3 ฝ่ายนัดหารือวันที่ 27 เมษายนนี้ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทุกฝ่ายพยายามทำให้บ้านเมืองฝ่าวิกฤตความขัดแย้ง ใครก็ตามที่ตั้งใจจริง ทำให้เรื่องนี้คลี่คลาย ก็น่าชื่นชม แต่ต้องทำด้วยความจริงใจ ไม่ใช่ฉวยโอกาสยืดอายุรัฐบาล ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้ง

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์